บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

บทที่ 1

"เป็นอะไรวะ ทำหน้าอย่างกับไปเหยียบขี้หมามา" คำทักทายตามประสาคนสนิทระหว่างขุนพลผู้เป็นเจ้านาย และนักรบบอดี้การ์ดมือขวาคนสนิทสร้างรอยยิ้มให้กับลูกน้องหลายคนที่ยืนรวมกันอยู่ หลังจากที่มือขวาของเจ้านายเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงเหมือนไปโกรธใครมา ผู้เป็นนายก็เลยเอ่ยทักด้วยคำพูดแสนขบขันที่ทำให้ใบหน้านิ่งหงิกงอเป็นจวักมากกว่าเดิม

"ฮึ" บอดี้การ์ดมือดีแสยะยิ้ม

เขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของขุนพล เท้าแขนลงบนโต๊ะของเจ้านายแล้วมองจ้องคนที่ทักทายเขาแล้วดันเอาแต่ก้มน้าก้มตาทำงาน

ด้วยความสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร รูปร่างกำยำจากการฝึกฝนมาอย่างดี อดีตนายตำรวจมือดีที่ผันตัวมาเป็นคนสนิทนักธุรกิจไฟแรงที่มีศัตรูไปทั่วสารทิศ นักรบ ทัศนัย สิทธิพรพรรณ ผู้ชายที่แค่จ้องหน้าเด็กก็ร้องไห้จ้า คนที่แทบจะไม่เคยยิ้มเลยยกเว้นเวลาอยู่ต่อหน้าใครบางคน

"แล้วนี่ไปไหนมา" ขุนพลถามขณะที่ยังก้มหน้าเซ็นเอกสาร เขาไม่ได้สนใจว่าตอนนี้นักรบแสดงสีหน้าเช่นไรอยู่ เขาหยอกเล่นกันแบบนี้เป็นประจำเขารู้ว่าเพื่อนไม่มีทางโกรธด้วยเรื่องแบบนั้นแน่นอน

"..." นักรบไม่ได้ตอบในทันที เขาขยับมายืนกอดอกใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายก็รู้ทัน

"ไปส่งน้องสาวนอกไส้ฉันมาเหรอ" ขุนพลถามขึ้นก่อนจะขยับลุกขึ้นมายืนเคียงข้างกัน

สายตามองออกไปที่ด้านนอกซึ่งเป็นหน้าต่างทิศที่มองเห็นแปลงองุ่นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ใบหน้าหล่อคมคายคนละแบบเลยสายตาสบกับเพื่อนสนิทเพียงครู่เดียวก็หันกลับไปที่เดิม

ขุนพลหล่อเนี้ยบแบบฉบับนักธุรกิจ ส่วนนักรบก็หล่อคมเข้มผิวคร้ามแดดแบบฉบับคนไทยแท้ เรียกว่ากินกันไม่ลงเลยทีเดียว

"อือ ไปตลาด รู้ดีจริง...ฮึ" หนุ่มผิวเข้มหัวเราะเบาๆ ไม่เคยมีเรื่องไหนของภารดีที่ขุนพลไม่รู้เลยสินะ ทำราวกับว่าเฝ้าจับตาดูอยู่ตลอดเวลาทั้งที่ปากก็บอกว่าไม่สนใจแท้ๆเลยเชียว

"ทำไมไม่ให้คนของป๋าพาไป จะมารบกวนนายทำไม" คิ้วหนาขมวดมุ่น แสดงอาการแบบนี้ทุกครั้งเมื่อต้องพูดถึงภารดี

ขุนพลไม่ค่อยพอใจที่น้องสาวนอกไส้อย่างภารดีมาออกปากใช้คนของเขาโดยที่เขายังไม่ได้อนุญาต

"เขาไปแป๊บเดียว ฉันไปซื้อของพอดีเลยไปด้วยกัน" นักรบตอบเสียงเรียบ ใบหน้าที่หล่อราวเทพบุตรยังคงเรียบตึงเช่นเคย

"ตั้งใจล่ะสิไม่ว่า" ขุนพลแค่นเสียง เบะปากใส่ด้วยนึกหมั่นไส้ ทำไมเขาจะไม่รู้ ยัยนั่นอยากได้นักรบจนตัวสั่น เห็นอ่อยได้ทุกวัน

"ทำไมนายชอบไปว่าคุณพิ้งค์จัง เอาจริงๆ เขาก็อยู่ของเขานะ ไม่เห็นเคยจะมาวุ่นวายอะไรเลย มีแต่นายเนี่ย จงเกลียดจงชังอะไรเขานักหนา" นักรบส่ายหน้าไปมากับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของขุนพล

ก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าไม่ชอบหน้ากันเท่าไหร่นัก ด้วยเพราะแม่ของภารดีเข้ามาอยู่ในบ้านฐานะแม่เลี้ยงที่ขุนพลไม่โอเคเท่าไหร่นัก แต่สำหรับภารดีเธอเป็นคนดีคนหนึ่ง อ่อนหวาน นุ่มนวล น่าถนุถนอมจะตายไป เขาไม่เข้าใจว่าเพื่อนรักจะผูกใจเจ็บที่แม่ แต่ดันมาลงที่ลูกทำไม ทั้งที่สองคนต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"เรื่องของฉันน่า ก็แล้วไปกับยัยนั่นมา ทำไมอารมณ์ไม่ดี" คนเป็นนายบ่ายเบี่ยงไม่ตอบสิ่งที่เพื่อนถาม เขาหันมาตั้งข้อสังเกตุแทน ปกติเห็นอยู่กับภารดีแล้วอารมณ์ดีตลอด

"เจอหมาเด็กกลางทาง มันเห่าใส่ เลยหงุดหงิด" ชายหนุ่มหมุนตัวไปหย่อนสะโพกลงที่โซฟามุมห้องตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นพลางๆ

บรรดาลูกน้องรีบออกไปรอด้านนอกเมื่อเห็นเจ้านายมีเรื่องต้องถกกัน

"หมาเด็ก? หมาที่ไหน แถวนี้มีหมาด้วยเหรอวะ" ขุนพลเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ ที่ไร่เขามีแต่แมวที่น้องสาวเลี้ยงไว้ ไม่มีหมาสักตัวถ้ามีจริงคงหมาจรจัดละมั้ง

หลังจากเสวนาเรื่องหมาเด็กกันครู่ใหญ่แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดว่าหมาเด็กเจ้าปัญหาที่ทำให้นักรบหงุดหงิดเป็นพันธ์อะไรแล้วมาจากที่ไหน ขุนพลก็เลือกที่จะกลับไปนั่งเซ็นเอกสารต่อ ส่วนนักรบก็อ่านรายงานอยู่ที่เดิม

สองหนุ่มนั่งทำงานด้วยกันในห้องทำงานของขุนพลภายในรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในไร่องุ่น เป็นรีสอร์ทที่ขุนพลขอแบ่งพื้นที่ท้ายไร่ที่ติดกับน้ำตกมาสร้างตึกเพื่อทำธุรกิจของตัวเอง ตั้งแต่เรียนจบมานี่ก็หลายปีแล้วมันสร้างรายได้ให้กับขุนพลมากพอจะไม่ต้องรบกวนเงินของพ่อแถมเขายังมีโรงแรมในตัวจังหวัดและกลายเป็นผู้มีอิทธิพล มีหน้ามีตาในจังหวัดอีกด้วย
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel