แม่เล้าแบบเธอคงชอบ
“....” ผมนั่งมองยัยผู้หญิงอวดดีที่มันกำลังนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าผม เธอเอาแต่หลบสายตาเหมือนว่ากลัวผมนักหนา ทั้งที่ความเป็นจริงแม่งพยศใส่ผมอยู่ตลอดเวลา เห็นมิลินกลัวผมแบบนั้นแต่ก็มีบางมุมที่เธอก็ดื้อใส่ผมเหมือนกัน บางครั้งก็เหมือนจะรู้จักเธอดีแต่ก็ไม่ใช่ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างคาดเดาอารมณ์ได้ยากเหมือนกัน
“วันนี้ลินทำเมนูที่คุณนำทัพอยากทานค่ะ”
“แล้วไหนของเธอ”
“ลินยังไม่หิวค่ะ”
"ทำไม"
"คือว่า.."
"นั่งลง"
"ลินไม่รบกวนดีกว่าค่ะ" เธอว่าก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในครัว แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะยอมไหม?
"อย่าคิดว่ามีคนอยู่ฉันจะไม่กล้าทำอะไร" ถ้าขืนเธอยังไม่หยุดพยศผมคงไม่ใจดีด้วยอีกต่อไป อย่าทำให้บรรยากาศเช้านี้ต้องมาเสียเพราะเธอสิ
"มิลินอิ่มแล้วค่ะ" เธออิ่มอะไร ก็ในเมื่อเธอเองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเหมือนกันกับผม
"หรืออิ่มน้ำที่ฉันป้อนไปทั้งคืน" พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเธอก็เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา จะอายอะไรนักหนาวะเห็นจนไม่รู้จะเห็นยังไงแล้ว
"คะ คุณนำทัพ" เธอมีสีหน้าตกใจ ขยับมองเหล่าแม่บ้านและลูกน้องของผมที่ยืนอยู่บริเวณใกล้เคียง แล้วยังไงล่ะ? มันเป็นเรื่องปกติไหม อีกอย่างพวกมันก็ไม่กล้าเอาไปพูดที่ไหนอยู่แล้ว ลองพูดดูสิถ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่
"มานั่ง" ผมออกคำสั่งกับเธออีกครั้ง
"ลินว่า..."
"งั้นตอบมา..ระหว่างฉันกับข้าวเธอจะกินอะไร"
"ลินขอทานข้าวค่ะ" พูดจบเธอก็เดินเข้าครัวไปหยิบจานข้าวตัวเองออกมา แล้วบอกว่าอิ่มแล้ว ที่ถืออยู่นั่นคืออะไร ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเธอชอบแอบไปนั่งกินคนเดียวเงียบ ๆ อยู่หลังบ้าน
"พอเธอพูดง่ายมันก็ดูน่ารักดีนะ"
"....." เธอเมินคำพูดแล้วนั่งลงที่นั่งใกล้ ๆ กับผม เมื่อนั่งได้เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากเหมือนต้องการรีบกินรีบเสร็จจะออกไปจากตรงนี้
"นายครับ" ซึ่งในขณะนั้นเอง..
"อะไร" ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ไบค์ที่มันพรวดพราดเข้ามาอย่างไร้มารยาท ผมไม่เคยสอนมันหรือไงว่าเวลาส่วนตัวห้ามเข้ามายุ่ง
"คุณพายมาแล้วครับ"
"ให้ไปรอกูบนห้องทำงาน"
"รับทราบครับ"
หลังจากที่มันเดินออกไปผมก็กลับมาจ้องที่ผู้หญิงตรงหน้าต่อ แต่เหมือนว่าเธอ จะไม่ค่อยสนใจผมสักเท่าไหร่ เพราะเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตารีบตักข้าวยัดใส่ปากเหมือนว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้กินมันอีก
"ฉันเลี้ยงเธอให้อดอยากขนาดนั้น?"
"เปล่าค่ะ" ทำไมเธอต้องทำเหมือนกลัวผมขนาดนั้นวะ เวลาพูดด้วยก็ไม่ยอมสบตา ทำเหมือนกับว่าผมเป็นผีอย่างนั้นแหละ
"พูดกับฉันก็ต้องมองหน้าฉันสิ"
"ลินกำลังทานข้าวค่ะ"
"แล้วยังไง ทีตอนอมยังสบตากับฉันได้เลย"
"คะ คุณนำทัพช่วยหยุดพูดอะไรแบบนี้ได้ไหมคะ"
"ทำไม? เขิน กลัว หรือว่าสมเพชตัวเอง"
"...." แล้วเธอก็เงียบไป ผมมองท่าทีของอีกคนที่นิ่งผิดปกติไปจากเดิม
"โกรธฉัน?"
"ลินอิ่มแล้ว ขอตัวนะคะ"
"เดี๋ยว! ฉันอนุญาตหรือยัง"
"คุณนำทัพทานข้าวเถอะค่ะ ลินขอเอาจานไปเก็บก่อน"
"ฉันจะกินก็ต่อเมื่อเธอกลับมานั่งที่เดิม"
"ลินไม่อยากรบกวนคุณ"
"เพราะอะไรถึงคิดว่ารบกวนฉันล่ะมิลิน"
"คุณนำทัพมีงานต้องไปทำต่อไม่ใช่เหรอคะ" ดูเธอจะปีกกล้าขาแข็งกับผมมากขึ้นนะ
"สงสัยช่วงนี้ฉันคงจะใจดีกับเธอไป ดูเธอจะไม่กลัวฉันแล้ว"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ลินแค่..."
"ฉันทำงานเสร็จ หวังว่าเข้าห้องไปจะเจอเธอนอนรออยู่บนเตียงนะ"
"วันนี้ลินขอพักได้ไหมคะ"
"หึหึ" ผมยิ้มให้เธอก่อนจะดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินล้วงกระเป๋าขึ้นไปยังชั้นสองทันที
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบนับชั่วโมงได้ มิลินเดินกลับเข้ามาในบ้านหลังจากที่ออกไปดูแลสวนหลังบ้านกับเหล่าแม่บ้านคนอื่น ๆ เธอเดินเข้ามาก็พบกับคาเรนที่ยืนดื่มน้ำอยู่ในครัว พอมองไปทางบันไดก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นสอง ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานชวนหลงใหล ด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเธอจึงหันไปถามคาเรนที่กำลังดื่มน้ำอยู่
"เขาเป็นใครเหรอคะพี่คาเรน"
"เป็น.."
"ไม่ยักรู้ว่ามีพี่ชาย" ทว่าคาเรนยังไม่ทันได้ตอบ เสียงทุ้มของใครบางคนก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่ร่างนั้นจะปรากฏตัวมายืนอยู่ด้านหลังเธอ
"คะ คุณนำทัพ"
"ฉันนึกว่าเธอมีแค่พี่สาว ไอ้คาเรนพ่อแม่เดียวกับเธอ?" เขาเลิกคิ้วถามไปอย่างกวนประสาท แม้ใบหน้าของเขาจะนิ่งแต่มันก็เต็มไปด้วยความกวน
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ!" เธอแค่เรียกตามมารยาทเท่านั้น เพราะยังไงคาเรนและไบค์หรือแม้กระทั่งเหล่าแม่บ้านก็อายุเยอะกว่าเธอ จะให้เรียกชื่อเฉย ๆ มันก็คงจะไม่ได้หรือเปล่า อย่างน้อยเราก็ควรจะให้เกียรติคู่สนทนาตัวเองสิ
"ออกไป" คาเรนมองเจ้านายตัวเองก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย ยืนกินน้ำอยู่ดี ๆ มาไล่กันเฉย หลังจากที่คาเรนออกไปแล้วเขาก็กลับมาสบตากับหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
"ฉันสั่งเธอว่ายังไง" เขาจำได้ว่าก่อนไปคุยงาน เขาได้สั่งให้เธอขึ้นไปรออยู่บนห้อง ไหงเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ คิดจะขัดคำสั่งเขางั้นเหรอ เริ่มต่อต้านแล้วสินะ
"ลินไปปลูกต้นไม้มาค่ะ"
"หน้าที่ของเธอคือนอนรอฉันอยู่บนเตียง หรือว่าเธออยากลองกลางสวนงั้นเหรอ ฉันจัดให้ได้นะ มันคงตื่นเต้นน่าดู"
"ลินขอโทษค่ะ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว"
"เลิกทำเหมือนกลัวฉันสักทีถ้าคิดจะพยศใส่ฉัน" เขาเริ่มหงุดหงิดที่เธอเอาแต่ขอโทษอยู่นั่นแหละ เอะอะก็ยกมือไหว้ขอโทษ เห็นเขาเป็นพระหรือไงไหว้ทั้งวัน
"ลินไม่ได้พยศ"
"งั้นเหรอ? เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ฉันหงุดหงิดกับเธอไปแล้วกี่รอบ เธอจะรับผิดชอบยังไงดี"
"ลินยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
"แน่ใจว่าไม่ได้ทำ"
"ขอโทษค่ะ" อีกแล้วคำนี้..
"เอาเถอะฉันเหนื่อยจะพูดกับเธอแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยง เธอต้องไปกับฉันด้วย"
"ลินต้องไปด้วยเหรอคะ"
"ถ้าหูไม่หนวกก็ตามนั้น" จะบอกว่าเพื่อนก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก ให้เรียกว่าคู่ค้าก็แล้วกัน เนื่องจากคู่ค้าของเขาจะเปิดผับใหม่นั่นเลยทำให้เขาต้องไปแสดงความยินดี แต่ถ้าจะให้ไปคนเดียวก็กลัวว่าจะมีเด็กบางคนแอบซนเหมือนครั้งก่อน เขาจึงจำเป็นต้องให้เธอติดสอยห้อยตามไปด้วย ช่วงนี้จะปล่อยให้คลาดสายตาไปไม่ได้เด็ดขาด นับวันเธอก็ยิ่งดื้อและต่อต้านเขาขึ้นเรื่อย ๆ
"พี่คาเรนไปด้วยไหมคะ"
"ถามถึงมันทำไม มันจะไปไม่ไปแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ" หรือว่าสองคนนี้.. เขาคิด แล้วมองหน้าเธออย่างตั้งคำถาม
"ลินกลัวไม่มีเพื่อนค่ะ" ที่เธอถามออกไปแบบนั้นก็เพราะว่าคาเรนและไบค์เปรียบเสมือนพี่ชายทั้งสองของเธอ พวกเขาชอบแกล้งหรือแม้กระทั่งชวนคุยในตอนที่หญิงสาวเศร้า เลยกลายเป็นว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่จะมีแค่คาเรนกับไบค์สองคนที่กล้าคุยกับเธอ จะบอกว่ายังไงดีล่ะ ถ้าให้พูดตรง ๆ ทุกครั้งที่อยู่ใกล้พวกเขาเธอรู้สึกปลอดภัยยังไงไม่รู้
"นอกจากมันจะเป็นพี่ชายแล้วมันยังเป็นเพื่อนกับเธอ ต่อไปก็คงเป็นผัวสินะ"
"ลินไม่อาจคิดไปถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ"
"ใครจะรู้.. แม่เล้าแบบเธออาจจะชอบก็ได้ หึ~"
"....." เธอสะอึกกับคำพูดของเขาไปชั่วขณะ หญิงสาวฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า ต่อให้เธอจะเถียงหรือพูดอะไรกลับไปเธอก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้หรอกนอกจากยิ้มสู้เท่านั้น เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับเขาแล้วตอบแทนเขาด้วยร่างกาย เธอเองก็หวังว่า สักวันจะหลุดไปจากตรงนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับใครเลย..