4 เสพสม
ภูดิสพลิกร่างอวบตึง ขาวผ่อง ผิวนุ่มลื่นมือให้นอนลงแทนที่ตัวเอง เขาทาบตัวลงไปประกบแนบแน่น กอดร่างสวยด้วยสองแขน ดันให้หน้าอกแอ่นขึ้นมา ปลายจมูกซุกซอนซับหาความหอมเก็บเกี่ยวเอาไว้ทุกอณูเนื้อ ริมฝีปากกดขยี้ลงที่ปากสวยอย่างหนักหน่วง เรียวลิ้นค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปไล่เซาะกับความหวานที่รอให้ชิมลิ้มลอง เธอตอบสนองด้วยดี จูบที่รัดรึงเร่าร้อน จนเขาอดใจไม่ไหวลูบหน้าอกอวบ เคล้นเบาๆ แล้วเพิ่มแรงมากขึ้น กระทั่งเผลอครางสียงแผ่ว
ปลายนิ้วก้อยเกลี่ยล้อเล่นอยู่บนยอดอกที่กำลังตื่นตัวชันแข็ง เขาหมุนวนๆ รายรอบไปมา แล้วกดต่ำลงไป เธอสะดุ้ง สูดปากเหมือนคนกินพริกเผ็ดๆ นับสิบเม็ด
ยังไม่จบสำหรับความต้องการที่ปะทุลุกโหมเพิ่มมากขึ้น เขาลากริมฝีปากร้อนๆ เลื่อนไซ้ลงมาซุกอยู่ที่ลำคอ สลับกับริมฝีปากที่เม้มเบาๆ แค่พอรู้สึกซาบซ่าน หญิงสาวถึงกับครางฮือ เกร็งไปทั้งตัว
ความหอมจากกลิ่นสาบสาว กระตุ้นความต้องการตามธรรมชาติจนไม่อาจที่จะหยุดเอาไว้ได้ จมูกซุกซนลากลงมาที่หน้าอกคู่อวบ รับรู้ถึงความตื่นตัวของเม็ดทับทิมสีเข้ม ชูชันท้าทายริมฝีปาก
“สวยมากครับ มองเท่าไรไม่เคยเบื่อ”
“จัดการเลยสิคะ ตาพร้อมแล้วค่ะ”
หญิงสาวแอ่นหน้าอกขึ้น ดันเม็ดทับทิมเคลียไปมากับฝีปากอันร้อนรุ่ม จึงถูกงับจนหายเข้าไปในปากของชายหนุ่ม เขาเม้มแล้วดูดอย่างรวดเร็ว หญิงสาวขนลุกซู่ เกร็งไปทั้งตัว และครางเบาๆ อย่างสุดจะระงับอารมณ์เอาไว้ได้ เมื่อเขาเปลี่ยนไปโจมตีหน้าอกอีกข้าง พร้อมๆ กับเคล้นบีบตามไปด้วย
“ไม่ไหวแล้วค่ะภูขา ช่วยตาด้วย”
พุทธิตาครางเสียงระรัว พร้อมกับยกขาข้างหนึ่งตั้งชัน ฝ่าเท้าเลื่อนกดลงที่น่องของเขา ขยับสะโพกขึ้นลงไปมา ชายหนุ่มรับรู้ว่าเวลานี้เธอพร้อมที่จะเดินเคียงข้างไปด้วยกัน
เขาเลื่อนตัวแกร่งเปลือยเปล่าขึ้นไป ขยับส่วนสำคัญให้สัมผัสกับถ้ำอับอบอุ่น ทาบทับแนบชิด บดขยี้เป็นจังหวะจะโคน ซึ่งเธอกอดรัดร่างเขาแน่น ริมฝีปากสวยเผยอจึงถูกปิดทับอย่างร้อนรุ่มอีกครั้ง
บทรักอันเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นไปตามครรลองแห่งความปรารถนาของธรรมชาติมนุษย์ ภูดิสรู้ว่าตรงไหนควรทำอย่างไร โดยให้ฝ่ายหญิงประทับใจมากที่สุด
เธอจะไม่ผิดหวังเมื่อได้หลับนอนกับเขา ซึ่งเป็นการมัดใจให้ลุ่มหลง โหยหาเพราะติดใจในรสรัก และครั้งนี้เธอกรีดร้องเบาๆ เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้น ซึ่งเธอแอ่นรับไม่ถอย เมื่อรู้ว่าใกล้ที่จะถึงจุดหมาย เหลืออีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
อีกนิด อีกนิด เธอร่ำร้องในใจ เกร็งตัว ปลายเท้าจิกลงบนเตียง สองแขนกอดรัดร่างภูดิสแน่นกว่าเดิม เมื่อเขาย้ำความสุขเร็วแรง เธอรับรู้ถึงความสุขอย่างที่สุด ส่งเสียงคราง เรียกชื่อเขาออกมาด้วยความลืมตัว
“ภู ภูขา”
ชายหนุ่มรับรู้ดังนั้น ไม่รอช้าที่จะตามไปเก็บเกี่ยวความสุข ซึ่งก็ตามเธอไปในเวลาไล่เลี่ยกัน
อรนลินไม่อาจทนรับสภาพความเจ็บปวดได้ จึงขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง เธอรู้ว่าอยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้แล้ว สมองได้สั่งการว่าจะต้องไปให้ไกลที่สุด หาที่สงบๆ เพื่อรักษาจิตใจ ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนหัวใจแสนช้ำจะกลับคืนสู่ปกติ เพราะคนรักร่วมมือกับเพื่อนของเธอด้วยการทรยศหักหลังนั้นเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิต
หญิงสาวเอาเสื้อผ้าออกจากไม้แขวนจับใส่กระเป๋าอย่างเร่งรีบ รวมทั้งเครื่องใช้ส่วนตัวที่สำคัญบางอย่าง จากนั้นยืนหันรีหันขวางอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว
‘สิ่งนี้คือเครื่องมือหากิน และเป็นเครื่องช่วยระบายความทุกข์ได้’
คอมพิวเตอร์คือสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียน ไม่ว่าสภาพจิตใจจะอยู่ในสภาวะอย่างไร แต่ก็ต้องใช้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน เธอเอาคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ในการใช้ใส่ลงไปในกระเป๋าจนครบหมดทุกชิ้น นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ในการถักนิตติ้งจะต้องนำติดตัวไปด้วย
เธอเป็นคนที่ชอบการถักนิตติ้งมากที่สุด ว่างจากการเขียนนวนิยายก็จะถักนิตติ้งเป็นผ้าพันคอ เสื้อกันหนาว ถุงเท้า ซึ่งเป็นการผ่อนคลายที่ได้ประโยชน์มากที่สุด
ก่อนที่จะขนข้าวของไปใส่รถ หญิงสาวนั่งร้องไห้เอาหลังพิงพนักเตียง น้ำตาอุ่นๆ ไหลอาบแก้มหยดแล้ว หยอดเล่า และเธอเผลอเอนร่างนอนลงไป ดวงตาหลับทั้งที่มีน้ำตาเปียกชื้นที่ขนตางอนงาม