บทที่ 11
พลาดรักคุณสามี บทที่ 11
"??" ดวงตากลมเปิดกว้างเมื่อถูกอีกฝ่ายแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปาก ถึงแม้จะรู้สึกขยะแขยงเพราะคิดว่าเขาเคยทำแบบนี้กับผู้ชายมาแล้ว แต่เธอจะแสดงกิริยาแบบนั้นออกมาไม่ได้ เพราะตอนนี้สายตาทุกคู่มองมาที่เธอ
พิธีกรบนเวทีเริ่มทำหน้าที่ต่อ เพราะเห็นว่าคู่บ่าวสาวกำลังติดลม จนแขกที่มาร่วมในงานต่างปรบมือ..ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกัน
พอถอนจูบสายตาคนเป็นเจ้าบ่าวก็มองไปข้างเวทีตรงที่เขามองก่อนจะขึ้นมา แต่ตอนนี้ไม่มีใครคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมแล้ว
หลังงานแต่งจบลง..
ห้องหอของทั้งสองถูกจัดเตรียมใหม่เป็นห้องสวีท และทั้งสองก็ต้องร่วมห้องหอที่โรงแรมนี้ให้ครบ 3 วัน ตามความเชื่อของคนโบราณ เพราะคุณปู่เป็นคนจัดแจงทุกอย่าง
"ฝากดูแลน้องด้วยนะ" ก่อนที่ผู้ใหญ่จะออกจากห้องหอ แก้วใจหันมาฝากฝังลูกสาวกับลูกเขยอีกครั้ง
"ครับ"
"คุณจะไปไหน มาแกะกระดุมเสื้อให้ฉันก่อน" พอผู้ใหญ่ออกไปแล้วรามิลกำลังจะเข้าห้องน้ำ
ชายหนุ่มก็เลยเดินกลับมาแล้วค่อยๆ บรรจงปลดกระดุมเสื้อให้เธอ
"เอ้าแกะยังไม่หมดเลย" เขาปลดกระดุมลงมาจนถึงเม็ดที่อยู่ช่วงเอว แต่กระดุมชุดนี้ยาวลงไปจนถึงสะโพก เพราะเป็นชุดเจ้าสาวแบบรัดรูป
"ก็ดึงลงมาสิ"
"จะดึงได้ยังไง คุณรู้ไหมว่าชุดนี้เช่ามาเท่าไร" ถึงแม้ครอบครัวของเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องการเงิน แต่หวานใจที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เธอก็ไม่ได้แบมือขอเงินพ่อและแม่เลย เธอทำงานพาร์ทไทม์ในขณะที่เรียน ส่วนเรื่องค่าเล่าเรียนเธอได้ทุนจากมหาวิทยาลัยเก่า
รามิลเอื้อมมือไปปลดกระดุมจากเอวบางลงไปจนถึงสะโพกงอน ถ้าไม่ทำให้ก็คงจะพูดอยู่แบบนี้ทั้งคืน
"เธอไม่ได้ใส่ชุดชั้นในเหรอ?" เพราะสังเกตดีๆ ทั้งเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นในไม่ได้ติดตัวเธอเลย
"คุณไม่เห็นหรือไงว่าชุดนี้มันมีอยู่ในตัวแล้ว" เสื้อก็มีดันทรงติดมาเพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องใส่เสื้อชั้นใน เพราะถ้าเสื้อชั้นในโผล่จะไม่สวย ส่วนกระโปรงก็มีซับในแบบกางเกงลองอยู่ในชุดแล้ว
"เดี๋ยวนะ..เธอจะทำอะไร?"
"ก็ถอดชุดน่ะสิ รู้ไหมว่ามันหายใจลำบากมากเลย"
รามิลรีบหันหลังให้ แต่พอหันไป..ตรงหน้าเขากลับเป็นกระจก "......." ทีแรกว่าจะรีบเข้าห้องน้ำปล่อยให้เธอใช้ห้องนี้ไป แต่พอเห็นว่าคนที่อยู่ในกระจกไม่มีอะไรปิดบังร่างกายแล้ว..
"คุณมองอะไร!" ถึงแม้เขาจะเป็นประเภทที่รักผู้ชายด้วยกัน แต่มองขนาดนี้ใครจะไม่อายล่ะ หวานใจรีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่รามิลพาดไหล่มาห่อร่างกาย "ฉันอาบน้ำก่อนนะ"
ชายหนุ่มหลับตาปริบๆ มองตามผู้หญิงร่างระหงเข้าไปในห้องน้ำ เธอไม่กลัวเขาเลยเหรอ ไหนบอกจะแต่งงานกันแค่หลอกผู้ใหญ่ไง เขาจะอดทนเท่าที่ทนได้..ถ้าวันไหนตบะแตกขึ้นมาแล้วล่ะก็ อย่ามาว่าแล้วกัน
รามิลมองต่ำลงไปดูเป้ากางเกงของตัวเองนิดหนึ่ง แล้วก็ถอนหายใจ "มึงนี่ใจง่ายมากเลยนะ เห็นนิดเห็นหน่อยก็ขึ้นแล้ว"
"อะไรขึ้น"
จากที่คุยกับน้องชายตัวเองอยู่ รามิลรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถาม "ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก"
"ฉันแกะผมไม่ได้ ช่วยแกะให้หน่อยสิ"
"ทำเอง!"
"เอ้าา ถ้าทำได้จะมาให้ช่วยเหรอ"
"ถ้างั้นก็ออกมาให้ฉันอาบน้ำก่อน" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ
"ใจร้าย! ถ้าฉันเป็นผู้ชายนายจะทำแบบนี้กับฉันไหม" หวานใจก็เลยมานั่งอยู่หน้ากระจกเพื่อแกะผมที่ช่างเอาอะไรต่ออะไรไม่รู้ติดไว้บนนั้น
เวลาต่อมา..
"ค่าห้องก็แพงทำไมให้ผ้าห่มมาแค่ผืนเดียว" ..ประโยคนี้แทนที่ผู้หญิงจะเป็นคนพูด แต่ดันเป็นฝ่ายชายที่พูดออกมา
เพราะตอนนี้ทั้งสองต้องห่มผ้าผืนเดียวกัน แถมคนที่หลับก็กอดเขากลมเลย
รามิลพยายามข่มตาให้หลับ แต่หน้าอกที่ดันแขน..แถมขาที่พาดทับลำตัวเขาอยู่ มันทำให้หลับไม่ลงจริงๆ
"นี่เธอ ทำแบบนี้ฉันจะได้นอนไหม"
"อะไรนักหนา รู้ไหมว่าฉันเหนื่อย"
"ถามหน่อย เธอไม่กลัวฉันเลยเหรอ"
"ทำไมต้องกลัวด้วย ก็ในเมื่อนายไม่ได้รักฉันอยู่แล้ว"
"การที่มีอะไรกันไม่จำเป็นต้องรักกันเสมอไปหรอกนะ ถ้าฉันทนไม่ไหวจะทำยังไง"
ดวงตาคนที่หลับอยู่เมื่อสักครู่เปิดกว้างขึ้น
"นายอย่าบอกนะ..ว่าผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้?"
"อะไรของเธอ" ที่จริงรามิลลืมเรื่องนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ เรื่องที่เธอคุยกับเขาวันก่อน
"นายต้องเป็นจำพวก ข้างหน้าก็ได้ข้างหลังก็ได้แน่เลย" พอคิดได้แบบนั้นหวานใจก็รีบขยับออกมา
"ไปกันใหญ่แล้ว จินตนาการของเธอนี้เป็นเลิศ"
เช้าวันต่อมา..
"ไปไหนของเขาเนี่ย ตื่นก็ไม่ปลุก" หญิงสาวรีบเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายก่อนที่จะออกมา
พอออกมาจากห้องก็เห็นว่าญาติผู้ใหญ่หลายคนกำลังเตรียมตัวกลับ
"เจ้าสาวของเราออกมาแล้ว" สโรชาและสามีหันมองไปดูลูกสะใภ้ที่เดินตรงเข้ามาหา
"พ่อกับแม่คงต้องกลับก่อน เพราะทิ้งบริษัทมานานไม่ได้" รามสูรคุยกับลูกสะใภ้ เพื่อให้เธอรู้ว่าทั้งสองกำลังจะกลับ
หวานใจยกมือไหว้ลาพวกท่านทั้งสอง แต่สายตาของเธออดมองไปดูผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ข้างแม่ของเขาไม่ได้ เพราะเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เขามองเมื่อคืนนี้ จนเกือบพาเธอตกบันได
"แม่ลืมแนะนำเลย คนนี้พี่สาวของรามิล ชื่อเกศริน
"คะ?" ถึงแม้หวานใจจะแปลกใจนิดหน่อยแต่เธอก็ไหว้ทำความรู้จัก เพราะแม่ของเขาแนะนำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สาว
แต่ทำไมสายตาเขามองพี่สาวแปลกๆ ขนาดเธอยืนอยู่ตรงนี้เขายังคงมอง มีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า
"เรากลับกันเถอะ" สโรชาหันไปพูดกับเกศริน ถ้าทุกคนจำเกวลินได้จะรู้ว่าเกศรินคือใคร
เกศรินก็คือลูกสาวของเกวลิน ซึ่งเป็นเพื่อนรักรุ่นพี่ของสโรชาตั้งแต่สมัยทำงานบริษัทด้วยกัน เกวลินเสียด้วยอาการป่วย ..ก่อนที่จะหมดลมหายใจเกวลินได้ฝากลูกสาวไว้กับสโรชา และสโรชาก็รับเกศรินเป็นลูกสาวบุญธรรมตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา นั่นหมายถึงเกศรินมีศักดิ์เป็นพี่สาวของรามิล เพราะเกศรินอายุมากกว่ารามิลปีกว่าก็เลยต้องเป็นพี่
"มีอะไรหรือเปล่า" หวานใจคิดว่าจะไม่ถามแล้ว แต่สายตาที่เขามองพี่สาวมันดูแปลกจริงๆ ถึงแม้พวกเขาจะเดินออกไปจนขึ้นรถแล้วสายตานั้นก็ยังคงมองตาม
"ไม่มีอะไร" พอพูดจบรามิลก็เดินออกไปจากตรงนั้น โดยไม่ได้สนใจที่จะพูดกับเจ้าสาวป้ายแดงของตัวเองเลย
"อะไรของผู้ชายคนนี้เนี่ย"
"มีอะไรเหรอลูก" แก้วใจกับสามีออกมาก็เห็นว่าลูกสาวมองตามหลังลูกเขยไป
"คุณพ่อกับคุณแม่จะกลับแล้วหรือคะ"
"แม่ยังไม่กลับหรอก แต่แม่ออกมาส่งพ่อ" แก้วใจจะอยู่กับลูกสาวจนครบสามวันก่อน
"คุณพ่อจะกลับก่อนหรือคะ"
"พ่อติดราชการก็เลยจะกลับก่อน"
"เดินทางปลอดภัยนะคะ" หวานใจเอื้อมมือไปโอบกอดเพื่อลาพ่อ
ในห้องหอ..
พอทานข้าวกับแม่เสร็จหวานใจก็กลับมาห้องหอ
"คุณกินข้าวหรือยัง" ทีแรกก็ว่าจะชวนเขาทานข้าวด้วยกัน แต่ก็ไม่เจอ จะโทรหาก็ไม่มีเบอร์
"ยังไม่หิว"
"คุณเป็นอะไร" จากคนที่ชอบพูดล้อเล่น พองานแต่งจบลงเขาก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน
"จะรู้ไปทำไม"
"ถ้าคุณเป็นกังวลเรื่องที่เราสองคนแต่งงานกัน คุณไม่ต้องคิดมากเลย คุณเคยใช้ชีวิตแบบไหนก็ใช้ไป"
รามิลยังคงเงียบ เหมือนว่าไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูดเลย
"ฉันถามอะไรหน่อยสิ"
"ถามอะไร"
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณไหม"