4 เนื้อเรื่องคุ้น ๆ
เมื่อหลัวซู่เฟิงสัญญากับนางว่าจะไม่ยุ่งกับนางอีก ตู้หลิงจึงคายลิ้นผีที่ยืดยาวทิ้งพร้อมกับเหยียบซ้ำอีกสองสามที
เหล่าผีที่ยืนหลบซ่อนแอบดูต่างอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นจ้าวผีอันธพาลเช่นหลัวซู่เฟิงถูกหักหน้าโดนดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้
ก็ตั้งแต่หลัวซู่เฟิงกลายมาเป็นวิญญาณก็เที่ยวกร่างสร้างความขุ่นเคืองให้กับเหล่าผีอยู่ตลอด และคิดว่าเป็นตัวเอง เป็นผีมีบุญกุศลล้นเหลือเที่ยวล้างผลาญก่อความวุ่นวายใจให้กับทุกตน
“ต่อให้อีก 300 ปีนับจากนี้บุญข้ายังไงก็ไม่มีวันหมด” นั่นคือประโยคที่หลัวซู่เฟิงประกาศกร้าว สร้างความรำคาญใจไปทั่วทุกแห่งหน
รอดพ้นจากเงื้อมมือของหลัวซู่เฟิงมาได้ ตู้หลิงจึงกลับมาอยู่ที่เดิมกับลุงผี จู่ ๆ นางก็มีเรื่องให้นึกสงสัย
“ท่านลุง เหตุใดท่านจึงกลายเป็นผีไร้บุญกุศลเช่นนี้” ท่าทางของลุงผีดูเหมือนจะไม่ใช่คนไม่มีญาติ
“ฮ่าฮ่า ข้าน่ะตายมาแล้วหลายร้อยปี ญาติทั้งหลายล้วนแล้วแต่ล่วงลับไปหมดแล้ว ลูกหลานที่ยังเหลืออยู่ก็หลงลืมที่จะสร้างกุศลและอุทิศให้” ลุงผียังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะใจดีดังเช่นทุกครั้ง อันเป็นสิ่งบ่งบอกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องเป็นผู้มีความรู้ผู้หนึ่ง
“งั้นหรือเจ้าคะ ท่านบอกชื่อมาสิเจ้าคะ ถ้าข้าได้มีโอกาสมีลมหายใจ ประสาทสัมผัสการรับรู้ร้อนหนาวกลับมาอีกครั้ง ข้าจะอุทิศให้ท่าน” ตู้หลิงไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยนางมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมและแรงกล้า ที่จะทำเช่นนั้น
ผีสาวแสนสวยพูดด้วยความจริงใจ
“นังเด็กโง่ ตายไปแล้วจะได้กลับไปเป็นมนุษย์อีกได้อย่างไรกัน” ลุงผีเข้าใจในความหวังดีของตู้หลิงดี แต่นางลืมไปแล้วหรือว่านางตายแล้ว
ตู้หลิงยิ้มเจื่อนนางเองก็ลืมไปว่าเราทั้งคู่ล้วนแล้วแต่ตายไปแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครทำบุญให้ใครได้ นอกจากจะมีลมหายใจมีกายเนื้ออีกครั้ง
ลุงผีเห็นหลานผีอยากรู้ชื่อจนใจจะขาดสุดท้ายเขาก็ยอมบอกชื่อของตนเอง
“ข้าชื่อ หยูเต๋อกุย จำไว้ให้ดี ๆ ล่ะ ข้าจะบอกเจ้าครั้งเดียว”
นับว่าเป็นครั้งแรกที่ตู้หลิงได้ยินของลุงผี นางทำท่าดีใจจนตาโต
“ส่วนข้าผีสาวแสนสวยมีนามว่าตู้หลิงนะเจ้าคะ” ตู้หลิง กวาดนิ้วรอบใบหน้าตนเองทำตาวิ๊งค์ ๆ ให้ลุงผี
ผ่านแล้วหลายอาทิตย์ หลัวซู่เฟิงไม่ได้มาวุ่นวายกับนางอีก ทำให้ตู้หลิงคลายความกังวลใจไปได้หลายส่วน อย่างน้อยเวลานางเดินในตลาดก็คงไม่ถูกใครดูดเข้าไปหาอย่างเสียมารยาท นางทึกทักเอาเองว่าไอ้ผีชีกอพรรค์นั้นคงจะอับอาย ที่ถูกนางลากลิ้นออกมากระทืบ
เสียงมโหรีดังลั่นถนน เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ตู้หลิงได้ยินเสียงพวกนั้นนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ ผีสาวสอดรู้สอดเห็น
เมื่อนางไปถึงสถานที่ที่เป็นต้นเสียง จึงได้รู้ว่ากำลังมีการจัดงานแต่งงาน คนงามมองเกี้ยวเจ้าสาวด้วยสายตาละห้อย พลางนึกถึงตัวเองที่ถูกรถชนตายในวันลองชุดแต่งงาน
“พวกเจ้าดูสิท่านอ๋องแต่งอนุภรรยาจัดงานใหญ่โต เสียยิ่งกว่าตอนแต่งพระชายาเอก ช่างเป็นคนใจไม้ไส้ระกำเสียจริงๆ” ชาวบ้านลำดับที่หนึ่งโพล่งออกมา
“โธ่ พวกเจ้าจะไปรู้อะไรก็ท่านอ๋องไม่ได้รักพระชายา สนมมู่ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่าหากท่านอ๋องไม่แต่งพระชายา ก็จะไม่ยอมให้ท่านอ๋องได้ครองรักกับแม่นางไช่” ชาวบ้านลำดับที่สองแย้ง
“งั้นหรือ แสดงว่าพระชายาก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานสินะ น่าสงสารคนเป็นภรรยาเอกเสียจริง ๆ ได้แต่นอนกอดตำแหน่ง แต่ไม่มีทางได้ความรัก” ชาวบ้านลำดับที่สามเสริม
“อันที่จริง ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าพระชายาเอกเองก็ใช้อำนาจของครอบครัวตัวเองไปขอหมั้นหมาย บีบบังคับให้ท่านอ๋องยินยอมแต่งงานนะ” ชาวบ้านลำดับที่สองเล่าเพิ่ม
ตู้หลิงไปยืนฟังพวกนางสนทนาอย่างตั้งใจ การแต่งงานเมียสองสามสี่ห้าสมัยนี้ไม่แปลกหรอก แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว พระชายาเอกนี่น่าสงสารจริง ๆ ผัวมีเมียน้อยเพิ่มแถมยังเป็นสตรีที่รักสุดหัวใจอีกด้วย น่าเวทนายิ่งนัก เหมือนกับตัวนางเล๊ย!!
แต่เอ๊ะ!!! เรื่องนี้ดูเหมือนว่านางจะเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง
“ข้าเคยได้ยินเรื่องราวพรรค์นั้นจากไหนนะ” ผีสาวกอดอกครุ่นคิด
เพื่อความมั่นใจ ตู้หลิงจึงลอยเข้าไปสำรวจภายในจวนอ๋องเผื่อว่าจะพบเบาะแสอะไรบางอย่าง จวนหลังนี้ประดับประดาตกแต่งด้วยสิ่งของชั้นดี เหมาะสมกับที่เป็นเรือนของเจ้านายชั้นสูง
ผีสาวแสนสวยหอบกระโปรงตัวเองลอยวนดูทุกซอกทุกมุม โดยปกติสถานที่แต่ละแห่งจะมีสิ่งที่เรียกว่าตาเจ้าที่ยายเจ้าที่ ถ้านางแอบเข้ามาวุ่นวายเช่นนี้พวกเขาจะต้องออกมาขับไล่นางออกไปแล้ว
แต่เงียบกริบ นางสามารถลอยไปที่ไหนก็ได้ในจวนแห่งนี้ตามอำเภอใจ
กลิ่น!!! ตู้หลิงทำจมูกฟุดฟิด นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีกว่าที่นางได้กลิ่นของอาหาร ผีสาวลอยไปตามกลิ่นที่โชยออกมา มาหยุดยืนอยู่ที่หลังครัว นางโผล่หน้าทะลุเข้าไปว่าด้านในกำลังทำสิ่งใดกันอยู่
“พระชายา ทำไมท่านถึงเอาแค่ขลุกอยู่ในครัวแบบนี้ล่ะเจ้าคะ” สตรีที่แต่งกายแบบสาวใช้ในจวนกล่าวกับสตรีที่นางเรียกว่าพระชายา
“ข้าจะออกไปข้างนอกให้เสียบรรยากาศทำไม ในเมื่อตรงนั้นไม่มีใครชอบข้าและไม่มีใครเชื้อเชิญให้ข้าออกไปที่นั่น” สตรีที่ถูกเรียกว่าพระชายายังคงก้มหน้าเขี่ยเชื้อเพลิงในเตา
จากมุมนี้ตู้หลิงมองใบหน้าของนางได้ไม่ถนัดนัก
“ท่านอ๋องใจร้ายเกินไปแล้ว” สาวใช้ตัวน้อยโกรธจนรู้สึกอยากร้องไห้
“อย่าพูดเสี่ยงดังนะเสี่ยวเชี่ยน เดี๋ยวคนอื่นจะตำหนิเอาได้” พระชายารีบเข้าไปห้ามให้สาวใช้ของตนสงบปากสงบคำ
และทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของนางได้ชัด ๆ ทำให้ตู้หลิงประหลาดใจ นั่นก็คือใบหน้าของผู้ที่ถูกเรียกว่าพระชายาคล้ายกับนางราวกับส่องกระจก
ผีสาวต้องขยี้ตาอีกทีเผื่อดูให้แน่ชัดว่าไม่ได้ตาฝาด
“OMG เจ้าเป็นใครกันแน่เนี่ยทำไมเหมือนข้าขนาดนี้”