บทที่ 3 คนร้ายในเงามืด
บทที่ 3
คนร้ายในเงามืด
รถม้าของจวนตระกูลจางเคลื่อนไปยังปลายทางอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนหนทางก็สะดวกสบายค่ำไหนก็นอนพักที่เมืองนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งเข้าสู่วันที่สิบของการเดินทาง ในตอนที่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าและขบวนรถม้ายังไม่ได้ออกจากป่าไผ่ ผู้คุ้มกันจึงเล็งเห็นว่าควรหยุดพักที่จุดหยุดพักที่นี่ก่อน หากจะเดินทางต่อในยามกลางคืนก็อันตรายนัก เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายก็เป็นได้
"คุณหนูขอรับ คืนนี้เราคงต้องหยุดพักกันที่นี่ก่อนคงต้องรบกวนคุณหนูนอนในรถม้าสักหนึ่งคืนแล้วล่ะขอรับ"
อาซ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาเกรงว่าคุณหนูอาจจะไม่พอใจแล้วพาลบันดาลโทสะเฉกเช่นคุณหนูในห้องหอผู้อื่น
"เข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ก่อไฟกองใหญ่ ๆ ไว้ด้วยเล่า แล้วผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้ายามในตอนกลางคืนด้วย"
"ขอรับคุณหนู"
อาซ่งพลันรู้สึกโล่งใจที่คุณหนูของเขาว่าง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก ทั้งยังรอบคอบในเรื่องเวรยามเสียด้วย เช่นนี้การเดินทางไปเมืองอู่เฉิงเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เสียงของฟืนดังปะทุเป็นระยะเพราะโดนไฟกิน กองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นกลางที่พักที่ให้ทั้งแสงสว่างและความอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เสียงนกร้องและเสียงแมลงที่หากินในยามกลางคืนต่างร้องระงมไปทั่วป่าไผ่ คนคุ้มกันบางส่วนได้นอนพักเอาแรงเพื่อวันพรุ่งนี้ จางเสี่ยวมี่ที่นอนหลับในยามกลางวันจึงยังตาสว่างอยู่มาก นางหยิบหนังสือนิยายประโลมโลกของยุคนี้ขึ้นมาอ่าน โดยอาศัยแสงไฟจากกองไฟที่ลอดเข้ามาผ่านทางหน้าต่างรถม้า
"คุณหนูไม่ง่วงหรือเจ้าคะ ฮ้าวว"
จื่อลู่เอ่ยถามทั้งที่นางอ้าปากหาวเพราะความง่วงงุนที่คืบคลานเข้ามา แต่เพราะหน้าที่ของสาวใช้ที่ดีเมื่อเห็นว่าเจ้านายยังไม่นอน นางก็มิอาจจะข่มตาหลับได้อย่างสบายใจนัก
"ข้ายังไม่ง่วงหรอก เจ้านอนก่อนเถอะ"
"บ่าวก็ยังไม่ง่วงเจ้าค่ะ"
จื่อลู่สะบัดหน้าไล่ความง่วงออกไป นางนั่งถ่างตาอยู่เช่นนั้นไม่ยอมล้มตัวลงนอน จางเสี่ยวมี่ที่เห็นเช่นนั้นพลันหัวเราะขำแล้วจึงวางหนังสือไว้ข้างตัว ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ถูกปูไว้โดยฝีมือของจื่อลู่
"ข้าชักจะง่วงแล้วสิ งั้นเรานอนกันเถิด"
"เจ้าค่ะ"
จื่อลู่หยิบผ้าห่มผืนหนาที่ทำจากขนแกะชั้นดีขึ้นมาห่มคลุมกายให้เจ้านายสาว ก่อนที่นางจะล้มตัวลงนอนด้านข้าง เวลาผ่านไปไม่กี่ลมหายใจจางเสี่ยวมี่ก็ได้ยินเสียงนอนกรนเบา ๆ ของจื่อลู่ หญิงสาวที่ยังไม่ง่วงจึงได้หยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มขำสาวใช้ตัวน้อยของตน
"นี่หรือคนไม่ง่วง พอล้มตัวลงนอนก็หลับเชียวนะ"
จางเสี่ยวมี่นึกเอ็นดูจื่อลู่ยิ่งนัก เวลานี้นางก็อายุล่วงเข้าสู่ 18 หนาวแล้ว ส่วนจื่อลู่นั้นอายุน้อยกว่านาง 2 ปี เพราะชีวิตของคนในยุคนี้จึงทำให้เด็กสาวที่ควรจะสดใสตามวัยต้องเติบโตเกินกว่าอายุของตน หากเป็นในยุคที่นางจากมาอายุเพียงเท่านี้ก็คงกำลังเที่ยวเล่น และร่ำเรียนหนังสืออย่างสนุกสนาน หาใช่ต้องมาทำงานอย่างหนักเช่นนี้ไม่
หญิงสาวนึกสะท้อนในยุคสมัยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...
