บทที่ 3 ผู้ชายเบอร์ 8
ส่วนคนที่ทำให้นานิลคาดโทษอยู่นั้น ด้านโปรเกลขณะที่ฉันยืนเฝ้าหน้าประตูให้ยัยนานิล จู่ๆ ฉันกับปวดท้องจี๊ดๆ ขึ้นมามันจ่อที่ปากทางฉันทนไม่ไหวถึงกับรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่คณะนิเทศ
ด้านโปรเกลหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วนั้นอีกสิบห้านาทีเขาจะแข่งฟุตบอลกันแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นเธอรีบกลับมาที่นานิลก็เจอกับร่างบางผิวขาวเนียนละเอียดในชุดกระโปรงสั้นสีขาวเสื้อกีฬาเอวลอยสีแดงเบอร์ 8 สวมรองเท้าบูททรงยาวสีขาว
“ว้าว ยัยนิลแกดูสวยมาก ดูสิชุดนี้เหมาะกับแกสุดๆ ไปเลย” โปรเกลเอ่ยมาเสียงดัง
“หึ...หยุดเลยยัยเกลเพราะแกคนเดียวนี้แกหายหัวไปไหนมา กว่าฉันจะมาอยู่ในชุดนี้ได้แกไม่รู้หรอกว่าฉันเจออะไรบ้าง” พูดแล้วมันน่านัก ฉันยังเจ็บใจกับไอ้หน้าหล่อโรคจิตไม่หาย กล้าดียังไงมาว่าอกฉันเป็นไข่ดาว อย่าให้เจอเถอะจะเอาไม้หน้าสามตอกหนักๆให้หน้าหักเลย นานิลได้แต่คาดโทษชายหนุ่มคนที่แอบมองตน
“คือไร ยังไงเหรอนิล คือฉันปวดท้องหนะเลยไปเข้าห้องน้ำมา” โปรเกลได้แต่ตอบสีหน้าเหงาหงอย เพราะดูจากสีหน้าเพื่อนสนิทของตนแล้วยัยนิลไม่สบอารมณ์สุดๆ
“หึ...ก็ฉันเจอไอ้คนโรคจิตนะสิ แกนะแกจะไปเข้าห้องน้ำ น่าจะบอกกันบ้าง”
“โรคจิต...” โปรเกลเสียงดังลั่นออกมาอย่างไม่เชื่อหู มหาลัยเรามีแต่ลูกคุณหนูผู้ดีมีอันจะกินแบบนี้ ในห้องลึกลับแบบนั้นมีโรคจิตด้วยเหรอ
“ก็เออนะสิ” แต่นั้นใช่ว่าเพื่อนสนิทจะเชื่อสิ่งที่นานิลพูด สงสัยเพื่อนเธอคงจะอำเล่นเสียแล้วละ
“โรคจิตที่แกว่าเนี้ย จิ้งจิก หรือหนูแฮมแมลงสาบกันละนานิล” โปรเกลสาวน้อยน่ารักอารมณ์ดียังแหย่เพื่อนของเธอต่อเพราะไม่อยากให้เพื่อนนั้นดูสีหน้าไม่ดีบูดบึ้งอย่างที่เป็นอยู่ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้นานิลรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ยัยเกล ฉันไม่เล่นนะ ฉันเจอโรคจิตจริงๆ” นานิลเอ่ยมาด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ
“เออ น๊า เรื่องแกเจอโรคจิตนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ โน้นแม่แกมาโน้นแล้ว เร็วสินิล” โปรเกลที่เห็นรุ่นพี่ต่างคณะอย่างน้ำมนต์ถึงกับพานานิลเข้าห้องแต่งตัวทันที
“น้องนานิล หนูมีเวลาแต่งหน้าทำผมแค่ 15 นาทีนะลูก ส่วนใครเสร็จแล้ว แม่วานไปที่สนามได้เลยค่ะ นักกีฬาพร้อมแล้วลูกๆ ลุกค่ะ“ เสียงรุ่นพี่เอ่ยมาเช่นนั่นรุ่นน้องถึงกับลุกออกจากเก้าอี้
“ นิลฉันไปก่อนนะ เจอกันที่สนาม” โปรเกลเอ่ยจบก็แยกตัวออกไปพร้อมกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ
“น้องนิลหนูไปพร้อมแม่ก็ได้ค่ะลูก” น้ำมนต์หันมาเอ่ยกับรุ่นน้องต่างคณะ ซึ่งน้ำมนต์เป็นญาติกับโปรเกลเธอเลยพอสนิทกับรุ่นพี่ต่างคณะคนนี้ถึงขั้นได้ชวนมาเป็นกองเชียร์ให้กับทีมคณะบริหารซึ่งพี่เป็นหัวหน้ากองเชียร์ชื่อพี่เก๋เป็นเพื่อนสนิทของพี่น้ำมนต์นั้นเอง ส่วนที่ฉันมาเป็นกองเชียร์สมัครเล่นเพราะฉันได้ค่าจ้างมาหนึ่งพันห้าร้อยบาทจากทางพี่เก๋ หัวหน้าทีมเชียร์คณะบริหาร ไม่ใช่ว่าไม่มีสาวๆ เชียร์นะแต่พี่เก๋แกอยากได้สาวๆ มาแต่งตัวสวยๆ นุ่งสั้นๆ ถือปอมๆ เชียร์อะไรงี้ อีกอย่างวันนี้เป็นงานมหาลัยฉันเองไม่มีส่วนร่วมกีฬากับคณะของฉัน ฉันเล่นอะไรไม่เป็นสักอย่างจะถนัดก็เต้นๆ เชียร์อะไรแบบนี้แหละฉันถึงได้มาที่นี่ ปกติฉันจะสิงตัวอยู่ที่คณะวิศวะซึ่งเป็นคณะที่ฉันเรียนอยู่
มาแนะนำตัวกันหน่อย ฉันชื่อนานิล เรียนปี3 คณะวิศวะการบิน ฉันเรียนที่มหาลัย B นี้ได้เพราะเป็นเด็กทุนได้ทุนจากเจ้าของมหาลัยของมาดามชิ มารดาของพี่เรียวตะ เพราะฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่บัว ที่เป็นแม่บ้านที่บ้านพี่เรียวตะ ท่านมีเมตตาให้ทุนฉันเรียนที่นี่จนกระทั่งจบการศึกษา นับว่าเป็นบุญของฉันมากเลยแหละที่ได้เข้ามาเรียนในกลุ่มหมู่คนมีอันจะกิน คณะที่ฉันเรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ชายส่วนผู้หญิงนั้นมีน้อยมาก เลยทำให้ฉันมีเพื่อนที่สนิทมากแค่ยัยโปรเกล ด้วยความเป็นเด็กทุนเวลาเพื่อนๆ ในห้องชวนกันไปปาร์ตี้ที่ไหนไรงี้ก็ไม่มีเวลาไปร่วมเลยทำให้มีเพื่อนสนิทด้วยแค่ยัยเกล ยัยเกลบ้านนางทำธุรกิจร้านอาหาร ไม่ถึงขั้นรวยมากแต่ก็ไม่เดือดร้อนเหมือนฉัน ที่สู้ชีวิตสุดๆ ถึงจะได้ทุนเรียนแต่ค่าหอ ค่าอยู่ค่ากินฉันก็ทำงานพาร์ทไทม์แลกกับค่าใช้จ่ายเหล่านั่น
หรือถ้าไม่พอก็มีพี่นนท์พี่ชายฉันที่ทำงานในบริษัทเอกชนช่วยอีกแรง แต่นานๆ ที ฉันถึงจะกล้าขอ เพราะพี่ชายมีครอบครัวไปแล้ว ฉันจึงต้องหาตังใช้เอง ทำงานทุกอย่างที่ได้ตังอาชีพสุจริต รับจ๊อบที่ไหนก็เอาหมด ยกเว้นขายตัว พริตตี้หน้าไม่ผ่าน อกไม่โตพอจบนะ เลยได้เป็นแค่เด็กเสิร์ฟพนักงานร้านคาเฟ่ธรรมดา
ส่วนครอบครัวฉันพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็กๆ ฉันอยู่กับคุณยาย พอคุณยายท่านจากไป พี่นนท์พี่ชายคนเดียวของฉันรับมาอยู่ที่กรุงเทพและช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันเข้าปีหนึ่งพอพี่ชายแต่งงานมีครอบครัวฉันก็ออกมาอยู่หอพักเพียงลำพัง นานๆ ทีถึงจะไปเยี่ยมหลานสาวสุดที่รักของฉัน น้องเนย ลูกสาวของพี่นนท์ แต่นั้นด้วยความที่ทำงานฉันเลยไม่ค่อยมีเวลาว่างไปไหน
ด้านน้ำมนต์หลังจากที่แต่งหน้าทำผมให้รุ่นน้องสาวต่างคณะเสร็จแล้วนั้น ร่างบางใบหน้าสวยไร้กรอบแว่นหน้าปิดบังใบหน้าอย่างเช่นเคย
“ ว้าว น้องนิลถ้าไม่ใช่แม่แต่งหน้าให้หนูเอง บอกเลยว่าแม่จำหนูแทบไม่ได้ น่าทะนุถนอมมากเลยลูก” รุ่นพี่ต่างคณะที่เห็นใบหน้าสวยใสแต่งแต้มเติมเครื่องสำอางผมมัดจุกกลางหัวถูกรวบขึ้นเพียงครึ่งช่อและม้วนปลายสยายเปลี่ยนจากหน้าจืดชืด เป็นสาวมั่นราวกับคนละคน
“ยัยน้ำนี้ใครกันแก หน้าน้องคนนี้ดูคุ้นๆ นะ” เก๋แม่งานที่เห็นสาวสวยตรงหน้าถึงกับขมวดคิ้วถาม
“โอ้ย...เก๋นี้แกจำไม่ได้เลย น้องนานิล เด็กแม่น้ำมนต์เอง ไงละน้องฉันสวยจึ้งมาก สวยจนแกจำไม่ได้เลยละสิ”
“ห๊ะ ยัยแว่นนะเหรอ โอ้ยอิน้ำนี้มึงไม่ได้อำกูใช่ไหม ว่านานิลตัวจริง เสียงจริง” เก๋มองคนตรงหน้ามองแล้วมองอีก
“อำไรมึงคะ กูนี้เหรอจะมีเวลามาเล่นกับมึงไหมเก๋”
“น้องนิลแต่งอย่างงี้บ้างก็ดีนะลูก จะได้ดูเป็นผู้เป็นคนสวยๆ กับเขาบ้าง” ตอนแรกบอกว่านานิลยัยแว่นหนาวิศวะปี 3 ที่ชอบวิ่งตามน้ำมนต์จะมาเชียร์ด้วย แค่เห็นแว่นหนาเตอะของนางฉันก็ไม่อยากรับเป็นเด็กเชียร์แล้วปะ อย่างว่าละนะถ้าผู้หญิงแต่งหน้าแล้วไม่สวยเขาก็คงไม่ผลิตเครื่องสำอางมาขายให้ฉันเสียเงิน เก๋ได้แต่คิด
“พี่เก๋คะ ทำไมที่ผ่านมา นิลดูแย่มาก ดูไม่ได้เลยเหรอพี่” นานิลยังคงสงสัย นอกจากเธอจะโดนผู้ชายเทมาแล้ว เจอไอ้โรคจิตบอกว่าต่อให้แก้ผ้าต่อหน้าก็ฉุดอารมณ์ไม่ขึ้น ไม่อยากจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านแต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“สวยสิลูก ใครบอกลูกแม่ไม่สวย น้องนิล หนูอะสวยดูดีมีเสน่ห์ที่สุด เพียงแต่ที่ผ่านมาหนูใช้ความสวยไม่เกิดประโยชน์ ไอ้แว่นหนาเตอะแบบนี้ของหนูก็เลิกใส่ซะนะลูก ความสวยของหนูจะได้เตะตา ล่อผู้หล่อล่ำดำขำกับเขาบ้าง ผู้หล่อล่ำ งานดีคณะหนูมีถมเถไปสวยๆ แบบหนูเลือกได้สบาย น้องสาวของพี่จะได้มีผู้ไว้ครองหัวใจบ้าง” คำพูดของรุ่นพี่ทำเอาคนฟังถึงกับอึ้งหน้าเหวอ ออกจากบ้านฉันก็ส่องกระจกดูสารรูปตัวเองทุกวันนะ ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นปะ
“ที่พูดมาคือหนูไม่สวยใช่ไหมคะแม่” นานิลยังคาใจกับคำพูดของรุ่นพี่ต่างคณะ
“โอ้ย...นี้ยัยนานิล ต้องให้บอกใช่ไหม แกนะสวยมาก สวยซะผู้มองกันไม่หยุดเลยดูโน้นสิ” เก๋เอ่ยมาเช่นนั้นทำเอาคนถูกชมถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเล็ก
“ไปได้แล้วยะ เขาจะลงสนามกันแล้ว และดูด้วยนะ เราฝั่งทีมสีแดงนะจ๊ะ ไม่ใช่ไปยืนผิดฝั่ง ผิดทีม อิน้ำแกดูเด็กในสังกัดแกด้วย” นานิลที่โดนรุ่นพี่ไล่ตะเพิดถึงกับวิ่งตามหลังน้ำมนต์ไปที่ข้างสนามฟุตบอลที่ตอนนี้มีสาวสวยทีมกองเชียร์ยืนถือปอมๆ เชียร์ราวๆ ยี่สิบคน
ด้านนานิลที่เดินออกจากโรงยิมมาด้วยความรีบร้อนอย่างไม่ทันระวังนั้น ด้านโรมที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาลงสนามด้วยความรีบเช่นกันนั้นกับมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาชนผมเข้าอย่างจังๆ
!! ปรึก โอ้ย !! ร่างบางปะทะเข้ากับแผ่นอกของร่างสูงถึงกับแทบหงาย แต่โชคดีมีผู้ชายคนนั้นรับฉันไว้ทันยังไม่ทันหน้าคะมำลงไปจูบพื้นซีเมนต์ให้อับอายขายขี้หน้า
“เชี่ยโรม เร็วดิวะเขาลงสนามกันแล้วนะโว้ย มึงแม่งมัวแต่ล่อสาว สัส” เสียงของไอ้มอสเร่งโรมยิกๆ ดังมาทำให้ผมปล่อยยัยผู้หญิงคนนั้น จะว่าสวยไหม ก็ถือว่าผ่าน แต่ทำไมผมดูคุ้นๆ ยัยนี้วะ เหมือนเคยเจอยัยนี้ที่ไหนมาก่อน ตะลึงไหม...ไม่รู้ดิใจมันสั่นเต้นแปลกๆ
ด้านนานิลที่ผู้ชายคนนั่นรับฉันไว้ไม่ทันจะมองหน้าเขาก็ผละออกปล่อยแขนออกจากเอวฉัน
“นิลเป็นไร เร็วสิลูก” เสียงเรียกของพี่น้ำมนต์ทำให้ฉันได้สติ ฉันที่จะเอ่ยปากขอโทษที่ฉันไม่ทันระวังเป็นฝ่ายไปชนผู้ชายคนนั้น แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเขาวิ่งลงสนามไป ฉันเห็นเพียงแค่ข้างหลังเสื้อกีฬาสีแดงเบอร์ 8