
บทย่อ
เพลงท้องค่ะ!!!!!! แน่ใจใช่ไหมว่าเด็กในท้องคือ….ลูกของพี่???? ประโยคนี้ เปลี่ยนชีวิตคนสองคนไปอย่างสิ้นเชิง ความผิดพลาดคือสิ่งที่ทั้งคู่ไม่ทันตั้งรับและคาดไม่ถึง ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หญิงสาวก็พร้อมจะรับผิดชอบกับอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมา ส่วนผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อกลับบอกให้เธอ... ไปเอาเด็กออกซะ
เพลงท้องค่ะ
ร่างเล็กในชุดนักศึกษา ไม่สนใจสิ่งรอบข้างตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาภายในบริษัทใหญ่ตั้งตระหง่านดูมั่นคง ดวงตาเรียวฉายแววกังวลไม่สดใส เพ่งมองไปยังเบื้องหน้าแน่วแน่ ไม่แพ้หัวใจดวงน้อยที่มั่นคงในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจอย่างมาถี่ถ้วน ก้าวเดินไปยังจุดหมายนั่นก็คือห้องทำงาน ทว่าก่อนจะถึงห้องทำงานที่ว่า หญิงสาวคงต้องหยุดสอบถามกับประชาสัมพันธ์ด้านหน้าเสียก่อน
“สวัสดีค่ะ” มือบางยกขึ้นไหว้พนักงานอ่อนน้อม พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างมีมารยาท แต่แววตากลับไม่ยิ้มตาม เต็มไปด้วยความกังวลไม่เสื่อมคลาย
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“มาพบคุณตรัยคุณค่ะ” ชื่อที่เอ่ยออกไป เรียกความหวั่นใจไม่น้อยทีเดียว
“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานยังทำหน้าที่ดีเยี่ยม เอ่ยสอบถามเพื่อความแน่ใจ เมื่อบุคคลที่หญิงสาวขอพบคือบุคคลสำคัญที่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้าพบได้
“ไม่ได้นัดค่ะ หนูติดต่อเขาไม่ได้ ช่วยแจ้งคุณตรัยคุณด้วยนะคะว่าเพลงมาหา” เป็นความจริงทุกคำไม่มีปด
หญิงสาวพยายามติดต่อหาเจ้าของชื่ออยู่หลายวัน แต่เบอร์โทรศัพท์ที่ชายหนุ่มให้ไว้ไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็สามารถติดต่อได้ทุกครั้งไป ยังดีที่หญิงสาวเก็บนามบัตรที่เขาทำตกไว้ที่ห้องพักจึงตัดสินใจมาหาชายหนุ่มที่นี่
“ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ” พิมพ์มาดายิ้มรับด้วยความหวัง ขอให้ตรัยคุณอยู่ที่นี่ด้วยเถิด
ในระหว่างที่รอพนักงานประสานงาน พิมพ์มาดาก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจความใหญ่โตของตึกนี้
ไม่รู้มาก่อนหรือเพราะไม่อยากเข้าไปวุ่นวายกับตรัยคุณมากเกินไป จึงเลือกที่จะไม่เซ้าซี้เอ่ยถามอะไรเกินความจำเป็น จึงไม่รู้ว่าผู้ชายที่เธอคบหาทำงานในบริษัทใหญ่โตเช่นนี้ รู้เบื้องต้นแค่เพียงว่าเขาเป็นวิศวกรทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเธอก็คิดเองเออเองตามประสาว่าชายหนุ่มคงเป็นเพียงพนักงานทั่วไป
“น้องคะ เชิญที่ลิฟต์ตัวขวามือและกดชั้นสี่สิบนะคะ ออกจากลิฟต์เลี้ยวซ้ายเดินตรงไป ห้องทำงานคุณตรัยคุณอยู่ขวามือค่ะ แจ้งกับเลขาหน้าห้องท่านได้เลยนะคะ” พิมพ์มาดาไม่มีเวลาคิดไตร่ตรอง แม้จะเอะใจกับคำว่าท่านที่พนักงานสาวเอ่ย เวลานี้สิ่งที่เธอควรทำคือรีบไปหาเจ้าของห้องที่ว่าให้เร็วที่สุด
“ขอบคุณมากนะคะ”
คล้อยหลังหญิงสาวเดินจากไป พนักงานที่สาวที่สนทนาด้วยเมื่อสักครู่ก็ได้แต่ส่ายหน้า เพื่อนร่วมงานอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ชะเง้อคอมองตามหลังไป
“แกว่าน้องคนนี้มาทำไมวะ ท่าทางดูเครียดๆ หน้าตาเหมือนคนอมทุกข์”
“ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ แต่นั่นมันก็เรื่องของเจ้านาย ไม่เกี่ยวกับเรา”
“หวังว่าจะไม่เดินร้องไห้กลับลงมาหรอกนะ”
“ก็คอยดูแล้วกัน”
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณเตือนของลิฟต์ดังขึ้น พร้อมกับหัวใจของพิมพ์มาดาที่กระตุกวูบขึ้นมาอย่างประหลาด ก่อนที่จังหวะการเต้นจะเปลี่ยนเป็นระส่ำเมื่อก้าวเท้าออกมาจากตัวลิฟต์ เดินตรงไปยังทิศทางที่พนักงานด้านล่างบอกมา ยิ่งเดินเข้าใกล้พิมพ์มาดายิ่งรู้สึกเหมือนอากาศภายในชั้นลดน้อยลงไปทุกขณะ ชวนให้อึดอัดหายใจไม่ออกอย่างไรไม่ทราบ
“หนูมาหาคุณตรัยคุณค่ะ” เอ่ยบอกคนที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องทำงาน ป้ายตั้งโต๊ะเขียนไว้ชัดเจนทั้งชื่อและตำแหน่งว่าเป็นเลขานุการรองกรรมการผู้จัดการ
พิมพ์มาดากระจ่างแจ้งจนชาวาบไปทั้งตัว ผู้ชายที่เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยคือรองกรรมการผู้จัดการของตึกนี้อย่างนั้นหรือ เขาไม่ใช่พนักงานบริษัทธรรมดาทั่วไปอย่างที่เธอเข้าใจหรอกหรือ
“รอสักครู่นะครับ” กมล เลขาคนสนิทที่ทำงานร่วมกับตรัยคุณ เหลือบสายตามองหญิงสาวหน้าตาดี ผิวขาวละเอียดเพียงนิด ก่อนจะต่อสายหาเจ้านายที่อยู่ในห้องทำงาน กรอกเสียงลงไปตามสายสองสามประโยคและวางสายไป
“เชิญครับ” พิมพ์มาดาโค้งศีรษะให้อย่างขอบคุณ
ร่างบางเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานที่เป็นกระจกสีขาวขุ่น สูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด แม้ตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมในการมาครั้งนี้ ทว่าเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากัน พร้อมกับมีเรื่องสำคัญอยู่ในใจ ก็เกิดความประหม่าขึ้นมาไม่ได้ แต่จะให้เธอหันหลังเดินหนีกลับไปก็ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นการเผชิญหน้าคือสิ่งที่เธอต้องทำ
การมาของแขกที่ไม่ได้นัดหมาย ไม่ได้เรียกให้คนที่นั่งเครียดอยู่กับงานสนใจเท่าไหร่นัก แม้กระทั่งรับรู้ได้ว่าอีกคนเดินมาหยุดอยู่กลางห้อง ตรัยคุณก็ยังนั่งตรวจดูตัวเลขประจำไตรมาสที่เหมือนจะผิดเพี้ยนไปเสียเล็กน้อยอย่างหาจุดผิดพลาด
“พี่รักษ์คะ” เสียงหวานที่พยายามบังคับไม่ให้สั่นไหวยามเปล่งวาจา เอ่ยเรียกชายคนรัก ที่หายไปนานร่วมเดือนด้วยความคิดถึง เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้หายไปจากชีวิตเธอแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้
“มีอะไร” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ความห่างเหินแผ่กระจายเป็นวงกว้างรอบตัว จนทำให้หญิงสาวประหม่า และยิ่งตอกย้ำลึกในความรู้สึก เมื่อเห็นสายตาที่มองมาฉายแววความเฉยชาว่างเปล่าจนพิมพ์มาดาหน้าชา
เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเจ้าตัวเกิดอาการประหม่าไม่มั่นใจ ทว่าเพียงครู่เดียวก็คลายออกพร้อมกับลมหายใจที่สูดเข้าเต็มปอด และผ่อนออกราวกับเรียกกำลังใจและความมั่นใจให้ตัวเอง
“พี่รักษ์หายไปไหนมาคะ ทำไมเพลงติดต่อพี่ไม่ได้เลย ทำไมพี่ไม่ไปหาเพลงบ้าง” คนอ่อนประสบการณ์ในเรื่องผู้ชายเสียงเริ่มสั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอดวงตากลมโต มองชายหนุ่มผ่านม่านน้ำตา ภาพที่ชัดเจนในคราแรกเริ่มเบลอ จนเจ้าตัวต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่น้ำตาให้กลับคืนไป
“พูดเรื่องที่เพลงมาวันนี้ดีกว่า พี่มีงานต้องทำมาก ไม่มีเวลามานั่งตอบคำถามเรา” มือบางเผลอกำเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นความเจ็บ ความห่างเหิน ไร้เยื่อใย จนพิมพ์มาดาเริ่มใจเสีย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันเปล่งข้อความสำคัญออกไปถึงการมาของตัวเอง
“เพลงท้องค่ะ”