"หืม...กลิ่นอะไร หอมประหลาดนัก"
จางเสี่ยวมี่พึมพำกับตนเองด้วยความแปลกใจ นางกำลังจะเอ่ยปากถามอาซ่งพลันรู้สึกถึงความง่วงงุนที่จู่โจมเข้ามา ก่อนที่สติของนางจะดับวูบลงไปพร้อมกับคนอื่น ๆ
ทุกคนที่ร่วมเดินทางต่างผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาสลบของผู้ไม่หวังดี เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าทุกคนหลับไปกันหมดแล้วจึงได้ปรากฏกายออกมาจากมุมมืด ชายชุดดำที่โพกใบหน้าที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้าเดินเข้ามาเตะขาของอาซ่ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของตนก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความโชคร้าย
"ไปเอาคนมา"
"ขอรับ"
ชายชุดดำสองคนเดินเข้าไปเปิดประตูรถม้า พวกมันเห็นสตรีสองนางก่อนจะผุดยิ้มชั่วร้ายออกมา
"หัวหน้า มีสาวใช้มาด้วยข้าขอได้หรือไม่"
"เออ! รีบเอาตัวออกมาเร็วเข้า เดี๋ยวพวกมันจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน"
ชายชุดดำที่มองจื่อลู่ไม่วางตารีบช้อนร่างของนางเอาขึ้นพาดบ่าทันที ส่วนอีกคนก็อุ้มร่างที่ไร้สติของจางเสี่ยวมี่ออกมา เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พวกมันก็พาตัวสตรีทั้งสองไปยังจุดนัดพบที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
จางเสี่ยวมี่รู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม เปลือกตาค่อย ๆ ขยับก่อนจะลืมขึ้นแล้วจึงพบว่าบัดนี้นางได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของคนชั่วช้าเสียแล้ว ข้อมือทั้งสองและข้อเท้าต่างถูกพันธนาการด้วยเชือกที่แน่นหนา ไม่ว่าจะขยับอย่างไรก็ไม่มีทางสามารถหลุดพ้นไปได้
หญิงสาวหลับตาลงแล้วตั้งสติ นางกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณเพื่อสังเกตการณ์จึงได้พบว่าที่แห่งนี้ดูคล้ายกับวังร้าง เนื่องจากที่ที่นางนอนขดตัวอยู่นั้นคือห้องโถงที่ด้านหลังมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ แม้ว่าจะดูทรุดโทรมและสกปรกไปบ้างแต่ก็คาดว่าไม่น่าจะผิดไปจากที่คาดไว้นัก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปทั่วก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่นอนอยู่ไม่ห่างกันนัก นางเบิกตากว้างก่อนจะขยับกายเข้าไปใกล้ แล้วใช้ไหล่กระแทกอีกฝ่ายให้รู้สึกตัวตื่น
"จื่อลู่ จื่อลู่ รีบตื่นเร็วเข้า จื่อลู่!"
