บท
ตั้งค่า

EPISODE 4 ราวกับคนจมน้ำ

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังเข้าสู่โสตประสาท จึงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรีบเร่ง เนื่องจากเขามีนัดตรวจคนไข้ในเช้านี้ ทิวากรรีบหยิบเสื้อผ้าที่ตกอยู่ตามพื้นขึ้นมาสวมใส่แล้วหันไปมองหญิงสาวที่ยังคงหลับใหลอยู่ ก่อนจะออกไปเขาไม่ลืมที่จะปลุกเธอเพื่อบอกสิ่งสำคัญที่เธอต้องไปจัดการ

“คุณ อย่าลืมกินยาคุมฉุกเฉินด้วยนะ” ชายหนุ่มพูดออกมาเสียงดัง เขารู้ดีว่าการรับประทานยาชนิดนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของฝ่ายหญิง แต่ในเมื่อมันเป็นเหตุสุดวิสัยจึงจำเป็นที่จะต้องป้องกันไว้ก่อน

“อื้อ” หญิงสาวรู้สึกรำคาญเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนพูดอยู่ข้างหู

“เฮ้ อย่าลืมนะ” เขาย้ำเตือนเธออีกครั้ง

“อือ” มิลินตอบรับส่งๆ

“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อน” เขาพูดเสร็จรีบเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที

ช่วงบ่ายของวัน...

หญิงสาวลืมตาขึ้นมาอัตโนมัติแล้วหันไปมองรอบๆ ด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้รีบพยุงร่างกายที่รู้สึกร้าวระบมไปทั้งตัวขึ้นนั่ง เธอไล่สายตาก้มมองสภาพตัวเองพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดูจากสภาพก็รู้ว่าเมื่อคืนเธอทำอะไรลงไป แถมยังจำใบหน้าคนที่เธอนอนด้วยไม่ได้อีก พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออกจึงนั่งทึ้งผมแล้วตำหนิตัวเองอย่างหัวเสีย

“บ้าไปแล้ว มิลิน”

ไม่รอช้า เธอรีบลุกขึ้นแต่งตัวแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านขายยา อย่างน้อยๆ ควรป้องกันตัวเองไว้ก่อน ถึงแม้ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะมีโรคร้ายอะไรหรือเปล่า

มิลินรับยาคุมฉุกเฉินมาจากเภสัชกรแล้วรีบใส่มันลงในกระเป๋าสะพาย จากนั้นเธอเดินไปโบกแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ไม่นานรถก็มาจอดบริเวณรั้ว ซึ่งมีผู้ชายสามคนกำลังขนของออกมาจากในตัวบ้านและกระเป๋าที่ชายคนนั้นลากออกมาก็เป็นกระเป๋าเดินทางของเธอเอง

“พวกคุณมาทำอะไรคะ” เธอถามชายคนหนึ่งในสามคนนั้นด้วยความสงสัย

“คุณวายุที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ผมมาขนของคุณออกไปครับ” ชายคนนั้นพูดน้ำเสียงสุภาพ

หญิงสาวได้ยินถึงกับชะงัก หน้าถอดสีทันที

“ฉันขอโทรคุยกับวายุสักครู่นะคะ”

เขาพยักหน้า

หญิงสาวควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าแต่กลับไม่มีมันอยู่ในนั้น เธอคงทำตกไว้ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่ มิลินคิดแล้วถอนหายใจพรืดออกมาในความซวยซ้ำซวยซ้อนของตัวเอง

“ฉันขอยืมมือถือหน่อยได้มั้ยคะ” เธอตัดสินใจยืมของชายตรงหน้า

หญิงสาวโทรไปเบอร์ตัวเองแต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ จากนั้นต่อสายหาวายุเพื่อถามเรื่องบ้านกับเขา ไม่นานชายหนุ่มก็รับสาย

(สวัสดีครับ)

“วายุ นี่มันเรื่องอะไรกัน” เธอถามเขาเสียงนิ่งอย่างข่มอารมณ์

(ยุ ให้คนพวกนั้นไปเอาของลินออกมาเอง แต่ยุส่งข้อความไปบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ว่าจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอของยุกับไลลา) ชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงปลายสายก็จำได้ทันที เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

“ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ แล้วลินจะไปอยู่ที่ไหน” มิลินถามอดีตคนรักด้วยหัวใจที่เจ็บปวด น้ำใสๆ เริ่มปริ่มบริเวณขอบตา

(แต่บ้านหลังนั้นเป็นของยุ ยุจะทำอะไรกับมันก็ได้)

“ถ้าอย่างนั้นก็เอารถมาคืนลินสิ”

(ยุขายมันไปแล้ว)

“เหอะ! ไม่อยากจะเชื่อ ลินรักคนแบบนี้ไปได้ยังไง” เธอแค่นหัวเราะ

มิลินรับรู้ถึงความเงียบของคนปลายสาย เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพูดขึ้น

“ขอถามอะไรหน่อยสิ ทำไมถึงทำแบบนี้ ลินทำอะไรผิดเหรอ แล้วแอบคบกับเธอคนนั้นมานานแค่ไหน” หญิงสาวถามเขาเสียงเบาหวิว ทุกคำถามล้วนทำให้เธอเจ็บปวดและรู้ดีว่าคำตอบที่ได้อาจจะทำให้มันเจ็บขึ้นอีกหลายเท่า

(ลินไม่ได้ผิดอะไร ยุผิดเองที่ไปหลงรักเธอคนนั้น ยุนอกใจลินมาเป็นปีแล้ว)

หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในลำคอจนเธอต้องเงียบอยู่นาน เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจมน้ำ จมดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ จนหายใจไม่ออก

“มีอะไรที่ลินต้องรู้อีกหรือเปล่า” เธอเปล่งเสียงถามเขาอย่างยากลำบาก

(ไม่มี)

“อืม เข้าใจแล้ว ลินจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”

พูดเสร็จหญิงสาวก็กดตัดสายแล้วเดินเอาโทรศัพท์มือถือไปคืนชายคนนั้น

“ขอบคุณนะคะ”

“พวกผมเก็บของตามที่คุณวายุสั่งแล้วนะครับ ว่าแต่คุณจะเข้าไปเอาอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ”

“ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”

หญิงสาวยืนมองบ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้นหลังใหญ่ตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา มันเคยเต็มไปด้วยความสุข ความอบอุ่นและความผูกพัน

เธอคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มเองก็อยากใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันกับเธอ หญิงสาวมีวายุเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจหลังจากมารดาของเธอเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย เมื่อสามปีก่อน แม่ของเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สุดแสนจะเข้มแข็งและไม่เคยร้องไห้ให้เธอเห็นเลยสักครั้ง แม้วันสุดท้ายที่จากไป ผู้เป็นมารดายังคงส่งรอยยิ้มให้เธอเพื่อเป็นการบอกลา

วายุเป็นคนที่คอยอยู่ข้างๆ เธอทุกสถานการณ์ในชีวิต แต่วันนี้คนๆ นั้น กลับไม่ได้ต้องการที่จะยืนข้างๆ เธออีก ผู้ชายที่เธอคิดว่ารู้จักเขาดีกลับกลายเป็นว่าแทบจะไม่รู้จักเขาเลย เธอไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนเพราะไว้ใจและเชื่อใจเขาอย่างสุดหัวใจ

มิลินย้ายเข้ามาอยู่ห้องเช่าเล็กๆ ใกล้กับสนามบิน เธอเลือกที่นี่เพราะงานที่เธอทำแทบจะไม่ได้นอนอยู่ห้อง และช่วงนี้ตารางบินของเธอก็ค่อนข้างแน่น จึงไม่อยากเช่าห้องแพงๆ ทิ้งไว้ให้เปลืองเงิน จะได้นำเงินส่วนนั้นเก็บไว้ซื้อบ้านสักหลัง

เธอรู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหลืออะไรในชีวิต หญิงสาวนั่งจัดเก็บของเข้าที่เข้าทางด้วยหัวใจเลื่อนลอย เธอรู้ว่าตอนนี้แผลที่ถูกกระทำมันยังสด แต่เธอคิดว่าสักวันมันจะหายไป มันจะหายในสักวัน...

หมอหนุ่มที่พึ่งเสร็จจากการตรวจคนไข้เอนกายพิงเก้าอี้อย่างหมดแรงหลังจากได้พัก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวที่ตกอยู่ในรถขึ้นมาเปิดเครื่อง เมื่อเห็นว่าแบตเตอรี่เต็มแล้วและคิดว่าเธอคงโทรเข้ามาเพื่อตามหาโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน หน้าจอสว่างขึ้นโชว์รูปของคู่รักที่ถ่ายด้วยกัน รอยยิ้มหวานของเธอดูมีความสุขต่างจากตอนนี้ลิบลับ เขาไม่ได้สนใจอะไรที่มากกว่านั้นจึงวางมันลงบนโต๊ะอีกครั้ง แต่มีข้อความเด้งขึ้นมารัวๆ จนต้องหันไปมองและอ่านมันอย่างเสียมารยาท

วายุ : ‘ลิน ยุจะเอาบ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ เลยอยากให้ลินขนของออกไป ก่อนเที่ยงพรุ่งนี้’

ทิวากรเห็นข้อความถึงกับขมวดคิ้วเพราะไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะทำถึงขนาดนี้ ‘เอาบ้านที่เคยอยู่ด้วยกันไปเป็นเรือนหอของตัวเองกับผู้หญิงคนใหม่อย่างนั้นเหรอ แล้วตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ’ หมอหนุ่มคิดในใจ

ในเวลาต่อมา เขาต้องออกไปประชุมกับทีมแพทย์จึงฝากโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวไว้กับพยาบาลเผื่อว่าเธอจะติดต่อกลับมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel