รับเลี้ยง
ฟู่วว~ นัยน์ตาเฉียบคมมองไปยังหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกว้างขนาดใหญ่ นี่ก็ปีกว่าแล้วสินะที่เธอมาอยู่ในการปกครองของเขา
นำทัพ เจ้าของกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊า มีนิสัยส่วนตัวเงียบขรึมภายนอกที่ดูอบอุ่นและใจดี แท้จริงแล้วใครจะรู้ว่าเขามันคือปีศาจในร่างคน ฆ่าได้ฆ่า เกลียดพวกล้ำเส้น ไม่ชอบพูดซ้ำ แล้วในตอนนี้เขายังมีเลี้ยงเด็กไว้ในปกครองอยู่หนึ่งคน ซึ่งเป็นเด็กที่ค่อนข้างขัดหูขัดตาอยู่ไม่น้อยแต่ก็ต้องเก็บไว้ เขาไม่ใช่พ่อพระหรือพระเอกที่จะได้ใจดียอมเสียเงินไปฟรี ๆ ให้กับผู้หญิงแบบนั้น ผู้หญิงที่มันเป็นแม่เล้าหลอกคนบริสุทธิ์ไปขายให้กับพวกเศษสวะ คนแบบนี้มันต้องเจอเขาน่ะถูกแล้ว
"นายครับ" คาเรน มือซ้ายที่อยู่กับเขามาเนิ่นนานก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับโค้งศีรษะให้กับผู้เป็นนายเล็กน้อย
"..." ใบหน้าดูดีทำเพียงขยับมองลูกน้องนิ่ง ๆ
"คุณครูซมาครับ" คาเรนรายงานผู้เป็นนายพลางเลื่อนสายตามองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง มันเป็นภาพที่ชินตาไปแล้วสำหรับเขา
"อืม" บุหรี่ในมือวางลงบนที่เขี่ยบุหรี่ ร่างสูงดันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับใช้หางตาเหลือบมองไปยังคนบนเตียงสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปในทันที
ตึก
ตึก
"โผล่หัวมาหากูได้แล้วเหรอ" ก็ตั้งแต่เมียให้อภัยเพื่อนเขาก็แทบไม่เคยโผล่หัวมาหาเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าวันนี้ผีตนใดเข้าสิงให้มันถ่อสังขารมาหาเขาถึงมาเก๊าได้ สงสัยวันนี้พายุจะเข้า
"กูไม่มาแค่ปีเดียวจะตายเลยว่างั้น"
"มึงใช้คำว่าแค่ปีเดียว?"
"กูก็มาหาแล้วนี่ไงมึงจะบ่นทำไมวะ"
"ไม่หอบลูกเมียมาด้วยเหรอหรือเอาขึ้นหิ้งไว้แล้ว" คำพูดกระแหนะกระแหนถูกส่งไปให้เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างครูซ คนถูกว่าไหวไหล่ไม่ยี่หระพลางเลี่ยงไปนั่งโซฟาโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านอนุญาต
"ท้องอยู่ทำไมกูต้องพามาด้วย"
"นึกว่าจะกลัวเมียหนีจนต้องหิ้วไปด้วยทุกที"
"เลิกเสือกเรื่องของกูสักที ว่าแต่มึงเถอะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยโผล่หัวไปไทยเลยนะ มีสาวอยู่ที่นี่หรือไง"
"ไปไม่ไปก็เรื่องของกู"
"ปากแบบนี้ใครมันจะอยากได้ไปเป็นผัว"
"มึงกับกูมันก็ไม่ต่างกันเลยนะไอ้ครูซ"
"กูดีกว่ามึงเยอะ"
"ส้นตีนกู เห็นหรือเปล่า นั่นแหละสันดานมึง"
"สัส"
"สรุปมีอะไร" มันต้องมีอะไรสักอย่างแหละ ไม่อย่างนั้นเพื่อนเขาคงไม่มาหาถึงที่ขนาดนี้ เพราะตั้งแต่ครูซคืนดีกับเมียได้ก็แทบไม่เคยห่างเมียเลยสักครั้ง อยู่ ๆ จะมาหาเขาโดยไร้เงาคนรักเป็นไปไม่ได้แน่นอน
"มิลินเป็นยังไงบ้าง" ครูซเข้าประเด็นทันที มิลินที่ทั้งสองหมายถึงก็คือเพื่อนร่วมห้องที่เคยเรียนมหาลัยเดียวกันกับฮันน่าเมียเขา และเธอก็เป็นคนเดียวกับที่หลอกฮันน่าไปขายในวันนั้น นึกย้อนไปเขาก็นึกโกรธเธออยู่ในใจ แม้ว่าตอนนี้จะไม่อะไรแล้วก็ตาม แต่หากวันนั้นถ้าคนที่ติดต่อไปไม่ใช่เขาฮันน่าจะเป็นยังไง
"มึงจะถามหาผู้หญิงแบบนั้นไปทำไม"
"มึง..ไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม" เพราะรู้สันดานเพื่อนตัวเองดีว่าเป็นคนยังไง แม้จะยกให้เพื่อนเป็นคนรับไปดูแลต่อก็ตาม ถึงยังไงเธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวที่ไม่มีใครเลย เพราะพี่สาวก็ได้ตายจากไปแล้ว พ่อแม่ก็ไม่มี เขากลัวว่าเพื่อนจะทำอะไรที่มันเกินกว่าเหตุ
"คิดว่าไงล่ะ?" แสยะยิ้มร้าย
"ไอ้นำทัพ"
"กูไม่ใช่คนดี เงินทุกบาทที่เสียไปจะให้กูเสียอย่างเปล่าประโยชน์มันก็ใช่เรื่อง"
"มึงก็รู้ว่าธะ.."
"แล้วยังไง? เพราะสุดท้ายแล้วแม่งก็มานอนให้กูเอาอยู่ดี"
"จะทำอะไรก็เรื่องของมึงเถอะงั้น เบามือหน่อยก็แล้วกันมึงก็รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราเห็น"
"ผู้หญิงแบบนั้นมีอะไรให้น่าสงสาร"
"เหี้x เลิกพูดเถอะกูกลัวมึง" ทั้งสายตาและคำพูดของเพื่อนชวนขนลุกจนเขาไม่อาจจะทนพูดต่อได้จึงเลือกเปลี่ยนบทสนทนาแทน ที่ครูซมาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากให้เพื่อนช่วย เนื่องจากตัวเองไม่สามารถลงมือเองได้ หากเมียและพี่ชายเมียรู้เข้ามันคงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เขาจึงขอให้นำทัพเป็นคนจัดการแทน และมันก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะสิ่งที่เพื่อนขอมาเขาดันถนัดเสียด้วยสิ ถ้าปฏิเสธคงไม่มีอะไรให้เล่นสนุก ถือว่าเพื่อนหาอะไรมาให้ผ่อนคลายก็แล้วกัน
"อย่าลืมว่าเธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง"
"บางทีเสียงร้องไห้ของเธอมันก็ดูน่าฟังกว่าเสียงโหยหวนของพวกสวะพวกนั้น มึงว่าไหม?"
หลังจากที่พุดคุยกันเสร็จครูซก็กลับไปพักที่โรงแรมเพื่อเดินทางกลับไทยในช่วงเช้ามืดทันที การมาครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใครแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง บอกคนรักแค่ว่าต้องมาเคลียร์งานเท่านั้น ที่เลือกไม่บอกความจริงคนรักเพราะเขาเห็นว่าไม่จำเป็นอะไร เธอเองก็กำลังท้องกำลังไส้กลัวว่าจะเครียดไปเสียเปล่า อีกอย่างเรื่องมิลินฮันน่าเองก็ไม่รู้เรื่อง
ตึกตึก..
“ลุก” เสียงทุ้มเอ่ยกับคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง มือหนากระชากผ้าห่มออกจากตัวทำหญิงสาวที่นอนสะลึมสะลือขึ้นมามอง
“อื้อ คะ คุณนำทัพ”
“ฉันไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้เธอมานอน” หน้าที่ของเธอวันนี้เขารู้สึกว่าอีกคนทำมันได้ไม่ดีพอ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่
“ละ ลินไม่ไหว” ร่างไร้เรี่ยวแรงค่อย ๆ ประคองตัวลุกนั่ง มือสั่นเทาพนมไหว้เพื่อขอให้เขาเห็นใจ หากเขายืนกรานที่จะทำจะกลายเป็นเธอเองที่แหลกสลายคามือเขา
มิลิน หญิงสาววัย 22 ปี นิสัยส่วนตัว ยิ้มง่าย อ่อนหวานและเงียบขรึมในบางครั้ง เหมือนจะเข้าถึงง่ายแต่ก็ไม่.. เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ชีวิตเธอพลิกผันกลายมาเป็นนางบำเรอให้กับผู้ชายใจร้าย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ชีวิตเธอก็ไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น ทุกคนรอบตัวต่างบีบบังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่ได้อยากจะทำเลยสักนิด ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่อยู่กับปีศาจร้ายคนนี้ เธอไม่เคยได้รับความอ่อนโยนหรือเห็นใจจากเขาเลยแม้แต่น้อย นำทัพปฏิบัติกับเธอราวกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ยามที่เขาต้องการไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ห้ามขัดเขาเด็ดขาด ต้องยอมเท่านั้น ใครจะคิดว่าคนที่หยิบยื่นชีวิตใหม่ให้กับเธอจะกลายเป็นคนทำลายชีวิตเธอด้วยมือของเขาเอง..
“ไม่ไหวงั้นเหรอ หึหึ”
หมับ! มือหนาเลื่อนไปจับที่ใบหน้าแดงฝาดพร้อมกับออกแรงบีบทำเอาหญิงสาวรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหล สายตาที่เขามองเธอมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเวทนา จะมีสักครั้งไหมที่เขาจะอ่อนโยนกับเธอ
“อึก!” ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ ปิดลง ปล่อยให้เขากระทำตามใจชอบจนกว่าจะพอใจ
“อยากนอนแบบไม่ตื่นไหมล่ะ” ประโยคถัดมาของอีกคนทำหญิงสาวลืมตาขึ้นมอง เขาจะทำมันจริง ๆ ใช่ไหม ช่วยลงมือตอนนี้เลยได้หรือเปล่า เพราะต่อให้อยู่ไปทุกคนก็มองเธอเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น ไม่เคยมีใครสนใจความรู้สึกของเธออยู่แล้วนี่ ได้โปรดทำมันสักที เธอไม่ไหวแล้ว..
“ได้โปรด..ฮึก~”
“อะไรกันมิลิน ฉันยังได้ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเลยนะ เธอจะทิ้งฉันไปแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเย็นก้มกระซิบข้างหูชวนขนลุก เขายังไม่พอใจกับสิ่งที่ได้สักเท่าไหร่ เธอต้องทนอยู่ให้เขาเสพสุขกับร่างกายนี้จนกว่าจะพอใจสิ ใครมันจะปล่อยให้อาหารชิ้นโปรดหายไปล่ะ
“ฮึก!”
“น้ำตามันทำให้เธอดูสวยเป็นพิเศษเลยสาวน้อย” เขามองน้ำตาที่อาบใบหน้าคนตัวเล็ก ยิ่งเธอร้องมากเท่าไหร่เขายิ่งชอบ
“..อึก”
“ฉันหิวแล้ว” หน้าที่ทำอาหารให้เขากินเป็นของเธอ แค่เธอเท่านั้น...
“วะ วันนี้ลินขอพักได้ไหมคะ” เธอรู้สึกปวดหัวเหมือนจะไม่สบาย กลัวว่าจะทำอาหารให้เขาไม่อร่อยแล้วเดี๋ยวจะถูกลงโทษอีก
“ถ้าฉันไม่อนุญาตล่ะ”
“....”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบพวกพูดไม่รู้เรื่อง”
“....”
“ถ้าฉันไม่ได้กินข้าว รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ต่อให้บ้านเขามีแม่บ้านอยู่เต็มไปหมดเขาก็ไม่ต้องการ เพราะคนที่ต้องการคือเธอเท่านั้น
“ค่ะ อึก!” สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถขัดคำสั่งเขาได้ ทุกคนอาจจะมองว่าเธอโง่ที่ไม่ยอมหนีไป ทำไมต้องทนกับคนใจร้ายอยู่แบบนี้ ลองมาเป็นเธอสิจะรู้ว่าทุกอย่างที่พูดมามันไม่ง่ายเลยสักนิด ไม่ว่าจะหนีเป็นหรือหนีตายเธอก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาผู้ชายคนนี้ไปได้เลย เขามันยิ่งกว่าซาตานเสียอีก
“หึหึ เลี้ยงให้เชื่องแบบนี้สิถึงจะน่ารักหน่อย” เขายอมปล่อยมือออกจากใบหน้าของเธอ ร่างสูงขยับถอยห่างออกไปสองเก้า สายตาจับจ้องไปที่หญิงสาว ดูว่าเธอจะขยับตัวลงจากเตียงได้ตอนไหน
ครืน ครืน
ซึ่งในขณะนั้นเอง.. มือถือคนตัวเล็กที่วางอยู่หัวเตียงก็มีเสียงเรียกเข้า นำทัพเหลือบมองไปยังมือถือนั้นสีหน้าเรียบนิ่ง เขามองดูปฏิกิริยาของอีกคนว่าจะจัดการกับเจ้าของสายนั้นยังไง
“รับสิ รับแล้วเปิดเสียงให้ฉันได้ยิน”