ไดโนเสาร์ยักษ์
ตอนที่ 2
ทั้งสองคนต่างพูดขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกันที่นี่อีก อุตส่าห์หนีมาที่นี่แล้ว ยัยปีศาจนี่ยังตามมาหลอกหลอนถึงที่นี่ซวยอะไรขนาดนี้วะ คีตภัทรได้แต่คิดในใจอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก
“นี่เธอหลงเสน่ห์ฉันหรือไง ถึงได้ตามมาหลอกหลอนฉันถึงนี่น่ะห้ะ ยัยปีศาจ!”
คีตภัทรพูดขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดที่ต้องมาเจอคนที่ตัวเองไม่อยากจะเจอ
“นอกจากจะเหยียบขี้ไข่ไก่ไม่ฝ่อแล้วยังจะหลงตัวเองอีกเนอะ ต่อให้เหลือคุณเป็นผู้ชายคนเดียวในโลกฉันก็ไม่เอามาทำพันธุ์หรอก อย่าว่าแต่หลงเสน่ห์เลย แม้แต่เบ้าหน้าฉันก็แทบไม่อยากจะมอง”
“นี่เธอ!! หึ พูดเหมือนกับตัวเองสวยปานนางฟ้านางสวรรค์ ถ้าสวยแต่รูปจูบไม่หอมก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาจะพิศวาสหรอกจะบอกให้!”
“แล้วก่อนหน้านี้คุณมาจูบฉันทำไมห้ะ พูดแล้วก็ไม่รู้ว่าคุณเป็นโรคติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า ถ้าฉันติดโรคจากการจูบของคุณล่ะก็ คุณได้รับผิดชอบฉันหลายล้านแน่!!”
“โอ้โห! พูดเหมือนฉันอยากจะจูบเธองั้นแหละ ปากเหม็นขนาดนี้ใครจะจูบลง เมื่อเช้าแปรงฟันบ้างหรือเปล่าเถอะ นี่ถ้าไม่ใช่อุบัติเหตุฉันไม่มีทางเอาปากของฉันไปประกบปากเหม็นๆของเธอหรอก ยัยปีศาจ!!”
“นี่คุณ!!”
ทั้งสองคนต่างจ้องตากันอยู่แบบนั้นอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้นมาเพื่อขัดจังหวะของคนทั้งคู่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
“เข้ามา!!”
คีตภัทรพูดขึ้นเสียงดังอย่างคนกำลังอารมณ์เสีย ก่อนแรมโบ้ลูกน้องคนสนิทจะเปิดประตูเข้ามาด้านในพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด
“ผมเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมาให้คุณคนนี้ครับนาย”
“อืม ออกไปได้!”
พอสิ้นประโยค ลูกน้องคนสนิทก็เดินออกจากห้องของผู้เป็นเจ้านายทันทีอย่างรีบร้อน เพราะเขาสังเกตเห็นสีหน้าของผู้เป็นเจ้านายที่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่
คีตภัทรชายตาไปมองคนตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะถามคำถามกวนประสาทออกไป
“จะทำไหมงาน หรือว่า…จริงๆแล้วเธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อล่ะ”
“ฉันน่ะทำแน่ เพราะคนอย่างฉันแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออก ต่อให้ฉันจะเกลียดขี้หน้าคุณแค่ไหนก็เถอะ แต่ฉันก็จะทำงานของฉันให้เสร็จ!”
“งั้นก็เชิญ!! เอาให้สะอาดที่สุด แม้แต่ฝุ่นเม็ดเดียวก็อย่าให้มี!!”
คีตภัทรพูดขึ้นก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปภายในห้องนอน ปล่อยให้หญิงสาวทำหน้าที่ของตัวเองไป ชายหนุ่มเดินเลี่ยงไปอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อก่อนหน้านี้ เขาเองยังไม่ได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายของตัวเองเลย
“ไอ้บ้านี่!”
เฟื่องฟ้าสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดภายในห้องทำงานของชายหนุ่มให้สะอาดหมดจด หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปทำภายในห้องรับแขกและห้องครัว และห้องสุดท้ายก็คงจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำ
คีตภัทรเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวสอบไว้แค่นั้น ก่อนจะนึกอะไรสนุกๆขึ้นมาเพื่อจะแกล้งแม่คนปากดีอย่างเฟื่องฟ้าเล่นๆสักหน่อย
“นี่เธอ! เข้ามาทำความสะอาดในห้องของฉันก่อน แล้วค่อยไปทำตรงนั้น!”
“อืม!”
เฟื่องฟ้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นพร้อมกับถือเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าไปทำความสะอาดในห้องของชายหนุ่มทันทีตามคำสั่ง แต่เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องแล้ว ก็เจอเข้ากับคีตภัทรที่ยืนเอามือกอดอกอยู่กลางห้องพร้อมกับยกยิ้มมุมปากมองเธออยู่ด้วยท่าทางที่น่าหมั่นไส้
“นี่คุณ! ไม่มียางอายหรือไงห้ะ ถึงได้มายืนแก้ผ้าโชว์หุ่นอยู่แบบนี้ คิดว่าตัวเองหุ่นดีนักหรือไงถ้าไม่มียางอายก็หัดมีความเกรงใจคนอื่นเขาบ้างนะ”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นเมื่อเห็นอีกคนแต่งตัวไม่เรียบร้อย ในขณะที่ใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มช่วงล่าง แต่เปลือยท่อนบนโชว์ซิกแพค
“เอ้า ทำไมล่ะ ฉันก็แต่งแบบนี้ประจำ ตอนป้าแมวป้าของเธอมาทำความสะอาด ฉันก็ใส่แบบนี้ ไม่เห็นป้าเขาจะว่าอะไรเลยนิ”
“ก็นั่นมันป้าแมว แต่นี่มันฉัน มันคนละคนกัน!”
“เรื่องของเธอสิ! ฉันก็ใส่ของฉันแบบนี้ประจำ ถ้าเธอไม่อยากมองก็ไม่ต้องมองสิ แล้วเธอจะมามองฉันทำไมล่ะถ้าเธอไม่สนใจ จริงไหม หื้ม!?”
“ฉันไม่ได้อยากมองและฉันก็ไม่สนใจด้วย มันแค่ผ่านสายตาของฉัน ที่สำคัญถ้ามันหลุดลงมาฉันกลัวว่าจะเห็นในสิ่งที่ไม่อยากจะเห็น ถ้าสิ่งนั้นมันอัปลักษณ์!”
“อัปลักษณ์ตรงไหนไม่ทราบ นี่มันสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์และออกจะน่ารัก สาวๆออกจะชอบมันซะด้วยซ้ำ!!”
“นี่ๆพอเลยนะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะรีบทำงานให้เสร็จ จะได้ออกไปจากที่นี่สักที ส่วนคุณก็ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย ถ้าผ้ามันหลุดลงมาฉันกลัวฟ้าผ่า!”
หญิงสาวพูดขึ้นด้วยความรำคาญเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนแบบนี้อีกแล้ว
“ฉันใส่ทุกวันไม่เห็นมันจะหลุด นี่ไง เห็นไหม! ขนาดฉันโยกขนาดนี้มันยังไม่หลุดเลย ดูสิ!”
คีตภัทรยืนโยกเอวไปมาเพื่อกวนประสาทหญิงสาวตรงหน้า แต่ทันใดนั้น!!
พรึ่บบบบ!!
“เชี่ยเอ้ยยยยย!!!”
“กรี้ดดดดดดดดดดด!!”
เฟื่องฟ้าร้องกรี้ดออกมาด้วยความตกใจให้กับภาพตรงหน้า เธอเห็นผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวที่พันเอวสอบของคีตภัทรร่วงหลุดร่นลงมากองอยู่ที่พื้น เผยให้เห็นไดโนเสาร์ยักษ์พร้อมพวงสวรรค์ ก่อนเธอจะเป็นลมหมดสติล้มลงไปกองกับพื้นทันที
“นี่เธอ!! เป็นอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันเอวสอบไว้เพื่อปิดของสงวน และรีบเดินปรี่เข้ามาดูหญิงสาวที่นอนหมดสติอยู่ที่พื้นห้อง
“เห็นแค่นี้สลบเลยหรอ กระจอกนี่หว่า หึ! สมน้ำหน้ายัยปีศาจ!!” ชายหนุ่มพูดขึ้นเบาๆก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กไปวางไว้บนเตียงนอนหนานุ่มของตัวเอง ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มรีบเดินไปสวมใส่เสื้อผ้าและแต่งตัวให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเขาก็เดินออกมานั่งเคลียร์เอกสารบนโต้ะภายในห้องทำงานต่อ เพื่อรอเวลาให้อีกคนได้สติ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
แกร่กกก!!
เจไดเปิดประตูเข้ามาภายในห้องทันทีโดยไม่รอให้เจ้าของห้องได้อนุญาต
“ไอ้เหี้ยเจ มึงรอให้กูอนุญาตก่อนแล้วค่อยเปิดเข้ามาไม่ได้รึไงวะ!”
คีตภัทรพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเพื่อนสนิทที่แทบจะไม่ค่อยได้เห็นหน้า ตั้งแต่แต่งงานมีลูกมีเมียไปเมื่อหกเดือนก่อนได้เปิดประตูเข้ามาอย่างคนไม่มีมารยาท นิสัยแบบนี้พวกมันไม่เคยเปลี่ยนได้เลยจริงๆ
“มึงหัดมีมารยาทตั้งแต่ตอนไหนล่ะ!”
“ไอ้เหี้ยนี่!! ว่าแต่โผล่มาที่นี่ได้มึงมีธุระอะไร ร้อยวันพันปีแทบจะไม่เห็นหัว”
“เมียพาลูกไปบ้านยายที่ร้อยเอ็ด กูติดงานที่บริษัทเลยตามไปด้วยไม่ได้ วันนี้แม่งรู้สึกเซ็งๆเลยกะจะมาหาอะไรดื่มแก้เซ็งสักหน่อย!”
“แล้วมึงก็เสือกมาตอนที่ผับยังไม่เปิดนี่นะ!!”
“เออ แล้วยังไงวะ เมื่อก่อนกูก็มาประจำไม่เห็นจะแปลก!”
เจไดพูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร เพราะเมื่อก่อนทั้งเขา คีตะและอาชาก็ขลุกอยู่ที่นี่กันเป็นประจำอยู่แล้ว แม้กระทั่งสังสรรค์กันจนเมาและนอนค้างคืนที่นี่ก็ออกจะบ่อย
“นั่นมันเมื่อก่อนไง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่กูเลยสงสัย หรือจริงๆแล้วมึงแอบนัดเด็กมาเชือด เลยหาเรื่องโกหกเมียมาที่นี่!!”
คีตภัทรพูดขึ้นพร้อมกลับหรี่ตามองหน้าเพื่อนอย่างจับผิด
“เฮ้ยๆๆ ไอ้คีย์ มึงอย่ามาหาเรื่องให้กุโดนเมียเขี่ยทิ้งอีกเป็นครั้งที่สองเชียวนะเว้ย!!”
เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตั้งแต่เมียทิ้งแล้วหนีไปอยู่ที่อื่นครานั้น เขาก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน ถ้าเกิดเขาทำเลวๆแบบนั้นแล้วเมียจับได้ และหอบลูกหนีไปอีกคราวนี้เขาคงตายแน่ๆ เข็ดยันตายจริงๆ
“เออ! กูก็แค่สงสัย ยังไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย ร้อนตัวไปได้”
คีตภัทรพูดขึ้นอย่างนึกขำๆกับท่าทางของเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้ถอดเขี้ยวเล็บของเสือร้ายกลายมาเป็นแค่ลูกแมวเหมียว ทั้งสองคนนั่งสนทนากันหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายที่เป็นหุ้นส่วนร่วมกัน เพราะอาทิตย์หน้านี้จะมีการส่งสินค้าล็อตใหญ่ ทั้งสองสนทนากันต่อสักพัก จนคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องนอนเริ่มจะรู้สึกตัว
เฟื่องฟ้าตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงว่าตัวเองเป็นอะไร ถึงได้ขึ้นมานอนบนเตียงนอนของผู้ชายคนนั้น ก่อนจะนั่งเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และพลันนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่เธอต้องมานอนไม่ได้สติอยู่แบบนี้
“ไอ้คนทุเรศ ไอ้บ้า ชีวิตนี้ฉันคงนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ ที่ต้องมาเห็นอะไรๆของไอ้บ้านี่!!”
เฟื่องฟ้าพูดขึ้นมาเบาๆคนเดียว ก่อนจะลุกพรวดพราดลงจากเตียงนอนและเดินปรี่ออกไปเปิดประตูห้อง เพื่อจะออกไปเอาเรื่องคนลามก
แกร่กกกกก!!
“นี่คะ..คุณ!”
เฟื่องฟ้าเปิดประตูออกมาก่อนจะพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักเมื่อเห็นคีตภัทรกำลังมีแขก ก่อนดวงตากลมโตจะเหลือบไปมองผู้ชายร่างสูงโปร่งกำยำหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร และตอนนี้สายตาคมกริบของผู้ชายคนนั้น กำลังมองมาที่เธอด้วยความสงสัย
“อะ เอ่อ คุณมีแขกหรอคะ ขะ ขอโทษด้วยค่ะ”
“อืม.. เธอก็ไปทำงานของเธอต่อให้เสร็จเถอะ!”
คีตภัทรพูดขึ้นในขณะที่เจไดมองหน้าหญิงสาวสวยตรงหน้า สลับกับมองหน้าเพื่อนของตัวเองด้วยความสงสัย
“เอ่อ..คะ ค่ะ”
เฟื่องฟ้าตอบตกลงก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปทำความสะอาดภายในห้องนอนของชายหนุ่มต่อ ส่วนเจไดก็หันมาจ้องหน้าเพื่อนอย่างรอคำตอบด้วยความสงสัย
“มึงจะจ้องหน้ากูทำไมวะ!”
“พูดมาว่ายังไง กับเพื่อนฝูงมึงไม่ต้องอ้อมค้อม”
เจไดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างรอฟังคำตอบจากเพื่อนสนิท
“พูด พูดอะไรวะ”
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นเฉไฉเลยนะเว้ย! บอกมาว่ามึงแอบซุกผู้หญิงไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วคนนี้จริงจังแค่ไหน และที่สำคัญมึงลืมธัญญ่าได้แล้วจริงๆหรอ?”
เจไดพูดขึ้นอย่างรอคำตอบจากคีตภัทรเพื่อนของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“เฉไฉเหี้ยไรล่ะ มันไม่ได้เป็นอย่างที่มึงคิดหรอก ยัยปีศาจนั่นก็แค่คนทำความสะอาด ที่มาทำความสะอาดแทนป้าแมวซึ่งเป็นป้าของยัยปีศาจนี่!”
“ป้าแมว?..ป้าแมวแม่บ้านของแม่มึงน่ะหรอ?”
“เออ! ป้าแมวแกประสบอุบัติเหตุ ยัยปีศาจนี่เลยต้องมาทำความสะอาดที่นี่แทนป้าแมว จนกว่าป้าแมวแกจะหายดี!”
คีตภัทรพูดขึ้นในขณะที่เจไดยิ้มปริ่มตรงมุมปากอย่างคนพออกพอใจ
“นี่มึงยิ้มทำไมวะ? เสพจนหลอนหรือไงนั่งยิ้มอยู่ได้”
คีตภัทรถามขึ้นอย่างสงสัยปนเหน็บแนมเมื่ออีกคนเอาแต่ยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ
“กูก็แค่หวังว่า อาจจะได้เหยียบซ้ำมึงให้จมดินเหมือนที่เคยพูดไว้ตอนที่กูโดนเมียทิ้งไง มึงซ้ำเติมกูยังไงกูก็จะเหยียบมึงให้จมดินแบบนั้น!”
“หึ รอไปเถอะ มึงคงต้องรอเหยียบกูจนมึงเฉาตายไปก่อนล่ะนะไอ้เกลอ”
“เออ กูจะรอวันนั้น!”
พูดจบเจไดก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างคนอารมณ์ดี เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอีกไม่นานก็จะถึงทีเขาที่ได้เหยียบซ้ำไอ้เพื่อนปากหมาคนนี้ เพราะเมื่อก่อนนั้นมันเอาแต่ซ้ำเติมเขา และสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ ก็ไม่เคยจะผิดพลาดเลยสักครั้งซะด้วยสิ….