9 ภูดิส
เสียงหวานๆ จากเมษาดังขึ้น เรียกภวังค์ที่จมอยู่ในความทุกข์ของอรนลินกลับคืนมา เธอยกหลังมือปากน้ำตาฝืนยิ้ม แต่ไม่อาจปิดเมษาได้
“ว่าไงจ๊ะ”
“เธอยังร้องไห้เพราะผู้ชายเลวอีกหรือ”
“อยู่คนเดียวมันก็คิดไปเรื่อยเปื่อย แผลมันยังสดอยู่น่ะ จะให้หายง่ายๆ มันคงไม่ได้ ต้องใช้เวลา”
“เอาเถอะ เราเชื่อว่าแผลสดจะต้องตกสะเก็ดในเร็วๆ นี้ล่ะ นี่ราคาพิเศษจากผู้จัดการเป็นไงถูกกว่าที่คิดไหม”
ราคาบ้านพักชายทะเลที่เมษาให้ดูตัวเลขนั้น เรียกรอยยิ้มจากอรนลินออกมาได้ ดีใจที่ได้ในราคาพิเศษซึ่งประหยัดเงินพอสมควร
“เราจะจ่ายล่วงหน้าไปเลย”
“อย่าเพิ่งใจร้อน เขาให้เคลียร์เงินทุกๆ สามวันจ้ะ เผื่อว่าเธออยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน มีเหตุแจ้นกลับกรุงเทพฯ ไปก่อน เสียดายเงินแย่เลย ถ้าอย่างนั้นมาจัดการค่าที่พักก่อน สามวัน เท่านี้ และเราก็จะเป็นคนเตือนเธอเองว่าได้เวลาจ่ายแล้ว โอเคไหม”
“เยี่ยมจ้ะเมษา พาเราไปจ่ายเงินเถอะ ฉันอยากนอนพักให้สบายใจเสียที”
“งั้นก็ตามมา นี่ เราจะบอกอะไรให้ อยู่นานๆ แบบนี้อีกหน่อยก็ได้แฟนฝรั่ง”
เมษาแกล้งเย้าพูดเพราะคะนองปากไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นจริงแต่อย่างใด อรนลินยกฝ่ามือฟาดเบาๆ ลงที่ต้นแขนเพื่อนโดยเร็ว
“บ้า เราเจ็บเรื่องความรัก ไม่ดิ้นรนไปหามันหรอก เข็ดแล้ว”
“ให้จริงอย่างที่พูดเถอะ พัทยามีฝรั่งหนุ่มๆ หล่อๆ เยอะ อาจจะมีสักคนที่ถูกตาต้องใจ จนยอมเสียดุลทางการค้า”
“บ้า ไม่หรอก ขนาดคนไทยด้วยกัน พูดรู้เรื่อง ยังทำซะเจ็บขนาดนี้ แล้วฝรั่งต่างชาติ พูดคนละภาษาคงไม่ไหวมังคะ”
หญิงสาวปฏิเสธที่จะเปิดประตูต้อนรับผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือชาติไหนๆ ก็ตาม มีความรู้สึกว่ากลัว ไม่กล้า และเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ ท่าทางกรุ้มกริ่ม พร้อมกันนั้นนึกไปถึงไรอัน ฝรั่งหนุ่มรูปหล่อ สายตาของเขาเวลามองมาที่เธอนั้น เหมือนมีไฟกองโตๆ สุมเอาไว้ ทำเอาร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
ความสุขจากการที่ถูกพุทธิตาปลอบประโลมได้จบลง เมื่อเธอขอตัวกลับ ภูดิสนั่งพิงพนักหัวเตียงด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่า แต่เขาไม่แยแสกับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเปิดเอาไว้ในระดับอุณหภูมิ 24 องศาเซลเซียสเพราะในใจมีแต่ความกังวล ต่อความรักระหว่างเขากับอรนลิน บัดนี้อับปางลงอย่างไม่เป็นท่า เขาก้มลงมองสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายด้วยสายตาเศร้าๆ
เพราะความต้องการของสิ่งนี้ ไม่รู้จักระงับความต้องการในเพศรส ทำให้สูญเสียผู้หญิงดีๆ อย่างอรนลินไป แต่เขาไม่ยอมให้เรื่องจบง่ายๆ จะต้องง้อให้ถึงที่สุด
โทรศัพท์คือเครื่องสื่อสารสำหรับติดต่อไปหาเธอได้ดีที่สุด เขาหยิบขึ้นมา ทำท่าจะกดหมายเลข แต่มีเสียงสัญญาณโทร. เข้ามาก่อน เมื่อเห็นเบอร์เท่านั้น เขากดรับด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“สวัสดี เทพ มีอะไรหรือเปล่า”
“เออ ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ เสียงเหมือนคนกำลังจะตาย”
เทพเพื่อนที่เป็นนายหน้าช่วยหาลูกค้าเข้าร้านถามขึ้น ตามสไตล์คนที่มีอารมณ์สดใสร่าเริง
“ใช่ กูกำลังจะตายจริงๆ”
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าเป็นเอดส์ กูบอกแล้วว่าเวลามีอะไรกับผู้หญิงให้ใส่ถุง อย่าวางใจแม้แต่ผู้หญิงทำงานดีๆ เดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เลย”
เทพเดาไปเลยเถิดว่าภูดิสเป็นโรคเอดส์ซึ่งเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมใส่ถุงยางอนามัย เพราะรู้นิสัยภูดิสดีว่าเป็นคนที่มีความต้องการในเรื่องดังกล่าวค่อนข้างสูง ถ้าไปเที่ยวสถานบันเทิงในยามค่ำคืน ถูกใจผู้หญิงคนไหนจะเข้าไปหา ชักชวนไปหลับนอนกันอย่างง่ายๆ
“ไอ้เวร แช่งกูให้เป็นโรคนั่น ถึงกูมั่ว แต่ก็เป็นประเภท ยืดอกพกถุงโว้ย ไม่มีหรอกที่จะชกด้วยหมัดล้วนๆ น่ะ ถึงมันจะไม่ค่อยอร่อยก็ตาม”
เขาแก้ตัวให้ดูดี ทั้งที่อดเสียวสันหลังไม่ได้ พักหลังมานี้เวลาที่มีความสัมพันธ์ทางกายกับพุทธิตา ไม่เคยป้องกันเพราะมั่นใจว่าเธอสะอาด และเธอบอกว่ากินยาคุมกำเนิด จึงไม่กังวลเรื่องท้อง
“เออ แล้วเป็นอะไร ถึงจะเป็นจะตายแบบนี้น่ะ”
“กูเลิกกับอรแล้วว่ะ”
“ล้อเล่นน่า”
“เรื่องจริง เมื่อวานนี้เอง เลิกในวันเกิดด้วย เจ็บไหมล่ะ และเป็นการเลิกที่ไม่อาจมองหน้ากันติดอีกด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นวะ ในเมื่อมึงกับอรจะแต่งงานกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว”
“อรเห็นตาอยู่ในห้องกู ตามีแค่เพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ก็อรบอกว่าไม่มางานวันเกิดจะปิดต้นฉบับ เราก็เลยเรียกตามาสนองความอยาก ใครจะคิดว่าเธอจะมาเคาะประตูเซอร์ไพรส์ก็เลยเจอเต็มๆ”