พระพายร่ายรัก

212.0K · จบแล้ว
กลอรี่สีชมพู
160
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

'ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ต้องลงที่คาถา' เพราะถือคติ อยากได้ต้องได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เมื่อคุณหนูจอมแก่น ลูกสาวคนเล็กของเจ้าของไร่องุ่นที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตก สมัครรักใคร่ปักใจกับ เพื่อนสนิทสุดหล่อล่ำที่พ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวของพี่ชายคนโต ถึงกับต้องลงทุนวางแผนอ่อยอยู่เช้าค่ำ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แถมดูเหมือนเขาจะชอบพอกับพี่สาวคนละพ่อคนละแม่ของเธอเสียอีก งานนี้ใครดีใครได้ คนอย่างพรพระพายจะไม่มีทางเสียของรักให้ใครแน่นอน...

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันนิยายรัก

บทนำ

บทนำ

คุณเคยแอบชอบใครสักคนไหมคะ ชอบมากแบบไม่รู้ว่าทำไมต้องชอบคนแบบนั้น ทั้งที่เขาก็ไม่เคยจะสนใจใยดี แต่กลับอยากไปอยู่ใกล้ๆให้เขาผลักไส แค่ได้เห็นหน้าต่อให้ต้องทะเลาะกันก็ยอม นั่นล่ะค่ะ ฉันเอง....

ฉันชื่อพระพายค่ะ นางสาวพรพระพาย วัฒนเรืองกุล ปีนี้อายุยี่สิบแล้วค่ะ เรียนอยู่ปีสามมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ช่วงนี้ปิดเทอมใหญ่ ก็เลยกลับมาอยู่บ้าน ที่บ้านฉันทำไร่ค่ะ เป็นไร่องุ่นที่มีอาณาเขตกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เรียกว่าใหญ่ที่สุดในบรรดาไร่องุ่นในแถบนี้ก็ว่าได้ ไร่ฉันชื่อไร่องุ่นทอรัก ตั้งตามชื่อคุณยายที่เสียไปแล้วค่ะ

ฉันมีพี่น้องด้วยกันสองคน พี่ชายสุดหล่อของฉันชื่อพี่ขุนพล เป็นเจ้าของรีสอร์ทในตัวเมืองและในไร่ด้วย เขาเป็นคนมีอิทธิพลมากพอสมควร เวลาไปไหนมาไหนต้องมีบอดี้การ์ดคอยคุมแจ ไม่รู้ว่ากลัวใครจะมาทำร้าย แต่ก็นั่นแหละ ฉันไม่ได้สนใจพี่ชายเท่าไหร่หรอก เพราะที่สนใจคือบอดี้การ์ดของพี่ชายต่างหาก

อ่อ จริงสิ ฉันยังมีพี่สาวอีกคน แต่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันหรอกนะคะ รายนั้นเป็นลูกติดเมียใหม่พ่อ ที่ตอนนี้ทั้งรักทั้งหลงกันจนบางทีฉันก็ไม่อยากกลับมาบ้าน เพราะไม่อยากเจอสองแม่ลูกนั่น แต่ทำไงได้ก็หัวใจมันเรียกร้อง ถ้าไม่กลับมาก็ไม่ได้เจอเขาน่ะสิ

เขาเป็นใครน่ะเหรอคะ เขาชื่อนักรบค่ะ เป็นเพื่อนของพี่ชายฉันตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของเขาทำงานให้พ่อฉัน พวกเขาก็เลยกลายเป็นเพื่อนกัน เล่นด้วยกัน เรียนด้วยกันมา สุดท้าย เขาก็มาทำงานให้พี่ชายฉัน เหมือนที่พ่อเขาทำงานให้กับพ่อฉันในฐานะมือขวาคนสนิท

ฉันเองก็ไม่รู้เลยนะคะ ว่าชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็อยากเจอ อยากไปอยู่ใกล้ๆ ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบหน้าฉันเท่าไหร่ก็เถอะนะ เราชอบทะเลาะกันค่ะส่วนหนึ่งก็เพราะปากฉันไม่ดีเองด้วย แต่ก็นั่นแหละ ฉันชอบเขาไปแล้วนี่ ยิ่งเขาทำเมินใส่ก็ยิ่งอยากเอาชนะให้ได้นั่นแหละ

เมื่อก่อนตอนฉันยังอยู่ชั้นประถม พวกเราก็ยังสนิทสนมกันดีนะคะ แต่พอฉันต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯเข้าโรงเรียนประจำ นานๆจะกลับบ้านครั้ง เราก็ห่างเหินกันไปสะอย่างนั้น แล้วช่วงที่เขาเรียนม.ปลาย เขามีแฟน แต่เพราะฉันพวกเขาก็เลยเลิกกันมันอาจจะเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าที่ทำให้เขาไม่ชอบฉันขึ้นมา ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในวันนั้น เขาก็ไม่ยอมคุยดีๆกับฉันอีกเลย คำว่า 'เฮีย' ที่เคยเรียกติดปาก ก็ถูกสั่งห้าม จากที่เคยสนิทกันก็เลยกลายเป็นตีกะเขาทุกครั้งที่เจอกัน

"วันนี้ขอบคุณพี่รบมากเลยนะคะ ที่ไปรับไปส่งพิ้งค์" ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ที่เฉลียงหน้าบ้านก็เลยเห็นว่าคนที่ฉันคิดถึงมาตลอดสามเดือนกำลังยืนยิ้มแฉ่งให้กับพี่สาวต่างสายเลือดของฉันอยู่ที่หน้าบ้าน ท่าทางจะออกไปไหนด้วยกันมา พี่พิงค์แต่งตัวสวยเชียวแหละ

"ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี" รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะมีแค่พี่พิ้งค์เท่านั้นมีได้ไป รอยยิ้มนั่น เขาไม่เคยมีให้ฉันเลยตั้งแต่รู้จักกันมา กับพี่พิ้งค์ทั้งอ่อนโยน ทั้งใจดี กับฉันจะกินหัวให้ได้

"ถ้าอย่างนั้น พิ้งค์ขอขึ้นบ้านก่อนนะคะ"

"ครับ แล้วเจอกันครับ"

ฉันได้ยินแล้วอยากจะอ้วก คุณพิ้งค์อย่างนั้น คุณพิ้งค์อย่างนี้ เหอะ!

ท่าทางสองคนนี้สนิทกันมาก ไม่รู้ว่าที่ฉันไปเรียนตลอดสามเดือน เกิดอะไรขึ้นบ้าง

แต่ช่างเถอะ ฉันไม่ได้สนใจพี่พิ้งค์อยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน ฉัน...ก็มีสิทธิ์

ฉันรอจนพี่พิ้งค์เดินเข้าบ้านไป แล้วฉันก็รีบลงจากเรือนวิ่งตามเขาไป และทันก่อนที่เขาจะขึ้นรถที่ขับมาส่งพี่พิ้งค์ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลมากนัก

"นี่ เดี๋ยวสิ" ฉันเรียกเสียงดัง แต่เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน แถมยังเดินต่อไม่สนใจกันอีกต่างหาก ต้องเมินกันขนาดนี้เลยเหรอ T^T

"จะรีบไปที่ไหน หยุดเดี๋ยวนี้นะ" ฉันร้องตะโกนตามหลังด้วยความหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมหยุด

เขาชะงักเท้าแล้วหันกลับมามอง แน่นอนว่าไม่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบที่ให้กับพี่พิ้งค์หรอก มีแต่หน้าบึ้งตึงคิ้วขมวดอย่างกับไปโกรธใครมาสักสิบชาติ

"ฉันเรียก ไม่ได้ยินหรือไง" ฉันถามอีกครั้งเมื่อเขาไม่ตอบ

"มีอะไรครับ" เขาตอบกลับนิ่งๆ หน้าก็เรียบตึงราวกับว่าเป็นหุ่นปั้น

"ก็เรียกทำไมไม่หยุด จะรีบไปตามควายที่ไหน" ฉันกอดอกแยกเขี้ยวใส่ ฉันเป็นลูกสาวเจ้านายนะ ทำไมไม่ฟังคำสั่งกันบ้าง

"แถวนี้มั้งครับ เห็นมีอยู่ตัวนึง" เขากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดออกมา

"ไหน" ฉันหันซ้ายหัวขวามองหาตามที่เขาว่า

"ก็ตัวที่กำลังทำหน้างงอยู่นี่ไงครับ" มารู้ตัวอีกทีก็โดนเขาว่าเอาแบบแสบสัน

หนอยแน่ะ มาว่าฉันเป็นควายเหรอ ไอ้เฮียรบบ้า

"นี่นายว่าฉันเหรอ" ฉันแหวใส่เสียงดัง แต่เขาก็ยังทำเฉยๆ

"ก็ใครส่ายหน้า ก็ว่าคนนั้นแหละ ถ้าไม่มีอะไรขอตัวนะครับ ผมมีงานต้องทำ" เขาพูดจบก็หมุนตัวเดินหนีไปทั้งที่ฉันยังกระทืบเท้าเร่า ๆ

"ไอ้ๆ ไอ้บ้า ไอ้.... โว้ย" ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เขาก็หนีไปแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่เจอกันทั้งสามเดือนไม่คิดถึงกันมั่งหรือยังไง ฮึ!

ฉันนี่มันหาเรื่องชัด ๆ อยู่ ๆมาให้เขาด่าอีกแล้วนะพระพาย ฮึ่ม !

เออ ก็ได้ อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมง่าย ๆ คนอย่างพรพระพาย อยากได้อะไรก็ต้องได้ คอยดูก็แล้วกัน!