บทที่ 2
ใครจะคิดทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดหลังจากท่านย่าจากโลกนี้ไปไม่ถึงปี พี่ชายใหญ่ก็เสียชีวิต ท่านแม่ยังจะมาถูกพิษอีก
คุณหนูที่แสนจะสุขสบายมาทั้งชีวิต ต้องย้ายมาดูแลมารดาในเรือนที่เก่าซอมซ่อเพียงลำพัง
ลู่ผิงถิงสูดหายใจเข้าลึก สบสายตาข่มขู่ของบิดา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคงแต่สั่นเครือ “เช่นนั้นลูกก็ตกลงเจ้าค่ะ แต่สินเดิมของท่านแม่ ท่านพ่อต้องยกให้เป็นสินเดิมของลูกทั้งหมด”
“ดี...ดีเหลือเกิน เรื่องพวกนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ของแม่เจ้าก็คือของเจ้า” ลู่หงเวินหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังได้คำตอบที่พอใจก็หมุนตัวเดินออกไปจากเรือนหลังเล็กท้ายจวนทันที
เสียงหัวเราะของบิดาดังสะท้อนก้องอยู่ในหู น้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาถูกเก็บกลืนอัดแน่นฝังใจ
มือบางยื่นไปจับมือมารดามากุมไว้ “ท่านแม่เจ้าคะลูกจะหาหลักฐานมาลบล้างความผิดท่านให้ได้ ลูกมั่นใจว่าท่านไม่ได้สังหารหงอี้” นางออกแรงบีบที่มือมารดาเล็กน้อย
มือเรียวเล็กกุมมือมารดาราวสองก้านธูป จากนั้นก็ทอดถอนใจ นางรอให้มารดาฟื้นมานานถึงหนึ่งปีเต็ม แต่ก็ยังไม่มีวี่แววนั้นให้เห็นเลย
มารดายังนอนนิ่งไร้สติ มีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอนั้น ที่ทำให้อุ่นใจ และทำให้รู้ว่ามารดายังอยู่กับนาง
ลู่ผิงถิงห่มผ้าให้มารดาจนมิดคอ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง เปิดตำราแพทย์ออกมาอ่าน
อาการของมารดาเกิดจากพิษเหมันต์หลับใหล นางแอบพาหมอชรามาตรวจให้จึงรู้
ทุกคนในจวนบอกว่า ท่านแม่ดื่มยาพิษนี้ฆ่าตัวตายแต่นางไม่เชื่อ
พยายามค้นคว้าวิธีแก้พิษในตำราเล่มแล้วเล่มเล่าช่วยมารดา ทว่ากลับคว้าน้ำเหลวมาตลอด
วันถัดมามีกงกงจากในวังถือราชโองการมาประกาศก้องทั่วจวนตระกูลลู่ ทุกคนในเรือนถูกเรียกมาฟังราชโองการ
“ลู่ผิงถิงรับราชโองการ”
ตระกูลลู่ทั้งหมดคุกเข่าลงพื้น ฟังกงกงกล่าวราชโองการ “บุตรสาวตระกูลลู่เพียบพร้อมนิสัยดี เหมาะสมคู่ควร เราขอพระราชทานสมรสให้แก่ ซินอ๋องเซียวเซ่ออนุชาของเรากับลู่ผิงถิงบุตรสาวคนโตตระกูลลู่ อีกสองวันถัดไปรับเจ้าสาวเข้าจวนอ๋อง จัดพิธีมงคล” กงกงยื่นราชโองการให้แก่ลู่ผิงถิง
“หม่อมฉันลู่ผิงถิงขอบพระทัยฝ่าบาท” ลู่ผิงถิงมองราชโองการในมือนิ่งเงียบ ราชโองการนี้ตอกย้ำนางว่าเรื่องแต่งงานไม่อาจหนีพ้น
แต่ที่น่าประหลาดใจ แค่เอามารดามาขู่ก็มากพอแล้วเหตุใดยังมีราชโองการมาอีก หรือว่า ชินอ๋องเองก็ไม่เต็มใจแต่งกับนาง
วันเวลาผ่านไปจนมาถึงวันมงคล ลู่ผิงถิงนั่งอยู่หน้าคันฉ่อง ชุดสีแดงมงคลขับเน้นให้ร่างอรชรงดงามราวภาพวาด
ผิวเนียนละเอียดขาวผุดผ่อง พวงแก้มอมชมพูระเรื่อ ใบหน้าได้รูปปากนิดจมูกหน่อย สมส่วนไปทุกที่รวมไปถึงทรวดทรงองค์เอว
เสี่ยวซีจัดแต่งทรงผมให้คุณหนู เมื่อสำรวจความเรียบร้อยถึงกับตกตะลึงตาค้าง การประทินโฉมแต่งนิดแต้มหน่อยทำให้คุณหนูดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อีกทั้งยังงามสง่าราวนางฟ้านางสวรรค์ “คุณหนูงดงามมากเจ้าค่ะ”
หลังจากเสี่ยวซีกล่าวคำนี้ออกมา น้ำตาของนางก็คลอหน่วย คุณหนูของนางกำลังฝืนยิ้มอยู่ หลังจากพ้นวัยปักปิ่นมาสามปี ยังไม่ออกเรือน เพราะต้องดูแลมารดาที่นอนติดเตียงอยู่หนึ่งปี และก่อนหน้านั้นมีฮูหยินผู้เฒ่าลู่คอยให้ท้าย ไม่อยากแต่งก็คือไม่แต่ง วันนี้คุณหนูรู้ความมากกว่าแต่ก่อนเยอะ แต่รู้ความแบบนี้ทรมานจิตใจเสี่ยวซีเหลือเกิน
ภาวนาให้ท่านอ๋องคนนั้นดีกับคุณหนูมากหน่อย น่าเสียดายที่ไม่สามารถช่วยอะไรคุณหนูได้เลย “ให้บ่าวติดตามไปดูแลคุณหนูดีหรือไม่เจ้าคะ”
ลู่ผิงถิงยื่นมือไปจับมือเสี่ยวซีแล้วบีบเบา ๆ “ไม่ต้อง...ข้าไม่เป็นไรสบายมากดูสิข้ามีความสุข” ลู่ผิงถิงแสร้งยิ้มสดใสให้เสี่ยวซี “หากพี่ไปกับข้าใครจะดูแลท่านแม่เล่า...พี่เสี่ยวซีก็ดูแลตัวเองให้ดีด้วย ไว้ข้าจะกลับมาหาบ่อย ๆ”
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซีเช็ดน้ำตาที่หยดลงมาบนแก้ม นางสืบข่าวท่านอ๋องผู้นั้นมาแล้ว รู้สึกเป็นห่วงคุณหนูเป็นอย่างมาก
ท่านอ๋องที่ถูกริบอำนาจเสเพลไปวัน ๆ จะทำให้คุณหนูมีความสุขได้เช่นไรกัน
อีกอย่างงานมงคลวันนี้ ยังจะใช่งานมงคลอยู่หรือ เงียบเหงาเสียจนขนาดนางไม่ใช่เจ้าสาวยังน้อยใจ แล้วคุณหนูของนางเล่าจะรู้สึกอย่างไร เสี่ยวซีเก็บกลืนคำพูดแล้วเดินออกจากห้องไป
นอกห้องไม่มีการเคลื่อนไหวของขบวนเจ้าบ่าว ไม่มีดนตรี ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นยินดี
ลู่ผิงถิงรู้การแต่งงานครั้งนี้ คงมีผลประโยชน์บางอย่างให้ตระกูลลู่ไม่มากก็น้อย ไม่เช่นนั้นบิดาคงไม่ลงทุนบังคับขู่เข็ญนางเพียงนี้
“คุณหนูทานเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ไม่รู้ต้องรออีกนานเท่าใด มิสู้คุณหนูพักผ่อนเสียหน่อยดีหรือไม่” เสี่ยวซีถือถาดขนมเข้ามา อดไม่ได้ที่จะบ่นเมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยล้าของคุณหนู
“ด้านนอกมีแขกรึไม่”
เสี่ยวซีเม้มปากและส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ
“แล้วท่านพ่อเล่า ไม่มาส่งข้าหรือ”
“นายท่านออกไปนอกเมืองตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่กลับมาเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวซีเสียใจมากที่นายท่านไม่สนใจงานมงคลของคุณหนู “ร้านผ้าที่นอกเมืองมีปัญหานายท่านต้องไปจัดการด้วยตัวเอง “คุณหนูเสียใจรึไม่เจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ข้าจะไปหาท่านแม่ พี่เสี่ยวซีมีสิ่งใดทำก็ไปทำเถิด” ไม่เสียใจอยู่ได้หรือ ไม่มีใครอยู่ร่วมงานมงคลของนางสักคน
“เจ้าค่ะ”
ลู่ผิงถิงเดินไปยังห้องของมารดา ทว่ากลับมีคนมาขวางนางไว้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าได้
