บท
ตั้งค่า

บทที่ 12 อ๋องหลีโดนพิษ อันตรายถึงชีวิต

ฉู่เฉิงเซี่ยงเห็นนางเดินตามเข้ามา สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะเป็นคนที่ผ่านอะไรมามากพอแล้ว เพียงมองนางอย่างเงียบขรึม อารมณ์ที่ปรากฏอยู่ในสายตาดูซับซ้อนมาก

"ท่านพ่อ เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกสาวรึเจ้าคะ?"

ฉู่เนี่ยนซีถามต่ออย่างระมัดระวัง นางไม่อยากบังคับให้ท่านพ่อต้องรับแรงกดดันทั้งหมดเพื่อนาง แต่ในขณะดดียวกันก็กังวลว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อจวนเฉิงเซี่ยงหรือเปล่า

เพราะนี่คือพ่อแม่และพี่ชายของนาง นี่คือบ้านของนาง

หลังจากฉู่เฉิงเซี่ยงลังเลมานานแล้ว ถึงยื่นกระดาษที่องครักษ์ยื่นมาให้เมื่อกี้ให้ฉู่เนี่ยนซี

ฉู่เนี่ยนซีรับมาอ่าน ข้างบนมีเพียงตัวหนังสือบรรทัดเดียว

ท่านอ๋องโดนธนูยิงปักร่าง พิษแพร่ไปทั่วร่างกาย อันตรายถึงชีวิต

ฉู่เนี่ยนซีอึ้งอยู่กับที่ทันที

"จวนอ๋องหลีถูกปิดเอาไว้ ถึงแม้อ๋องหลีไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ก็ไม่ใช่องค์ชายที่ปล่อยให้คนรังแกได้ง่ายๆ ถึงแม้ครั้งนี้จะอันตราย แต่พ่อรู้สึกว่า เขาไม่เป็นอะไรมากหรอก"

คำพูดนี้ถือว่าอ้อมค้อมพอสมควร

ตอนนี้แคว้นปู้เย่ดูเหมือนสงบมาก แต่พรรคไท่จื่อและขุนนางสำคัญบางท่านเริ่มก่อความวุ่นวายแล้ว

อ๋องหลีในฐานะที่เป็นองค์ชาย ถึงแม้ไม่เป็นที่โปรดปราน แต่ยังไงก็เป็นเชื้อพระองค์ หากในอนาคตสถานการณ์ในการแย่งชิงครองราชย์นั้นวุ่นวายมาก งั้นฉู่เนี่ยนซีในฐานะที่เป็นพระชายา......

ฉู่เฉิงเซี่ยงขมวดคิ้วอย่างแน่น

ฉู่เนี่ยนซีเงียบขรึมสักครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างแน่วแน่"ข้าเข้าใจ แต่ด้วยฐานะของข้าในตอนนี้ ข้ายังต้องกลับไปดูแลสถานการณ์ในตอนนี้"

ปีนั้นนางไม่สนว่าที่บ้านจะปฏิเสธ ใช้ทุกวิธีทางเพื่อแต่งงานกับอ๋องหลีที่ไม่รักนาง

วันที่นางแต่งงาน ท่านพ่อยืนอยู่หน้าประตูจวนเฉิงเซี่ยง สายตาที่เศร้าโศกของท่านพ่อนางไม่มีวันลืม ถึงแม้เป็นเพียงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็ตาม

ฉู่เนี่ยนซีหายใจเข้าลึกๆ พูดซ้ำว่า"ข้าเป็นพระชายาหลี และเป็นลูกสาวของจวนเฉิงเซี่ยง ข้ารับปากกับท่านว่า จะไม่ทำเรื่องที่ตัวเองไม่มั่นใจ และจะไม่เสี่ยงอันตรายเจ้าค่ะ"

ฉู่เฉิงเซี่ยงถูมือของนาง คำพูดเต็มปากไปหมดแต่กลับพูดไม่ออกแล้ว

"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าพาสี่พี่น้องตระกูลหยูไปด้วย จะได้มีผู้ช่วย ต่อจากนี้ไป เจ้าก็คือเจ้านายใหม่ของพวกเขา"

"เจ้าค่ะ"

เวลาเร่งด่วนมาก ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้วก็ออกจากจวนเฉิงเซี่ยงอย่างเงียบๆ

มองร่างที่จากไปของฉู่เนี่ยนซี ร่างกายของตึงเครียดของฉู่เฉิงเซี่ยงก็กว่าจะผ่อนคลายลง

เขายกมือนวดขมับของตัวเอง เหมือนกับนวดจนความเครียดหายไปหมด

หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่ง รถม้าจอดอยู่หน้าประตูจวนอ๋องหลี ฉู่เนี่ยนซีกระโดดลงรถม้า เงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วมองป้ายคำขวัญที่ยักษ์ใหญ่บนประตู

ตอนที่ออกจากจวนอ๋องหลีในห้าวันก่อน ที่นี่ยังมีคนไปๆมาๆอยู่มากมาย ถึงแม้เรือนนี้มีบรรยากาศที่เย่อหยิ่งเหมือนกับเย่เฟยหลี แต่ยังไงก็ยังมีชีวิตชีวาอยู่ แต่ตอนนี้......

