ตอนที่ 5 ค่าเสียหาย
ตอนที่ 5 ค่าเสียหาย
ผับ CK
มิลนิกส์อยู่ในชุดนักศึกษาคุมทับด้วยเสื้อช็อปวิ่งบนรองเท้าผ้าใบลงจากรถพอร์ชสุดหรูตรงมาหน้าผับพร้อมทั้งเหล่าบรรดาลูกน้องของพี่ชาย
“หลีกไป” ริมฝีปากบางขยับสั่งการ์ดร่างกำยำหน้าประตูทางเข้าผับน้ำเสียงเข้ม บุคลิกท่าทางโอ่อ่ากล้าหาญแม้เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ร่างบอบบาง ซึ่งก็ไม่แปลก มิลนิกส์เป็นถึงลูกสาวมาเฟียใหญ่ ถูกผู้เป็นพ่อเคี่ยวเข็ญให้ฝึกวิชาป้องกันตัวและจิตใจมาตั้งแต่ยังเด็ก
“พวกคุณเป็นใครครับ?”
“พี่ชายฉันอยู่ในนั้น”
การ์ดทั้งสามคนหันมองหน้ากันอย่างถามความเห็น ก่อนหลีกทางให้ตามคำสั่ง ซึ่งด้านในเสียงโวยวายยังดังอยู่ต่อเนื่อง
ตุบ!
“พี่คลาส!!” มิลนิกส์รีบพุ่งตัวเข้าไปช่วยพยุงพี่ชาย ที่ถูกใครบางคนถีบจนล้มลงไปกองกับพื้นให้ลุกขึ้น โดยมาแซนประคองอีกฝั่งข้างของคลาสสิก
“มึงมาพยุงนายน้อยแทนคุณหนู” มาแซนสั่ง มิลนิกส์จึงส่งต่อพี่ชายให้ลูกน้องที่วิ่งเข้ามารับช่วงต่อตามคำสั่งของพี่เลี้ยงคนสนิท
“หึ” ภาคินส่งเสียงในลำคอพลางดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มไปมา แววตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวร่างเล็กที่เคยมีเรื่องกันเมื่อเดือนก่อนไม่วางตา มือหนาทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงสีดำอย่างน่าเกรงขาม
“พี่ชายเธอหรือเปล่าครับ?” เทวาเอี้ยวหน้ากระซิบถามผู้เป็นนาย ทว่าภาคินกลับเงียบไม่ตอบ
“นาย!” มิลนิกส์ชี้หน้าภาคินอย่างเอาเรื่อง ทั้งตกใจทั้งคาดไม่ถึงว่าคู่กรณีจะเป็นเจ้าของผับที่เธอและเพื่อน ๆ มาเที่ยวเริงร่าอยู่บ่อยครั้งรองจากผับของผู้เป็นอา
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไม่เคยเจอเขาอีกเลย กระทั่งวันนี้…
“ดูแลผัวตัวเองให้ดีหน่อย อย่าปล่อยให้มาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”
“ผัวบ้านนายน่ะสิ ไอ้ขี้เก๊ก!” มิลนิกส์แผดเสียงใส่คู่กรณีอย่างเอาเรื่อง ทว่าชายหนุ่มยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย แววตาคมกริบนิ่งยากจะคาดเดา
“ใจเย็น ๆ ครับคุณหนู” มาแซนรีบปรามคุณหนูของบ้าน ซึ่งมิลนิกส์ก็เชื่อฟัง เธอระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ เพื่อปรับอารมณ์ แล้วสาวเท้าเดินไปหยุดตรงหน้าชายหนุ่มคู่กรณี
“ค่าเสียหายทั้งหมดเท่าไหร่ ฉันจะให้คนจัดการให้?”
“รวย?” เจ้าของใบหน้าคมหล่อเลิกคิ้วถามสีหน้าเย้ยหยัน
“คิดได้แล้วก็ติดต่อมา” ล้วงหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสะพายข้างยื่นให้ชายหนุ่ม อย่างไม่สนใจคำถามเหน็บแนมของชายหนุ่ม ซึ่งเธอเกลียดท่าทางอย่างหมอนี่เป็นที่สุด
ภาคินหลุบตามองนามบัตรในมือบาง แล้วปัดทิ้งอย่างไร้มารยาท
“นี่นาย!” นิ้วเรียวชี้หน้าเจ้าของใบหน้าหล่ออย่างเอาเรื่องให้ได้
“คุณหนูครับ” มาแซนปรามคุณหนูของบ้านอีกครั้ง มิลนิกส์ลดมือลงถอนหายใจฟึดฟัดรู้สึกโมโหไม่หาย
“อาแซนพาพี่คลาสกลับไปที่รถก่อนค่ะ”
“ครับ มึงสองคนอยู่กับคุณหนูที่นี่” มาแซนหันไปสั่งกับลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลัง จากนั้นจึงพาคลาสสิกที่สลบไปแล้วเดินออกไปตามคำสั่ง
“คุณภาคินครับผมว่า...” ผู้จัดการร้านขานเรียกเจ้าของผับเชิงแสดงความคิดเห็น เมื่อเจ้าของผับปล่อยให้คู่กรณีเดินออกไปได้ง่าย ๆ แต่ต้องหยุดพูดในประโยคต่อมา เมื่อเจ้าของผับยกมือห้ามไม่ให้ออกความเห็นอะไรใด ๆ
“จะเอายังไง?” มิลนิกส์เท้าสะเอวเลิกคิ้วถามท่าทางเย่อหยิ่งอย่างไม่เกรงกลัวผู้ชายร่างบึกบึนรอบ ๆ ตัว
“เธอคิดว่าฉันควรทำยังไงดีล่ะกับสิ่งที่ผัวเธอทำ”
“ไม่ใช่ผัวยะ! แล้วนายไม่มีสมองเหรอถึงคิดเองไม่ได้?”
“เฮ้ย!น้องพูดอะไรให้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ซะบ้าง” เทวาที่อดไม่ได้กับวาจาหยาบโลนของหญิงสาวร่างเล็กผู้มีใบหน้าน่ารัก แต่คำพูดคำจากลับไม่น่าฟังเหมือนหน้าตา ที่ใครเห็นเป็นต้องเสน่หา
ขณะเดียวกันเหล่าบรรดาลูกน้องต่างทั้งงุนงง ทั้งทึ่งไปตาม ๆ กัน เมื่อผู้เป็นนายยังนิ่งเฉยอยู่ได้ ทั้งที่ถูกเด็กสาวปีนเกลียวใหญ่ และเธอคือผู้หญิงคนแรกที่กล้าเผชิญหน้าต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นนาย โดยไม่แสดงท่าทีหวั่นเกรงใด ๆ ออกมาให้เห็น
“ก็ผู้ใหญ่ไม่น่าเคารพ” มิลนิกส์เลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าท้าทาย ทำเอาเทวาควันออกหู
“จัดการยัยเด็กนี่เลยดีไหมครับนาย”
ทันทีที่เทวากล่าวประโยคเกรี้ยวโกรธกับผู้เป็นนายจบ ลูกน้องของมิลนิกส์ทั้งสองคนที่เหลือรีบสาวเท้าเข้ามายืนขวางหน้าคุณหนูของบ้าน เพื่อปกป้องให้ถึงที่สุด แม้อีกฝ่ายมีมากกว่า
“หลีกไปค่ะ”
ลูกน้องทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างลังเลใจกับคำสั่งของคุณหนู เพราะกลัวว่าคุณหนูของบ้านจะเกิดอันตราย ทว่าวินาทีต่อมาจำเป็นต้องถอยเมื่อคุณหนูของบ้านถลึงตาใส่อย่างคาดโทษ
“ค่าเสียหายพวกนี้ล้านหนึ่งเป็นไง?” มิลนิกส์ตีราคาความเสียหายทันทีเมื่อเจ้าของผับยังคงเงียบ พลางกรวดตามองไปรอบๆ โต๊ะตั่งม้านั่งภายในผับล้มลงระเนระนาด รวมถึงเศษแก้วจากขวดไวน์เกลื่อนพื้น
ภาคินกลอกตาไปทางอื่นพลางดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มไปมาอีกครั้ง แล้วหลุบตามองใบหน้าเรียวสวยน่ารักแต่กลับมีนิสัยยิ่งยโสแววตานิ่ง ๆ
“ว่ายังไงพอไหมหรือสักสิบล้านเป็นไง? จะได้ จบ ๆ”
“ผยองเก่งสมกับเป็นลูกสาวมาเฟียจริง ๆ หึ” ภาคินเค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบา ๆ แววตาคมกริบยากจะคาดเดา
“มัวแต่โอ้เอ้อยู่ได้ จะเอาไม่เอาค่าเสียอะ!”
“จบด้วยเงินมันจะไปสนุกอะไร สู้เอาร่างกายเธอมาใช้งานสนุกกว่าเยอะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“กล้องวงจรปิดจับภาพได้ทั้งหมด ถ้าคนทั้งโลกรู้ว่าลูกชายเจ้าของบริษัทอสังหาทรัพย์ชื่อดังระดับประเทศเมาอาละวาดระรานคนไปทั่วจะเป็นยังไงนะ” แสยะยิ้มร้ายมุมปากอย่างผู้ชนะ ทำเอามิลนิกส์ที่ตกเป็นเบี้ยล่างคิดไม่ตก
หากไอ้ขี้เก๊กคิดจะปล่อยคลิปจริง ๆ อย่างที่ปากพูดล่ะก็ ครอบครัวเธอไม่เพียงแต่เสียชื่อเสียง ปัญหาอื่น ๆ คงตามมาอีกมากมาย ดู ๆ แล้วหมอนี่คงไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวมาเฟีย ทั้งที่ผู้เป็นพ่อ ไม่เคยเผยข้อมูลส่วนตัวหรือรูปถ่ายลงบนอินเทอร์เน็ต
“...”
“พี่สองคนออกไปก่อน”
“คุณหนูครับ” ลูกน้องทั้งสองขานเรียกคุณหนูของบ้านเสียงแผ่วเชิงเตือนสติไม่ให้ทำอะไรสิ้นคิดและไม่อยากออกไปตามคำสั่งเพราะเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงมิล”
เมื่อขัดอะไรไม่ได้ลูกน้องทั้งสองจึงทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ว่ามา?”
“ใจถึงดีหนิ หึ ร่างกายของเธอเอาไว้ก่อนแล้วกัน วันนี้เธอก็จัดการกับสิ่งที่พี่ชายเธอทำคนเดียวให้เรียบร้อยซะ ไม่เสร็จไม่มีสิทธิ์กลับ แล้วพรุ่งนี้ตอนเที่ยงไปเจอฉันที่บริษัท K กรุป”
มิลนิกส์กัดปากล่างพลางกำหมัดแน่น จ้องมองใบหน้าหล่อตาเขม็งแววตาคู่สวยเต็มไปด้วยความอาฆาตอย่างเปิดเผย แต่อีกใจหนึ่งก็โล่งอกที่วันนี้ยังรอด เธอต้องหาทางลบคลิปกล้องวงจรปิดในร้านทั้งหมดให้ได้
“พวกมึงไปพักได้ เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดให้ลูกสาวมาเฟียใหญ่ด้วย”
“ครับนาย”
ภาคินยิ้มเยาะให้หญิงสาวจอมอวดดี ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้ขี้เก๊ก!” กัดฟันเค้นเสียงพูดออกมาอย่างเคียดแค้น