น้ำเสียงกังวานหวานเอ่ยเรียกเสียงเบาด้วยกลัวว่าพวกมันที่อยู่ข้างนอกจะได้ยิน จื่อลู่ที่สลบอยู่ค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้น ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจกลัวและหวั่นวิตกยิ่งนัก
"คะ คุณหนู นี่ที่ไหนเจ้าคะ"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงเป็นวัดร้างที่กลายเป็นรังโจรของพวกมันไปแล้ว"
ทางด้านนอกได้ยินเสียงพูดคุยกันเสียงดังของบุรุษดังมาไม่ขาดสาย พวกมันคงกำลังร่ำสุราและพูดคุยกันด้วยความคึกคะนองเป็นแน่
"ระ เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ"
จื่อลู่พยายามขยับข้อมือของตน แต่ยิ่งนางขยับมากเท่าใดเชือกก็ยิ่งบาดลึกเข้าไปในผิวเนื้อบอบบางนั่น
"เจ้าอย่าเพิ่งได้ร้อนใจไป ที่พวกมันจับพวกเรามาโดยยังไม่สังหารคงต้องการสิ่งใดเป็นแน่ ข้าจะลองเจรจากับพวกมันดูก่อนและถ้ามีโอกาสเจ้ารีบวิ่งหนีออกไปเลยนะจื่อลู่"
นางบุ้ยหน้าไปทางบานหน้าต่างที่อยู่ไม่ไกลนัก คาดคะเนจากสายตาคิดว่าจื่อลู่คงจะกระโดดหนีออกจากทางหน้าต่างได้โดยง่าย
"บ่าวจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่มีวันทิ้งคุณหนูเป็นอันขาดเจ้าค่ะ"
"ข้าให้เจ้าไปตามคนมาช่วยต่างหากเล่า เจ้าวิ่งไวกว่าข้ามากนัก และหากข้าคิดไม่ผิดพวกมันคงต้องการตัวข้ามากกว่าเจ้าที่เป็นสาวใช้เป็นแน่"
"คุณหนู..."
"นี่คือคำสั่ง! เข้าใจหรือไม่"
จางเสี่ยวมี่จ้องเขม็งด้วยสายตาคมดุ นางไม่หวั่นหากจะต้องตายอีกครั้ง แต่กับจื่อลู่นั้นไม่เหมือนกัน...
ราวกับพวกโจรมันรู้ว่าพวกนางฟื้นขึ้นมาแล้วจึงได้พากันเดินเข้ามาสองคน ชายผู้เป็นหัวหน้าย่างกรายเข้ามาใกล้จางเสี่ยวมี่กับจื่อลู่ที่นั่งอยู่มุมห้องโถงของวัดร้าง มันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยความชั่วร้าย พร้อมกับใช้สายตาโลมเลียกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างของจางเสี่ยวมี่อย่างน่ารังเกียจ เพียงแค่สายตาของมันจางเสี่ยวมี่ก็รู้วัตถุประสงค์ของพวกมันได้ในทันที
คนพวกนี้ต้องการข่มเหงนาง!
"ฟื้นเร็วเหมือนกันนี่ ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างขอรับคุณหนูคนงาม"
น้ำเสียงยียวนเอ่ยถามสตรีผู้อ่อนแอ ฝ่ามือที่หยาบกร้านจับปลายคางของจางเสี่ยวมี่ให้เงยหน้าขึ้น ยิ่งมันได้เห็นโฉมหน้าที่งดงามของจางเสี่ยวมี่แล้ว พลันรู้สึกร้อนรุ่มอยากจะครอบครองบุปผางามดอกนี้ในทันที
"เจ้าต้องการอะไร...เรือนร่างของข้าเช่นนั้นหรือ"
"คุณหนู!" จื่อลู่ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
"ฮ่ะฮ่า พวกเจ้าดูคุณหนูคนงามนี่สิ นางหาได้หวาดกลัวพวกเราเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังกล้าเอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ได้อีก ถูกใจข้ายิ่งนัก"
"ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นสิขอรับหัวหน้า สงสัยว่าคุณหนูคนงามคงจะหลงเสน่ห์ในตัวท่านหัวหน้าของเราเสียแล้ว ถึงได้ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลย"
ชายผู้เป็นหัวหน้าพลันยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ มันยกยิ้มด้วยความลำพองที่ใบหน้าอันโหดเหี้ยมนี้ถูกใจจางเสี่ยวมี่ หญิงสาวที่นั่งฟังพลันจับสังเกตได้ นางจึงแสร้งคลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานที่สุด
"พี่ชายกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าอยู่แต่ในห้องหอไม่เคยพบเจอบุรุษที่ห้าวหาญเช่นนี้มาก่อนเลย พี่ชายท่านนี้ช่างถูกใจข้ายิ่งนัก โอ๊ย!"
จางเสี่ยวมี่แสร้งร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อขยับข้อมือของตน หัวหน้าโจรที่ถูกหญิงงามเอ่ยชมพลันรู้สึกดียิ่งนัก ท่าทีที่ดุดันพลันอ่อนลงไปหลายส่วน ยิ่งเห็นว่าพวกนางทั้งสองก็แค่สตรีที่อยู่แต่ในห้องหอ คงมิอาจจะหลบหนีออกไปได้จึงได้สั่งให้คนแก้มัดให้พวกนาง ข้อมือเล็กและข้อเท้าที่ได้รับอิสระนั้นกลับปรากฏรอยแดงจนน่าหวาดหวั่น ผิวกายที่เคยขาวผ่องบังเกิดรอยแดงให้ระคายสายตา
"เหตุใดมัดแน่นเช่นนี้ ดูสิว่าผิวขาว ๆ ของนางเป็นรอยแดงหมดแล้ว"
ชายผู้เป็นหัวหน้าหันมาตวาดใส่ลูกน้องด้วยความไม่พอใจ แค่สตรีตัวเล็ก ๆ จะต้องรุนแรงไปทำไมกัน
"ขะ ขอโทษขอรับหัวหน้า พวกข้าเกรงว่านางจะหลบหนีออกไปได้"
จางเสี่ยวมี่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขันราวกับได้ยินเรื่องตลก นางค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีอ่อนแรงก่อนจะซวนเซเล็กน้อย หัวหน้าโจรรีบเข้ามาประคองนางในทันที เรือนร่างนุ่มนิ่มและกลิ่นกายหอมกรุ่นที่โชยออกมานั้น ทำให้มันรู้สึกอยากจะครอบครองนางยิ่งขึ้นไปอีก
"ข้าหรือที่จะกล้าหนีพวกท่านไป แค่แรงจะยืนข้ายังไม่มีเลย พวกท่านคิดมากเกินไปแล้ว"
"พวกเจ้านี่มันไม่ได้เรื่อง ข้าจะสนทนากับพวกนางเพียงสองคน เจ้าเอาสาวใช้ผู้นี้ไปก่อน"
แววตากรุ้มกริ่มมองร่างเล็กในอ้อมแขนตาเป็นมัน จางเสี่ยวมี่เห็นเช่นนั้นรีบเอนกายซบที่หน้าอกหนาของหัวหน้าชายชุดดำ แววตาคู่สวยช้อนสายตามองด้วยความออดอ้อนเอาใจ น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกความสนใจจากผู้เป็นหัวหน้า
"สาวใช้ของข้านางเป็นเพียงสตรีอายุน้อย ลูกน้องของพี่ชายอาจจะทำรุนแรงกับนางก็เป็นได้ มิสู้ให้พวกข้านายบ่าวปรนนิบัติพี่ชายก่อนไม่ดีหรือ"
"คุณหนู!"
จื่อลู่นั่งหน้าซีดด้วยความตกใจ แต่เมื่อนางได้สบสายตาเข้ากับสายตาดุของคุณหนูก็เข้าใจ นี่จะต้องเป็นแผนการของคุณหนูของนางเป็นแน่ คิดได้เช่นนั้นจื่อลู่จึงได้เปลี่ยนท่าทีของตนเอง นางคลานเข้ามาหาหัวหน้าโจรผู้มีใบหน้าน่าหวาดกลัวนั่นด้วยความใจกล้า
"ขะ ข้าอยากมอบสิ่งทำล้ำค่าที่สุดให้นายท่านเจ้าค่ะ คะ คนผู้นั้นหน้าตาน่าชังนัก!"
"นี่เจ้า! ยังจะกล้าปากดีเช่นนี้อีกหรือ"
ชายผู้ที่ถูกเรียกว่าหน้าตาน่าชังรู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาตรงเข้ามาหมายจะเตะสาวใช้ปากดีผู้นั้นให้กระเด็น แต่ท่านหัวหน้ากลับเข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน
"เจ้าคิดจะทำอะไร! หรือว่าเจ้าคิดว่านางตาบอดที่เลือกข้าเช่นนั้นหรือ ห๊ะ!!"
"ปะ เปล่านะขอรับ ข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้นเอง"
"หึ! พวกเจ้าออกไปได้แล้วค่ำคืนนี้ข้าจะใช้เวลาร่วมกันกับพวกนางทั้งสองคน"
"แต่ว่า..."
"ยังไม่ไสหัวออกไปอีก!"
"ขะ เข้าใจแล้วขอรับ"
ลูกน้องทั้งสองเดินออกมาด้วยความหัวเสีย คราแรกนึกว่าจะได้สาวใช้ผู้นั้นเป็นรางวัล แต่กลับกลายเป็นว่าสตรีที่งดงามทั้งสองต้องตกเป็นของหัวหน้าไปก่อนเสียนี่ ช่างน่าเสียดายนัก!