จวนอ๋องเหมือนเป็นเรือนไม้ไร้ผู้คนอาศัย ปิดประตูอยู่มิดชิด และยังไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆของข้างในเลย อดไม่ได้ที่จะทำให้ตนรู้สึกหนาวหลัง

ฉู่เนี่ยนซีก้มหน้า เดินขึ้นไปบันได ยื่นมือไปเคาะประตู

อย่างที่คิด ไม่มีใครตอบกลับ มีแต่เสียงเคาะประตูสะท้อนกลับและค่อยๆหายไปในท่ามกลางอากาศ

ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้ว ยื่นมือต่อองครักษ์ที่ติดตามอยู่ข้างๆ"ยืมธนูหน่อย"

คนนั้นอึ้งไปทีหนึ่ง เหมือนเดาได้แล้วว่านางจะทำอะไร"เจ้านาย นี่ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?"

"ไม่ดียังไง?ข้าในฐานะที่เป็นพระชายาหลี ตอนนี้แม้กระทั่งบ้านตัวเองข้ายังกลับไม่ได้เลย เจ้าว่ายังมีเหตุมีผลไหมเนี่ย?"

สีหน้าของเขาซับซ้อนขึ้นมามากมาย รีบยื่นธนูไปให้นาง

ฉู่เนี่ยนซีสังเกตธนูไปด้วย พร้อมถามว่า"เจ้าเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลหยูหรือ?"

"กราบทูลเจ้านายพ่ะย่ะค่ะ ข้าชื่อหยูตง ส่วนสามคนนี้คือ หยูหนาน หยูซี และหยูเป่ยตามลำดับ เมื่อก่อนเป็นองครักษ์มืดของท่านเฉิงเซี่ยง ตอนนี้จะรับใช้เจ้านายพ่ะย่ะค่ะ"

ฉู่เนี่ยนซีพยักหน้า วางลูกธนูไว้บนธนูอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหมือนลองดูว่าธนูนี้กางได้มากสุดแค่ไหน และถามต่อว่า"ถ้าต่อสู้กับทหารประจำจวนอ๋องหลี พวกเจ้าสี่พี่น้องควรทำอย่างไร?"

"ท่านเฉิงเซี่ยงเคยสั่งไว้ว่า ขอแต่เป็นคนที่ขวางทางเจ้านาย จะไม่ปล่อยสักคน"

เดิมทีฉู่เนี่ยนซีกางธนูออกมาแล้ว พอได้ยินคำพูดนี้อยู่ๆก็เก็บแรงกลับ และมองหยูตงทีหนึ่งอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เจ้าของร่างเดิมเติบโตในจวนเฉิงเซี่ยงตั้งแต่เด็ก และเป็นที่โปรดปรานของเฉิงเซี่ยงผู้ซึ่งเป็นพ่อ ดังนั้นเลยได้สัมผัสกับองครักษ์มืดข้างๆฉู่เฉิงเซี่ยงด้วย

แต่ตอนนั้นใจของเจ้าของร่างเดิมอยู่แต่เย่เฟยหลีคนเดียว นางไม่เคยคาดเดาว่า องครักษ์มืดในข้างๆของท่านพ่อจะ......สุดยอดขนาดนี้เลย

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด อยู่ๆฉู่เนี่ยนซีก็รู้สึกว่ามีความตื่นเต้นเล็กน้อย ชีวิตที่อยู่ในสมัยโบราณนั้น มีความตื่นเต้นราวกับอยู่ในแล็บทดลองและสนามรบก่อนจะทะลุมิติของนาง

หยูตงเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของนาง ก็อึ้งไปเลย ตอนที่ฟื้นสติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ฉู่เนี่ยนซีก็ทำท่ายิงธนูอย่างคุ้นเคย ผู้ชายส่วนมากยังไม่สามารถมีท่าทางที่แข็งแกร่งเท่ายางเลย

ตามด้วยเสียง"ซิ่ว" ลูกธนูที่มองขึ้นไปแล้วเบาบางในมือของนาง พอยิงออกไปแล้วก็มีพลังมากมาย เจาะเข้าไปในช่องว่างระหว่างประตู!

ไม่เพียงแต่หยูตงอึ้ง สามพี่น้องที่อยู่ข้างหลังของเขาก็ล้วนอึ้งไปหมด

ฝีมือการยิงธนูของพระชายาหลีได้เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ไม่ใช่สิ พระชายาหลี......ยิงธนูเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?

มีเสียงเดินที่โวยวายดังขึ้นมาจากจวนอ๋องหลีทันที ประตูถูกผลักออก

ทหารข้างในของจวนอ๋องหลีแยกแถวกันด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด ดาบและมีดในมือล้วนชูไปที่ฉู่เนี่ยนซี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel