ไร้รัก ที่ 1 เกี้ยวเจ้าสาวเปื้อนเลือด
ไร้รัก ที่ 1
เกี้ยวเจ้าสาวเปื้อนเลือด
วงหน้าที่เคยมอมแมมไร้การแต่งแต้มใดๆ กลับถูกแปลงโฉมจนแทบจำไม่ได้ ดวงตากลมโต แก้มผ่องนวลเนียนระเรื่อเรืองไปด้วยเลือดฝาด ริมฝีปากอวบอิ่มหยักได้รูปทาทับด้วยชาดแดงสดขับให้ใบหน้ายิ่งงดงามปานจะล่มเมือง
ผมสวยที่รวบหางม้าบัดนี้กลับถูกเกล้ามวยสลับถักเปียม้วนเป็นช่อดอกไม้ที่ข้างขมับ ประดับด้วยไข่มุกเม็ดขาววาววับ จากนั้นจึงปักปิ่นทองระย้า ก่อนจะคลุมทับด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงปักดิ้นทองคำแท้
เรือนกายสูงโปร่งบอบบางที่มักใส่เสื้อผ้าหลวมโคร่ง บัดนี้ปรากฏอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงมงคล คาดทับเอวเน้นให้เห็นเอวเล็กรับกับสะโพกผาย ตามนวลเนื้อพอกถูด้วยเครื่องหอมนานาจนผุดผาดชวนมอง
งามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เป็นความงามที่ผิดแผกจากหญิงอื่นเพราะเต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทว่ากลับเป็นความงามที่น่าเศร้าเพราะคนที่ได้ชื่นชมคงไม่มีวันเห็นค่า
จ้าวชงเหยาถูกสาวใช้ช่วยกันประคองให้นั่งบนเกี้ยวเจ้าสาวด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง มองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของคนในครอบครัวด้วยความเฉยชา
‘เสแสร้ง! จอมปลอม!’
นั่นคือถ้อยคำที่ผุดขึ้นในใจเมื่อเห็นบิดา มารดา และน้องสาวพากันร้องไห้คร่ำครวญขณะเดินมาส่งนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
ก็แค่แสดงความอาลัยเพื่อไม่ให้ชาวเมืองมองว่าเป็นคนใจดำสินะ ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาไม่แยแสเลยด้วยซ้ำว่านางจะต้องเผชิญกับอะไรนับจากนี้
หากพวกเขาแยแสชีวิตของบุตรสาวคนโตสักนิด เขาคงไม่กล้าคิดที่จะตลบหลังจอมมารเช่นนี้แน่!
เจ้าเมืองผู้เป็นบิดาจัดขบวนเจ้าสาวอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ มีผู้ติดตามในขบวนกว่าร้อยชีวิต ประดับประดาด้วยดอกไม้และผ้าแพรพรรณสีแดง หอบข้าวของมีค่าติดตัวเจ้าสาวไปหลายหีบ ชาวเมืองต่างออกมายืนส่งขบวนเจ้าสาว ด้วยเชื่อว่าการแต่งงานครั้งนี้จะทำให้ชาวเมืองอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
แน่นอนว่าผู้ติดตามเหล่านั้นล้วนเป็นจอมยุทธ์มากฝีมือที่พร้อมจะสละชีวิตขอเพียงสังหารหม่าเฉาปางให้สิ้นซาก!
ฝ่ายธรรมะอยากกวาดล้างพรรคมารเป็นทุนเดิม เพราะนับวันพรรคมารยิ่งขยายพรรคสาขาไปยังแคว้นอื่นๆ กระจายไปทั่วยุทธภพ แข็งแกร่งขึ้นและเปี่ยมไปด้วยอำนาจอย่างไม่อาจสั่นคลอน ยิ่งปล่อยไว้ก็ยิ่งกลายเป็นเสี้ยนหนามปักลงกลางใจ
ครั้งนี้สำนักหกเพลิงเป็นตัวตั้งตัวตียื่นข้อเสนอกับท่านเจ้าเมืองกวางกุ้ย โดยจอมยุทธ์มากฝีมือของสำนักหกเพลิงจะปลอมตัวเป็นข้ารับใช้ไปกับขบวนเจ้าสาว หมายบั่นศีรษะจอมมารสวรรค์ตอนที่มารับคุณหนูจ้าวลงจากเกี้ยว
ยิ่งได้ฟังแผนการ หัวใจก็ปวดแปลบราวกับถูกมีดเฉือนออกทีละชิ้นๆ แผนการที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าสาวในเกี้ยว มีเพียงความกระเหี้ยนหระหือรือที่จะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตกเท่านั้น
นางถูกวางลงตรงกลางกองเลือด ดูยังไงก็ไม่อาจมีชีวิตรอด วันนี้คงเป็นวันตายของนางสินะ อย่างน้อยๆ ก่อนตายนางก็ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ประณีต และได้รับการปรนนิบัติราวกับเจ้าหญิง
มือเล็กกำลงบนกระโปรงเจ้าสาว กำแน่นจนปลายเล็บจิกผ้าจนเป็นรอยริ้ว ไหล่บางสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกสับสนจนรู้สึกมวนท้อง จังหวะที่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะเคลื่อนตัว จู่ๆ ผ้าม่านหน้าต่างเกี้ยวก็ถูกเปิดออก
“คุณหนูเจ้าขา”
“แม่นม...”
หญิงสาวยื่นมือออกไปสัมผัสมือเหี่ยวย่นของแม่นม ผู้ที่เลี้ยงดูฟูมฟักทะนุถนอมนางมาราวกับมารดา นางไม่เคยสงสัยในความรักของหญิงชราผู้นี้ กลับกันที่นางยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่ได้ก็เพราะมือเหี่ยวย่นคู่นี้ที่ช่วยประคองนางไม่ให้ล้มลง
“ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกคุณหนูเจ้าค่ะ”
แม่นมสูงวัยยิ้มเศร้าก่อนจะเขย่งปลายเท้า ยื่นมือเข้าไปในหน้าต่างเกี้ยวราวกับกอดลาอีกฝ่าย แต่ที่จริงกลับกระซิบอะไรบางอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน
“โชคดีนะคะคุณหนูของข้า”
แม่นมผละออกจากการสวมกอดก่อนจะยกมือโบกลาทั้งน้ำตา