บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 บุรุษผู้ช่วยเหลือ

บทที่ 4

บุรุษผู้ช่วยเหลือ

จางเสี่ยวมี่ที่เห็นว่าลูกน้องทั้งสองออกไปหมดแล้ว นางจึงได้คิดใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อลู่หนีออกไปเพื่อตามคนมาช่วย และนางจะเป็นผู้ที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ที่นี่เอง เพราะหากจะหนีออกไปพร้อมกันทั้งสองก็เกรงว่าจะถูกจับได้ขึ้นมาเสียก่อน

ทันทีที่ไม่มีคนมาขวางทางแล้ว ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ผลักร่างของจางเสี่ยวมี่ล้มตัวนอนกับเสื่อผืนเก่าทันที ตามด้วยร่างกายกำยำที่ทาบทับลงมาไม่ห่าง จมูกโด่งสูงซุกไซ้ดอมดมที่ลำคอระหงด้วยความหลงใหล ในจังหวะที่มันกำลังมัวเมาเพราะกลิ่นกายสาวอยู่นั้นมันกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดตรงบริเวณลำคอ

"โอ๊ย!!"

มันค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองก่อนจะฟุบลงแน่นิ่งไป ปิ่นทองในมือที่ถูกดึงออกมาจากมวยผมปักเข้าไปที่ลำคอหนาของมันอย่างแรง เลือดสีแดงสดไหลกระฉูดออกมาเป็นสาย ตรงตำแหน่งที่จางเสี่ยวมี่แทงไปนั้นคือเส้นเลือดใหญ่พอดี ทำให้มันแน่นิ่งไปในบัดดลไม่ทันได้ทำร้ายนางได้อีก จางเสี่ยวมี่รีบผลักร่างที่ไร้วิญญาณของมันล้มตัวลงนอนกับพื้นอย่างรังเกียจ ทั้งยังเอาผ้าเช็ดหน้าที่เก็บไว้เช็ดคราบน้ำลายอันน่าขยะแขยงที่ลำคอขาวจนแดงเถือกด้วย สีหน้าของนางนั้นสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้สิ่งใด

จื่อลู่ที่ตั้งใจจะคว้าแจกันใบเก่าไปตีหัวชายผู้นั้นพลันชะงักค้างอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง นางมองดูร่างที่ไร้วิญญาณของหัวหน้าโจร แล้วมองดูคุณหนูราวกับเห็นผี

คุณหนูของนางกล้าสังหารคนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

"คะ คุณหนูเจ้าคะ"

จื่อลู่ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาจางเสี่ยวมี่ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย...

"มันตายแล้ว เจ้ารีบปีนออกทางหน้าต่างนั่นแล้วรีบตามคนมาช่วยข้าเร็ว ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวว่าหัวหน้าของมันตายแล้ว"

"เราไปด้วยกันเถิดเจ้าค่ะคุณหนู"

"ไม่ได้!"

จางเสี่ยวมี่ชี้นิ้วไปที่ข้อเท้าเล็กของนางที่ตอนนี้เขียวช้ำจนน่ากลัว ที่แท้คุณหนูของนางข้อเท้าแพลงจึงมิอาจขยับตัวได้อย่างถนัดนี่เอง

"คุณหนูนี่ท่านบาดเจ็บหรือเจ้าคะ"

"อย่ามัวแต่สนใจข้า รีบไปตามคนมาช่วยข้าเร็วเข้ามองหาลำธารแล้วเดินเหนือขึ้นไป มิแน่ว่าอาจจะพบกับอาซ่งก็เป็นได้ ข้าคงถ่วงเวลาพวกมันได้สักครึ่งชั่วยามก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว ข้าไว้ใจเจ้านะจื่อลู่"

จางเสี่ยวมี่จำได้ว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมานี้พวกนางมักจะได้แวะข้างลำธารใสเสมอ และวัดร้างแห่งนี้ถ้านางจำไม่ผิดคงเป็นรังของพวกโจรป่าที่แอบซ่องสุมกำลังคนกันเป็นแน่ หากให้จื่อลู่เดินทวนขึ้นไปตามกระแสน้ำจะต้องพบกับอาซ่งอย่างแน่นอน

"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะคุณหนู"

จื่อลู่โขกศีรษะลงกับพื้นแล้วรีบปีนหนีออกไปทางหน้าต่างทันที ก่อนไปนางยังหันกลับมามองคุณหนูอีกครั้ง...

คล้อยหลังที่จื่อลู่จากไปแล้ว จางเสี่ยวมี่ก็ได้ส่งเสียงร้องครวญครางให้คนด้านนอกได้ยิน ทั้งยังแสร้งดัดเสียงเป็นหัวหน้าโจรเป็นเสียงทุ้มต่ำ และโยนข้าวของที่อยู่ภายในห้องโถงให้เกิดเสียงดังไปด้วย

"อื้อ...พี่ชาย อ่า อย่ารุนแรงกับข้านักสิ"

"อ่า...ข้าชอบยิ่งนัก"

จางเสี่ยวมี่นั่งลงพลางบีบนวดข้อเท้าที่แพลงจนเป็นสีม่วงคล้ำด้วยความเจ็บปวด เมื่อเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปนางก็จะส่งเสียงขึ้นมาเป็นระยะเพื่อให้คนด้านนอกตายใจ คราแรกนางไม่ได้นึกทบทวนให้ดีก่อนจะตระหนักได้ว่าพวกโจรพวกนี้หาใช่โจรป่าทั่วไปไม่ เพราะจากคำพูดและการกระทำคล้ายกับว่าพวกมันจงใจที่จะจับตัวนางมาที่แห่งนี้เพื่อต้องการทำลายเกียรติยศและชื่อเสียงของนาง

ผู้ใดกันที่มีแผนการชั่วร้ายถึงเพียงนี้!

จางเสี่ยวมี่ค่อย ๆ กะเผลกตัวเองไปยังร่างของหัวหน้าโจรแล้วค้นตัวของมัน นางค้นไปสักพักก็พบกับเครื่องประดับทองชิ้นหนึ่งและกระดาษแผ่นเล็กที่เขียนด้วยลายมืองดงามที่คุ้นตายิ่งนัก

'จางเสี่ยวมี่'

แค่ประโยคเดียวนางก็รู้แล้วว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีต้องการทำลายชื่อเสียงของนาง แต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่หรือว่าจะเป็นคนที่หวังจะทำลายตระกูลจางของนางกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งมืดแปดด้าน...

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งได้ยินเสียงต่อสู้จากทางด้านนอก จางเสี่ยวมี่รีบลุกขึ้นยืนเพื่อสังเกตการณ์ ความหวังที่เคยมอดดับพลันสว่างไสวขึ้นมาในทันที จื่อลู่ของนางช่างฉลาดนักสามารถตามคนมาช่วยเหลือนางได้รวดเร็วเช่นนี้ แต่ทันทีที่ประตูถูกถีบเข้ามาพร้อมกับร่างกายสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำขลิบเงิน จางเสี่ยวมี่พลันรู้สึกว่านางคิดผิดไป

คนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก!

บุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่เดินเข้ามาพร้อมถือดาบเล่มใหญ่ในมือ คมดาบที่คมกริบสะท้อนกับแสงสว่างจากภายนอก ใบมืดที่ควรจะเป็นสีเงินแวววาวกลับอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉานของศัตรู

"พูด!"

ดาบเล่มใหญ่จ่อไปที่ลำคอระหง สายตาคมกริบดั่งนัยน์ตาเหยี่ยวจับจ้องสตรีตรงหน้าไม่วางตา พร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วจนมาหยุดที่ร่างไร้วิญญาณของหัวหน้าโจร คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถามขณะที่มองไปที่ร่างนั้น

จางเสี่ยวมี่ยืนนิ่งด้วยความหวาดกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิต นางไล่สายตามองบุรุษตรงหน้าที่แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้นด้วยความหวาดหวั่น แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังทำใจดีสู้เสือ ในเมื่อเขาสังหารพวกโจรป่าไปสิ้นแล้ว เขาคงจะไม่ใช่พวกเดียวกันเป็นแน่แต่ไม่รู้ว่าจะมาดีหรือร้ายเท่านั้นเอง

หย่งหมิ่นที่เพิ่งจัดการเก็บกวาดพวกโจรข้างนอกได้เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังของผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินไปตรวจสอบศพที่คาดว่าเป็นหัวหน้าโจรป่าที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่

"ตายแล้วขอรับนายท่าน"

"พูด!!"

คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นคำถาม จางเสี่ยวมี่ที่เพิ่งจะได้สติจึงได้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ที่มาใหม่

"ข้าถูกพวกมันจับตัวมาเจ้าค่ะ และเป็นข้าที่ใช้ปิ่นนี่สังหารมันด้วยตัวเอง สาวใช้ของข้าหลบหนีไปได้กำลังตามคนให้มาช่วยข้าเจ้าค่ะ"

"เอ่อ...เช่นนั้นแม่นางเป็นผู้ใดหรือขอรับ"

หย่งหมิ่นเอ่ยถามแทนผู้เป็นนายที่ปากหนักเหลือเกิน ดูจากสายตาก็รู้ได้ทันทีว่าเบื้องหลังของสตรีผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

จางเสี่ยวมี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะเห็นท่าทางของหย่งหมิ่นจึงคิดว่าเขาน่าจะเป็นทหาร และเมื่อกวาดสายตาไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามีกลุ่มคนสวมใส่ชุดเกราะดั่งทหารชาญศึกที่นางเคยพบเมื่อชาติก่อน

"ข้ามีนามว่าจางเสี่ยวมี่เป็นบุตรสาวคนโตของท่านเสนาบดีกรมคลัง จางอี้อิน!"

"ฮ้า...ข้าน้อยเสียมารยาทแล้วต้องขออภัยคุณหนูจางด้วยขอรับ ข้าน้อยมีนามว่าหย่งหมิ่นขอรับ"

จางเสี่ยวมี่พยักหน้ารับ ก่อนที่สายตาจะหันไปมองบุรุษที่ยังถือดาบจ่อที่คอของนางอยู่เช่นนี้

"ท่านไม่คิดจะลดดาบลงก่อนหรือเจ้าคะ"

เขาลดดาบลงตามคำขอของนาง ก่อนจะส่งดาบคืนไปให้กับหย่งหมิ่น

"เซียวซาน"

"...?"

นี่คือเขาบอกชื่อนางเช่นนั้นหรือ ตระกูลเซียว ตระกูลแม่ทัพแห่งทิศอุดร หรือว่าเขาจะเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพใหญ่เซียว เช่นนั้นนางก็ควรจะผูกมิตรกับเขาไว้จะดีกว่า

"ที่แท้ท่านก็คือคุณชายเซียว ข้าขอบคุณคุณชายเซียวมากที่ให้การช่วยเหลือข้าในวันนี้เจ้าค่ะ"

จางเสี่ยวมี่ยอบกายคารวะเป็นการขอบคุณอีกฝ่าย หากว่านางหันไปมองหย่งหมิ่นสักน้อยคงจะต้องนึกประหลาดใจกับท่าทีของเขาเป็นแน่ เพราะตั้งแต่หย่งหมิ่นได้ยินคำว่าเจ้านายเอ่ยบอกนามนั้นออกไป เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้านายของเขาจะเอ่ยนามนี้ออกมา สายตาที่หย่งหมิ่นมองไปทางจางเสี่ยวมี่จึงมีประกายแปลกประหลาดขึ้นมาแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

"เรื่องเล็กน้อย" เซียวซานเอ่ยตอบอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก

เมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงคิดจะเดินทางไปพักแรมยังที่อื่น ส่วนตรงนี้ก็ให้ทหารจัดการกันไป

ในตอนนี้เองจางเสี่ยวมี่ได้มาขอร้องเซียวซาน นางนึกเป็นห่วงจื่อลู่ยิ่งนัก มิรู้ว่าสาวใช้ตัวน้อยของนางจะเป็นอย่างไรบ้าง จะตามอาซ่งมาช่วยได้หรือไม่ หรือว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับนางอีกเพราะป่าแห่งนี้ก็ไม่น่าไว้ใจนัก

"เอ่อ...คุณชายเซียวเจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนท่านสักเล็กน้อยเจ้าค่ะ คือว่าสาวใช้ของข้าเจ้าค่ะ"

เซียวซานหันไปมองหย่งหมิ่นแล้วพยักหน้า ทันทีที่หย่งหมิ่นเห็นสัญญาณนั่นจึงได้เอ่ยกับจางเสี่ยวมี่ ด้วยเขารู้ดีว่าเจ้านายของเขานั้นประหยัดถ้อยคำยิ่งนัก ต้องเป็นเขาอยู่ร่ำไปที่ต้องมาเป็นปากให้แก่เจ้านาย

"เรื่องนี้คุณหนูจางอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ คุณชายของข้าจะส่งคนไปแจ้งเรื่องของท่านว่าตอนนี้ท่านปลอดภัยแล้ว แต่เพราะว่านี่เป็นยามกลางคืนไม่สะดวกในการเดินทางไกล และคุณหนูจางเองก็บาดเจ็บ ด้วย คุณชายจึงคิดจะเชิญคุณหนูจางไปพักด้วยกันยังป่าฝั่งโน้น โดยพรุ่งนี้เช้าคุณชายจะเป็นคนไปส่งคุณหนูจางเองขอรับ"

"ขอบคุณคุณชายเซียวมากเจ้าค่ะ"

จางเสี่ยวมี่หันไปเอ่ยคำขอบคุณ แต่กลับได้รับแค่การพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น

"ไป!"

"เจ้าค่ะ"

นางรู้แล้วว่าเขาเป็นบุรุษประเภทไม่ชอบพูดสิ่งใดให้มากความ เขาจะเอ่ยแค่คำสั้น ๆ เท่านั้น นางต้องมาตีความหมายเอาเองว่าหมายความว่าสิ่งใด การที่เขาเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะนางเองก็ไม่อยากเอ่ยสิ่งใดออกไปนัก

ทั้งหมดเดินออกมาหน้าวัดร้าง ในตอนที่จางเสี่ยวมี่กะเผลกขาเดินไปอย่างเชื่องช้านั้น นางหยุดมองศพของพวกโจรที่คิดจะย่ำยีนางด้วยสายตาเรียบเฉยเย็นชา ในเมื่อมุ่งหวังจะทำร้ายผู้อื่นก็ต้องเตรียมใจถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน

"ช้าจริง"

เซียวซานหันกลับมามองด้วยความรำคาญใจ จากนั้นจึงเดินเข้ามาช้อนร่างอันบอบบางของจางเสี่ยวมี่เข้ามาในอ้อมแขนแข็งแรง แล้วพานางเดินไปยังม้าที่ถูกผูกเอาไว้ไม่ไกลนัก

คราแรกนางขัดขืนเล็กน้อย แต่เพราะเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเขาและตอนนี้นางยังต้องพึ่งพาเขาอีกมากจึงได้นิ่งเสีย ปล่อยให้เขาอุ้มนางไปยังม้าตัวโตสีดำ

เซียวซานไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเลยแม้แต่คำเดียว เขาจัดการวางร่างของจางเสี่ยวมี่ให้ขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ส่วนตัวเขาเองก็กระโดดขึ้นมาซ้อนหลังนาง ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเอื้อมมาจับสายบังเหียนด้านหน้า ก่อนจะกระตุกสายบังเหียนแล้วพุ่งทะยานไปด้านหน้าตามเส้นทางที่กำหนดไว้

หย่งหมิ่นอมยิ้มกับท่าทางของผู้เป็นนาย แล้วจึงหันมาสั่งการทหารยศน้อยให้จัดการที่นี่ให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขาก็ได้ควบม้าติดตามผู้เป็นนายพร้อมด้วยทหารคนสนิทอีกสี่คน

ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก หากควบม้าด้วยความเร็วปกติก็จะใช้เวลาราวหนึ่งเค่อ แต่ไม่รู้ทำไมไยทุกอย่างจึงดูเชื่องช้านัก กว่าทุกคนจะมาถึงยังที่หมายก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งชั่วยาม...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel