ความเงียบ Ep.1
Ep.1
หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มตากลมโตนัยย์ตาสีดำสนิทคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ข้างถนนคอนกรีตเอาปลายนิ้วลูบดอกหญ้าที่โผล่พ้นริมทางขึ้นมา เส้นผมสีดำเส้นเล็กยาวตรงปะบ่าปลิวไหวไปตามสายลม สองเท้าเล็กที่สวมรองเท้านักเรียนค่อยๆ ก้าวเดินไปอย่างช้าๆ ชุดนักเรียนที่สวมใส่อยู่ยังสะอาดสะอ้านเหมือนตอนเช้าไม่มีผิด เพราะจริงๆ แล้วเธอไม่ได้ไปโรงเรียนยังไงล่ะ
Rrrrr!! Rrrrr!!
เสียงริงโทนมือถือดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ แต่เจ้าของมือถือกลับไม่คิดจะรับและปล่อยให้มันดังแบบนั้นอยู่ตลอด
"หาววว~" เสียงหาววอดใหญ่ดังขึ้นพร้อมกับมือบางที่ยกขึ้นมาป้องปากเล็กสีหวานน่าสัมผัส ก่อนจะใช้มือขยี้จมูกโด่งรั้นน้อยๆ อย่างขี้เกียจ
เอี๊ยดด!!
ปึก!
เสียงล้อรถตู้สีดำคันหรูเบรคจอดกระทันหันตรงข้างเด็กสาวที่กำลังเดินอยู่ จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนเปิดประตูรถลงมาท่าทางเร่งรีบ
"คุณหนูครับ! ทำไมไม่รับสายลุงเลยลุงโทรหาตั้งหลายสาย มาเดินแบบนี้อีกแล้วนะครับ รู้ไหมว่ามันอันตราย!" ลุงแจ่ม คนขับรถประจำตัวของเด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง พร้อมกับทำสีหน้ากระวนกระวายเพราะกลัวว่าลูกผู้มีพระคุณจะเป็นอะไรไป แต่ถึงอย่างนั้นลุงก็ยังคงยืนก้มตัวให้เด็กสาวอย่างเคารพ
"เดินตั้งหลายทีแล้ว ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่นา ลุงคิดมากไปป๊ะ?" พิชชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบพร้อมกับทำท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร ถึงคำพูดจะดูไม่สุภาพ แต่น้ำเสียงเธอไม่ได้ออกโทนก้าวร้าวผู้ใหญ่แต่อย่างใด แค่เป็นไปตามประสาเด็กหัวดื้อที่คิดว่าโลกใบนี้มีเธอเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่
"คุณครูโทรไปบอกป้าหมอนว่าคุณหนูไม่เข้าเรียนอีกแล้ว ลุงเลยรีบวิ่งมารับ ทำไมถึงไม่เข้าเรียนล่ะครับคุณหนู" ลุงแจ่มถามอย่างละอาแต่สีหน้าแสดงอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงอนาคตพิชชามาก เขาอยากจะให้เด็กคนนี้มีอนาคตที่ดีดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่ทำตัวให้ทุกคนเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลาแบบนี้
"ไปโรงเรียน กลับบ้าน กินข้าว กินขนม ดูการ์ตูน อาบน้ำ เข้านอน แล้วก็ตื่นไปโรงเรียน ทำซ้ำๆ แบบนี้น่าเบื่อจะตาย" เด็กสาวร่ายเรียงคำพูดด้วยน้ำเสียงไม่มีชีวิตชีวา ใบหน้าสวยจิ้มลิ้มก็แหงนมองท้องฟ้าที่ไร้แสงแดดเพราะถูกเมฆบดบังพระอาทิตย์
"โถ่คุณหนู!" ลุงแจ่มเอ่ยตัดพ้อพาลน้ำตาจะไหลเพราะสงสารคุณหนูจับใจ เขาเข้าใจเธอดีว่าทำไมพิชชาถึงกลายเป็นเด็กไม่มีชีวิตชีวาแบบนี้ ไร้เพื่อน ไร้ญาติ ตามโลกภายนอกไม่ค่อยทัน แถมเด็กสาวยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าอันตรายมันคืออะไร ถ้าอุบัติเหตุเมื่อสิบปีที่แล้วไม่พรากพ่อแม่ของเธอไป พิชชาก็คงไม่เป็นเด็กซึมๆ แบบนี้ แต่ความซึมนั้นมันมีความดื้อแฝงอยู่ข้างในด้วยนี่สิ จึงมักจะเกิดเรื่องราวให้เขาและป้าๆ ในบ้านกังวลใจอยู่ตลอด
"ขึ้นรถเถอะ กลับบ้านไปทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ กัน" เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างเลือกไม่ได้ ความสุขและความกระตือรือร้นเป็นยังไงเธอลืมไปหมดแล้ว ตอนนี้รู้จักแต่ความเงียบ จนความเงียบนี้จะกลายเป็นเพื่อนซี้เธอในอีกไม่ช้า
บนรถตู้
"จะไม่ให้ลุงกลับไปส่งที่โรงเรียนจริงเหรอครับ?" เสียงลุงแจ่มคนขับรถที่ฉันเห็นเขาอยู่กับครอบครัวฉันมาตั้งแต่ฉันจำความได้เอ่ยถามฉัน เฮ้ออ~ โรงเรียน ฉันเกลียดโรงเรียนจัง ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย
"หนูจะกลับบ้านค่ะ!" ฉันยืนยันเสียงหนักแน่น ให้ตายยังไงก็ไม่ย้อนกลับไปหรอก
"ก็ได้ครับ"
"....." ฉันถอนหายใจเบาๆ แล้วนั่งจ้องออกไปนอกกระจกรถอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ฉันมีทั้งบ้านหลังใหญ่กับเงินที่ป้าหมอนบอกว่ามีเป็นร้อยล้าน แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนชีวิตฉันไม่มีอะไรเลยล่ะ มันโล่งมันว่างเปล่า เหมือนทั้งโลกมีฉันอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ไม่ได้การละ คืนนี้ฉันแอบออกไปหาอะไรสนุกๆ ทำดีกว่า ไปแอบดูพวกวัยรุ่นกลางคืนหน่อยว่าเขาทำอะไรกันในแต่ละวัน ฉันได้ยินเพื่อนในห้องพูดกันถึงสถานที่ที่คนชอบเต้นมีเพลงดังๆ แล้วก็ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ฉันไม่ดื่มไม่เต้นหรอกค่ะ อยากไปดูเฉยๆ ว่าคนพวกนั้นมีความสุขกันยังไง
บ้านจักราเทพ
ปึก!
"แกอย่าไร้สาระ! ช่วยเหลือครอบครัวบ้างไม่ได้หรือไง จะให้ฉันทำไปจนตายเลยเหรอ?" เสียงโต๊ะไม้ราคาแพงดังขึ้นเพราะถูกมือหนาหยาบกร้านทุบลงอย่างโมโหพร้อมกับบ่นอีกฝ่ายเสียงเหี้ยม
"ก็ผมไม่อยากทำ ทำไมพ่อไม่เปลี่ยนมาเก็บดอกเบี้ยตามกฎหมายล่ะ ผมอาจจะเปลี่ยนใจมาทำก็ได้ อีกอย่าง...ตอนนี้ผมก็มีงานของตัวเองแล้ว ผมไม่อยากรับงานต่อจากพ่อ ถ้าอยากให้รับก็ช่วยปรับอัตราดอกเบี้ยให้มันถูกกฎหมายด้วย" ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาคมรีเอ่ยยื่นข้อเสนอ ใบหน้าหล่อแสดงท่าทีเบื่อหน่ายที่ต้องพูดเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ทุกวัน จนเขาไม่อยากจะกลับมาที่บ้านเลยเพราะต้องมาเถียงแต่เรื่องเก่าๆ
"ไอบริษัทบ้าบอนั่นน่ะเหรอ? แกได้เป็นประธานหรือไง แกโง่หรือว่าแกบ้ากันแน่ ปล่อยให้คนอื่นเอาตำแหน่งสูงๆ แบบนั้นไปได้ ถ้าเป็นได้แค่หุ้นส่วนก็ออกมาช่วยงานฉัน!"
"คนอื่นที่ว่ามันเพื่อนผมนะครับ!" ปืน เค้นเสียงแข็งพร้อมกับจ้องหน้าพ่อที่เขาไม่รู้สึกถึงความเป็นพ่อด้วยสายตาแข็งกร้าว
"เพื่อนเหรอ? มันให้เงินแกใช้รึเปล่าล่ะ อย่าโง่เดินตามหลังคนอื่น หัดนำหน้าซะบ้าง!"
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจเมื่อคนที่มีสถานะเป็นพ่อเอ่ยถึงเพื่อนที่เขารักแบบนั้น เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไม่เข้าใจทั้งตัวพ่อและตัวเขาเอง
"ถ้านำหน้าแล้วต้องอยู่คนเดียวแบบพ่อผมไม่เอาด้วยคนหรอก!"
"นี่แก!..แกจะไปไหน ไอเด็กไม่มีสมอง! โตขนาดนี้แล้วยังคิดไม่เป็นอีกหรือไง!"
ปัง!
ผมเดินหนีออกมาจากห้องทำงานพ่อแล้วปิดประตูใส่อย่างแรง ทิ้งให้ท่านด่าตามใจชอบอยู่คนเดียวในนั้นแหละ ตั้งแต่จำความได้จนอายุป่านนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองเลย คนที่ผมเรียกท่านว่าพ่อทุกวันแต่ใจผมไม่มีความรู้สึกว่าเขาและผมจะเป็นพ่อลูกกันเลยสักนิด ไม่รู้สิ มันแบบ...ดูห่างเหินกันเกินไป ผมและเขาไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง ความรักผมยังไม่มีให้เขาแบบพ่อเลย รู้สึกว่าเขาเหมือนคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว แม้แต่นามสกุลผมกับเขายังใช้ไม่เหมือนกัน หรือถ้าจะให้พูดตามประสาคนทั่วไปคือผมใช้นามสกุลแม่ อ้อ และแผลเป็นที่ไหล่ก็เขานั่นแหละที่เป็นคนทำ เพราะงั้นผมถึงได้ไม่ชอบพ่อของตัวเองไงล่ะ