บทที่ 26
เสี่ยวผิงและเสี่ยวอันแทบกลั้นยิ้มมิได้ เมื่อเห็นว่าคุณหนูเสวียนชะเง้อมองหาคนรักที่หายตัวออกจากบ้านเกือบสามชั่วยาม มือเรียวเล็กยังคงถือผ้าปักลาย ทว่ามิได้จับเข็มเพื่อเริ่มงาน นางมิได้รู้ตัวเลยว่าใกล้จะสิ้นยามโหย่ว แล้ว จนเสี่ยวผิงนำตะเกียงมาวาง นางจึงทิ้งผ้าลงอย่างไม่สบายใจนัก
คุณหนูเสวียนไม่ปฏิเสธเมื่อสองสาวใช้ถามว่าจะอาบน้ำเลยหรือไม่ ยามนี้ขอเพียงไม่ว่างคิดถึงคุณชายที่ออกจากบ้านไปนานแล้ว นางยอมทำได้ทุกอย่าง นึกไม่ถึงว่าทั้งเสี่ยวผิงและเสี่ยวอันจะกล่าวถึงคุณชายเฉินหยาง บุรุษที่ทำให้นางห่วงจนแทบคลั่ง กระทั่งงานปักลายผ้าง่าย ๆ ยังดูยุ่งยากกว่าที่เคย
“คุณหนูดูห่วงคุณชายมาก”
“มีคุณชายหลี่ไปด้วย คุณหนูอย่าได้กังวลเลยนะเจ้าคะ” เสี่ยวอันกล่าวสำทับ ไม่อยากให้คุณหนูคนงามกังวลใจจนเกินไป
“จะไม่ห่วงได้อย่างไร คุณชายทั้งสองไปเที่ยวหอหยวนเซียวนั่น หากเป็นข้าก็คงปวดใจเช่นกัน” เสี่ยวผิงกล่าวแทรกอย่างไม่สบายใจนัก
“พวกเจ้าบอกได้หรือไม่ ว่าหอหยวนเซียวนั่น...คือหออันใด”
เสวียนซือชิงไม่เคยไปไกลกว่าตลาด ย่อมไม่ทราบว่ามีสถานที่คาวโลกีย์สำหรับบุรุษรักสนุกอยู่ท้ายเมือง ทั้งยังมีให้เลือกสรรมากมายหลายราคาอีกด้วย
“หอโคมเขียวเจ้าค่ะคุณหนู เห็นว่ามีสาวงามมากมายคอยเอาใจบุรุษ”
เสี่ยวผิงมิได้พูดต่อเพราะถูกสาวใช้อีกนางถลึงตาใส่ เสี่ยวอันรีบปลอบว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการชมดูสตรีร่ายรำ ทั้งยังย้ำว่าคุณชายเฉินหยางรักใคร่คุณหนูอย่างมาก ไม่มีทางนอกใจอย่างแน่นอน
เสี่ยวอันกล่าวเช่นนั้นเพราะเห็นรอยแดงช้ำบริเวณต้นคอ รักใคร่ถึงขั้นตีตราไว้เช่นนี้ คุณชายเฉินหยางไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากคุณหนูคนงามเป็นแน่
นางมิได้รู้เลยว่ารอยเหล่านั้นถูกทำในยามที่คุณหนูเสวียนหลับไปแล้ว...
พอทราบว่าคุณชายเฉินหยางที่นอนกอดนางอยู่ทุกค่ำคืน ไปแสวงหาความสำราญกับหญิงคณิกา หัวใจเสวียนซือชิงพลันบีบรัดเจ็บปวด หายใจติดขัดอย่างมาก ไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดจึงไม่อยากให้เขากอดก่ายสตรีอื่น เช่นเดียวกับที่ทำต่อนาง
แม้ทราบว่าบุรุษย่อมมีความต้องการและนางเองที่เป็นฝ่ายมอบให้เขามิได้ จึงควรต้องใจกว้างให้มาก แต่สุดท้ายกลับนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายอยู่บนเตียงกว้าง คล้ายไม่เคยชินหากต้องนอนตามลำพังอีกแล้ว
เสวียนซือชิงมิรู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่นอนรออยู่อย่างนั้น กระทั่งปลายยามห้าย เสียงรถม้าดังขึ้นหน้าตำหนัก นางจึงกระวีกระวาดลุกไปต้อนรับทันที
“คุณหนูเสวียน....”
หลี่จินหมิงไม่นึกว่าคนที่ออกมารับจะเป็นสาวงามที่ตนแอบชอบ เขาจึงรู้สึกกระดากใจอย่างมากเพราะอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก เสื้อที่สวมหลุดลุ่ยไม่น่ามอง สีสันแดงชาดประดับบนแก้มและริมฝีปากแจ้งชัดว่าหลายชั่วยามที่ผ่านมา เขาได้ผ่านความหฤหรรษ์มามากน้อยเพียงใด
ส่วนสภาพของคุณชายเฉินหยางยังดูดีอย่างมาก แม้เดินลำบากจนสหายต่างวัยต้องประคอง แต่อย่างน้อยก็มิได้มีสีสันแต่งแต้มดวงหน้าเช่นคุณชายหลี่ เสวียนซือชิงเห็นแล้วถึงกับลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ท่านพี่เมามายเช่นนี้ ลำบากคุณชายหลี่แล้ว”
“เป็นเพราะข้าปล่อยให้เขารอนานเกินไป คุณชายเฉินมิได้ยุ่งเกี่ยวกับสตรีใด ทำเพียงนั่งดื่มสุรารอเท่านั้น คุณหนูเสวียนอย่าได้กังวล”
หลี่จินหมิงก็คือหลี่จินหมิง เขายอมดูเป็นบุรุษเหลวไหล แต่จะมิให้สตรีที่ตนแอบชอบต้องทุกข์ใจโดยเด็ดขาด
แต่พอกล่าวออกไปแล้วกลับทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนหนักเสียยิ่งกว่าเดิม โชคยังดีที่บุรุษรูปงามเหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง ทั้งยังบ่นพึมพำออกมาอีกหลายคำ
“นางไม่ยอมตามใจข้า ทั้งยังไม่สนใจข้า ต้องทำอย่างไรหรือจินหมิง!”
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางกล่าวเสียงต่ำ แต่ละคำคล้ายถูกกลั่นออกมาอย่างยากลำบาก เดาได้ว่าเป็นเพราะความเมา หาได้มีสติแต่อย่างใดไม่
“ท่านอย่าเพิ่งพูดมาก รีบกลับเข้าไปพักผ่อนเสียเถิด” คุณชายหลี่กล่าวได้ไม่เต็มปากนัก หากเขาไม่เพลิดเพลินกับเหล่าคณิกาหลายชั่วยาม ตวนอ๋องที่ได้ชื่อว่าคอแข็งอย่างมากก็คงไม่เมามายถึงเพียงนี้
“ทั้งที่ข้าเอาใจใส่นาง...จินหมิง อิจฉาเจ้านักที่มีความสุขตลอดทั้งคืน ส่วนข้า หึ!” เฉินฟาหยางสะบัดตัวอย่างแรงจนแขนได้รับอิสระ แววตาลึกล้ำมองสาวงามอย่างตัดพ้อ แฝงความทรมานใจอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็มิได้พูดอันใด ทำเพียงประคองตัวเองกลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ
“คุณหนูเสวียน เดิมทีเรื่องนี้ข้าไม่ควรพูด แต่คุณชายเฉินชอบท่านมาก ถึงขั้นมิยอมให้สตรีใดแตะต้องร่างกาย กระทั่งนั่งชิดใกล้ก็มิอนุญาต คุณหนูเสวียนยอมตามใจเขาสักหน่อยเถิด”
“ดึกมากแล้ว คุณชายกลับบ้านดี ๆ นะเจ้าคะ”
เสวียนซือชิงกล่าวจบก็ตามคุณชายเฉินหยางกลับห้องไป ทิ้งคุณชายหลี่ให้ยืนเคว้งคว้างอยู่พักใหญ่จึงค่อยได้สติ รีบออกจากจากตำหนักที่เคยรกร้างอย่างรวดเร็ว
ตวนอ๋องผู้มากประสบการณ์กล่าวไม่ผิดนัก การหลับนอนกับสตรีสามนางช่วยหลี่จินหมิงได้มากจริง ๆ
