พลาดรักนางบำเรอ

83.0K · จบแล้ว
มาชาวีร์
53
บท
53.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลังประสบอุบัติเหตุ ทิชาได้ความจำเสื่อมลง และเข้าใจว่าตัวเองคือคัทลิน เด็กในสังกัดของมาดามไลลา “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณปารเมศ” หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม เพราะเขาเอาแต่นิ่งไม่พูดอะไรออกมาสักที “นี่เป็นครั้งแรกของคุณเหรอแคท” แต่แล้วคำตอบของเขา ก็ทำให้คนได้ยินรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องถามเรื่องนี้ด้วย “ไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ” หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เธอทำอาชีพนี้มานานแล้ว มาดามไลลากับเจสซี่เป็นคนบอกเอง จะเป็นครั้งแรกได้อย่างไรกัน “ทำไมมีเลือด” เขาเอียงหน้าไปที่ผ้าปูเตียง คัทลินหน้าเหวอเล็กน้อยหลังได้ยิน ปรายตามองตามเขาไปตรงเตียงนอน เธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จ้องมันให้ชัด ๆ พบว่าเป็นรอยเลือดแห้งเกรอะกรังอยู่จาง ๆ ได้แต่ยืนนิ่งตัวชาไปเหมือนกัน “หรือว่าประจำเดือนมาแต่ฝืนมาทำงาน” น้ำเสียงเขาออกแนวตำหนิทันทีหากว่าเป็นเรื่องนี้ “ไม่ใช่นะคะ ประจำเดือนหมดตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว” หญิงสาวรีบหันมาส่ายมือปฏิเสธทั้งสองข้าง “แล้วมันเลือดอะไร !” “เอ่อ แคทไม่รู้ค่ะ ของคุณหรือเปล่าคะ” “นี่เธอบ้าหรือยังไง ! ผมจะไปมีเลือดออกได้ยังไง”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันความจำเสื่อมโรแมนติก

ตอนที่ : 1 เหตุของเรื่อง

1

เหตุของเรื่อง

“แม่อย่าขับรถเร็วนักเลย แขกของแม่ไม่หนีไปไหนหรอก” เจสซี่หรือชื่อจริงคือเจนสุดา บอกคนขับด้วยความเป็นห่วง ในสภาพท้องฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจในการขับขี่

“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลยนะเจสซี่ เพราะใครกันล่ะมัวแต่โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ เห็นไหมฝนตกหนักเลยทีนี้ ทางนี้ก็ถนนหนทางไม่ค่อยดีด้วย” มาดามไลลาหันไปค้อนลูกสาวคนโปรด ที่วันนี้ถูกเศรษฐีอันดับต้น ๆ ประจำจังหวัดเรียกใช้ตัวอย่างเร่งด่วน

“ก็ทำไมไม่นั่งเรือไปล่ะแม่”

“โอ๊ย ค่าเรือมันแพงแม่ไม่อยากจ่าย มีรถขับไปเองนี่แหละสะดวกดี”

“แม่ระวัง !”

เอี๊ยด !!! โครม !!!

“เจสส..ซี่ละ..ลูกเห็นไหม มะแม่ชนตัวอะไรเมื่อกี้” มาดามไลลาเสียงสั่นระหว่างถามคนนั่งด้านข้าง

“ไม่ใช่ตัวอะไรหรอกมะ..แม่ ชะชนคนเลยล่ะ” ไม่ได้ต่างไปจากคนเป็นลูกสาวเลย

“ฉิบหายแล้ว !” หญิงสูงวัยในชุดกระโปรงสั้นรองเท้าส้นสูงสองนิ้ว เปิดประตูรถออกไปดูคนเจ็บด้วยความตกใจ

“เจสซี่ ! ลงมาช่วยแม่ก่อนลูก” มาดามไลลาเห็นสภาพของคนที่รถชนแล้ว รีบกวักมือเรียกคนในรถให้ออกมาช่วยกัน

“เอาวะ” เจสซี่ตัดสินใจเปิดประตูออกไป ชุดที่สวมใส่นั้นแสนจะบางเบา เจอสายฝนหนัก ๆ เข้า ก็แนบเนื้อจนเห็นทะลุไปถึงชั้นในแสนเซ็กซี่

“แม่ทำไงดี”

“เขายังไม่ตายเจสซี่”

“พาไปโรงพยาบาลดีกว่าแม่”

สองแม่ลูกต่างสายเลือดรีบพากันประคองคนเจ็บขึ้นรถ เตรียมขับไปส่งยังโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน

“แม่ตั้งสติ ค่อย ๆ ขับมืออย่าสั่นสิ” เจสซี่บอกคนที่สั่นเป็นเจ้าเข้าไปทั้งตัว มือจับพวงมาลัยแต่เท้าไม่ยอมเหยียบคันเร่ง

“แม่ !”

“รู้แล้ว !”

เพียะ ๆ มาดามไลลาตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา รถถึงเคลื่อนตัวออกจากจุดเกิดเหตุไปได้ในที่สุด

“หัวกระแทกโดนโขดหินด้วยแม่ เลือดออกหนักเลย” เจสซี่มองไปยังเบาะหลัง ที่มีร่างคนเจ็บนอนไม่ได้สติอยู่ มีเลือดไหลออกจากศีรษะไม่ยอมหลุด

“หาผ้าอะไรไปกดเลือดไว้หน่อยเจสซี่ ไม่งั้นได้ตายก่อนถึงมือหมอแน่”

“เจสซี่มีผ้าเช็ดหน้าอยู่แม่” พูดแล้วก็รีบรื้อกระเป๋าของตนหาผ้าเช็ดหน้าออกมา

“ปีนไปเลย ๆ” มาดามไลลาโบกมือให้เจสซี่ข้ามไปเบาะหลังเร็ว ๆ

อีกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย รีบนำผ้าไปกดตรงผลที่มีเลือดไหลออกมา สักพักใหญ่ ๆ รถก็เลี้ยวเข้ามายังห้องฉุกเฉินของทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะอยู่ใกล้ที่สุดแล้ว

“คนเจ็บโดนอะไรมาครับ” คำถามของพนักงานที่เข็นเปลนอนมารับคนเจ็บ ทำให้ทั้งคู่หันไปมองตากันเลิ่กลั่ก

“รถชนหัวกระแทกค่ะ รีบ ๆ รักษาค่ะเลือดออกไม่ยอมหยุดเลย” มาดามไลลาเร่งเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายซักเพิ่ม “เชิญญาติคนเจ็บกรอกเอกสารด้วยครับ” พนักงานอีกคนเดินมาบอกทั้งคู่

‘ญาติคนเจ็บ’

มาดามไลลาเออออห่อหมกไปก่อน เพราะไม่อยากให้ใครมาถามอะไรตนเองในตอนนี้

“แม่กรอกไงดี” เจสซี่หันไปถามมาดามไลลา ซึ่งตอนนี้ก็นึกอะไรบางอย่างอยู่ในใจครู่หนึ่ง

“กรอกชื่อคัทลิน โคกตัน”

“แม่จะดีเหรอ”

“เออ กรอก ๆ ไป”

พอกรอกเอกสารเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็มานั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยหัวใจเต้นตุ้ม ๆ ตุ่ม ๆ

“แม่ทำไมให้กรอกชื่อนั้นล่ะ” เจสซี่สงสัยที่มาดามไลลาให้กรอกชื่อเพื่อนของเธอ ซึ่งตอนนี้มีคนรับเลี้ยงดู และย้ายไปอยู่ต่างประเทศได้สามปีแล้ว

“รถแม่ประกันขาด ถ้าเราบอกว่าไม่รู้จักชื่อของคนเจ็บ เขาก็จะเรียกตำรวจมาสอบสวน ตอนนี้เอาตัวรอดก่อน เอาไว้แม่หนูนั่นฟื้นเราค่อยไปอธิบายความจริง และขอร้องอย่าเอาผิดเรา” คนไม่อยากคุยกับตำรวจตอนนี้รีบหาทางเลี่ยง

“แม่เขาจะไม่ยิ่งโกรธหนักกว่าเดิมเหรอ”

“ก็บอกไปสิว่าเราไม่รู้ชื่อ เลยกรอกไปก่อนเพื่อให้ได้รักษา”

“แม่ไปแอบทำอะไรมานี่ ถึงไม่อยากเจอตำรวจ”

“เงียบไปเลยนะเจสซี่ ตายห่า รีบโทรไปบอกเสี่ยอาร์ทเร็วเข้า ป่านนี้รอจนโมโหแล้วมั้ง”

“ซวยของจริงเลยทีนี้อีเจสซี่เอ๊ย” เจสซี่กระวีกระวาดเปิดกระเป๋าหาโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรหาลูกค้าคนสำคัญในทันที

“เจสซี่เองค่ะเสี่ยขา รถมาดามเสียกลางทางค่ะ เจสซี่เปียกหมดเลย ตอนนี้มาดามก็ไม่สบายปวดท้องรุนแรง เจสซี่ต้องโบกรถพามาโรงพยาบาลค่ะ ถ้าเสี่ยไม่เชื่อเจสซี่จะเปิดวีดิโอคอลให้เสี่ยดูก็ได้ค่ะ” เจสซี่มีทั้งหลักฐานเป็นชุดเปียก ๆ กับป้ายหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล

“คะ เสี่ยจะให้คนมารับเหรอคะ ได้ค่ะ เจสซี่จะรออยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ คิดถึงเสี่ยเหมือนกันค่ะ จุ๊บ ๆ”

“เฮ้อ” หลังวางสายไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาแรง ๆ

“เสี่ยเขาโอเคไหมเจสซี่”

“ยิ่งเสียกว่าโอเคอีกแม่ เสี่ยน้ำลายไหลตอนเห็นเจสซี่ในชุดนี้ด้วยล่ะ คงมีอารมณ์ชอบอะไรเปียก ๆ แนบเนื้อ ๆ แบบนี้มั้ง” เจสซี่ยิ้มยั่วยวน แถมบิดสะโพกอวดมาดามไลลาอีกด้วย

“พอ ๆ ยังจะมามีอารมณ์กวนโมโหแม่อีกนะ”

“ใจเย็น ๆ น่าแม่ ถ้าคนเจ็บหายดีแล้ว เขาอาจจะไม่เอาเรื่องเราก็ได้ เราเป็นพลเมืองดีนะพาเขามาส่ง”

“พลเมืองดีกะผีอะไร เราขับรถชนเขานะเจสซี่ แล้วถ้าเกิดฟื้นขึ้นมาแล้วเขาเอาเรื่องเราล่ะ”

“แม่ก็คงหนีไม่ทันแล้ว แม่ออกจะเด่นดังละแวกนี้ใครเห็นก็จำได้หมด ก็ต้องสู้คดีความกันไป รู้ไหมขับรถชนแต่ไม่หนีแถมพามาส่งโรงพยาบาล ออกค่ารักษาให้เขาทั้งหมด โทษไม่หนักหรอกแม่”

มาดามไลลาหน้าซีด เพราะมีเด็กในสังกัดบางคน เข้ามาทำงานแบบไม่ถูกกฎหมาย ถ้าต้องขึ้นโรงขึ้นศาลคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ คนมีชนักติดหลัง ย่อมรู้สึกหวาดกลัวไว้ก่อน

“เจสซี่อย่าเพิ่งบอกคนอื่นเรื่องนี้นะ เงียบ ๆ ไว้นะ ให้แม่จัดการเอง”

“รับทราบค่ะว่ าแต่แม่นี่มันโรงพยาบาลเอกชนนะ ค่ารักษาคงแพงหูฉี่แน่” พอเจสซี่พูดขึ้น มาดามไลลาถึงกับเหงื่อตก หน้ามืดขึ้นมาในทันที