1 แม่ชี
"เป็นคนเทาๆ วัดก็เข้าเหล้าก็กิน"
ฝุ่น หรือ ละอองรัก ขจรเกียรติวิไล สาวสวยในวัย 27 ปี เจ้าของห้องเสื้อ La Long เพราะเคยผิดหวังจากความรักจนทำเธอเกือบเสียผู้เสียคน ความรักความทุ่มเทที่เคยมอบให้ผู้ชายคนหนึ่ง แต่กลับได้มาเพียงการทรยศหักหลัง และคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เพื่อนแค้นแสนรักตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยนั่นเอง
เพราะความเจ็บปวดเจียนตายในครั้งนั้น ทำให้ต้องใช้หลักธรรมเข้าช่วย หันหน้าเข้าหาวัดเพื่อเยียวยาจิตใจ แม้จะผ่านมาเกือบสองปีแล้วก็ตาม แต่แผลเป็นในใจมันก็ยังส่งผล
ความสงบและความใจเย็นที่เธอได้จากการไปปฏิบัติธรรม แต่มันก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด เมื่อเธอยังไม่สามารถตัดกิเลสได้
เมื่อเส้นทางการแก้แค้นของเธอมันต้องก้าวเข้าไปบนเส้นทางของใครบางคน คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวยง แม้เธอจะเกลียดความเจ้าชู้เข้าไส้ แต่เมื่อเส้นทางนี้มันต้องใช้ผู้ชายอย่างเขา ไตรคุณ บริรักษ์ไพศาล มันถึงจะหายแค้น กับสิ่งที่คนสองคนนั้นเคยทำกับเธอ
เส้นทางอันแสนอันตราย เส้นทางที่เธอเผลอใช้หัวใจก้าวเดิน เส้นทางนั้นจุดจบมันจะสวยงามหรือไม่อย่างไร
❤️❤️❤️
ครอบครัว บริรักษ์ไพศาล (ทุกเรื่องสามารถอ่านแยกได้ค่ะ)
เรื่อง รักอีกครั้งไม่อยากเป็นเพื่อน [ไตรฉัตร (ไตร) & เหมือนแพร (เบบี๋)] - แอบรักเพื่อนเป็นเหตุ
เรื่อง สูตรรักศาสตราจารย์ [ไตรวิทย์ (อาจารย์วิทย์) & ปรางทิพย์ (หมอปราง)] - เสียงตำน้ำพริกข้างห้องเป็นเหตุ
เรื่อง ก็จะเอาคนนี้ [ไตรพัฒน์ (พัฒน์) & มธุริน (มิลิน)] – ทักคนผิดเป็นเหตุ (ฝาแฝด)
เรื่อง ฝุ่นในใจคุณ [ไตรคุณ (คุณ) & ละอองรัก (ฝุ่น)] – ความแค้นเป็นเหตุ (ฝาแฝด)
❤️❤️❤️
คำเตือน นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง เพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ
~~~~~~~~~~~~~~^^
ตอนที่ 1 แม่ชี
สายลมเย็นที่พัดจนใบไม้พลิ้วไหว ภายในสวนร่มรื่นของสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง เสียงระฆังใบเล็กต้องลมกังวานไปทั่วบริเวณ แม้จะสร้างความสงบร่มเย็น ทั้งอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่หาได้ยาก แต่ในเช้าวันเสาร์เช่นนี้เขาควรจะได้นอนพักยาวๆ หรืออาจจะไปตีกอล์ฟอยู่ที่สนามไหนสักแห่ง
ไตรคุณ ยกมือขึ้นปิดปากหาวนอนเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ ยิ่งได้ยินเสียงสวดมนต์ที่ดังแว่วอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจ เขานึกอยากจะเอนตัวลงนอนที่เก้าอี้สนามตัวยาวใต้ต้นก้ามปูใหญ่ริมสระน้ำตรงนี้เสียจริง
อากาศเย็นสบาย ทั้งยังเงียบสงบที่หาได้ยากแม้แต่ตามสวนสาธารณะ แต่ถ้าต้องมานั่งเกร็งหลังแข็งอยู่แบบนี้สำหรับเขามันยิ่งทรมานกว่านั่งทำงานวันละเป็นสิบชั่วโมงเสียอีก
ถ้าไม่ใช่คำขาดของคุณนายประไพรผู้เป็นแม่ที่ขอร้องแกมบังคับให้เขาพามาส่งและยังกำชับให้รอรับกลับด้วย เขาคงไม่คิดจะเข้ามานั่งสูดออกซิเจนในสถานปฏิบัติธรรมเช่นนี้หรอก แค่ใส่บาตรทำบุญก็ยังนับเป็นเรื่องยาก อย่างดีก็โอนเงินเข้าบัญชีวัดสักวัด หรือไม่ก็มีใครมาบอกบุญถึงที่เท่านั้นมั้งที่เขาจะทำได้
โทรศัพท์ในมือที่เขาไถดูข่าวต่างๆ รวมถึงเรื่องชาวบ้านในโซเชียลที่น้อยของน้อยครั้งจะเข้ามาดูสักที
'คืนนี้มึงมาไหมวะ'
ข้อความแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันสีเขียวที่เด้งมาที่หน้าจอโทรศัพท์ ทำให้เขาเปิดเข้าไปดูพร้อมตอบข้อความ ไอ้เมฆ
B.Khun : เออ ไป ส่งสถานที่มาด้วย
เมฆ : แปลก วันนี้ตอบข้อความเร็ว ตื่นเช้าหรือยังไม่ได้นอนวะ
B.Khun : ตื่นเช้า
เมฆ : เช้าผิดปกติ กูนึกว่ามึงจะตื่นไปใส่บาตร
B.Khun : กูอยู่วัด
เมฆ : ฉิบหายแล้ว ใครเป็นอะไรวะ
B.Khun : เหี้ยไรของมึง กูแค่พาแม่มาใส่บาตร ฟังธรรม ไม่ได้มีใครตาย
เมฆ : 5555 สัส ตกใจหมด กูนึกว่าใครตาย เห็นมึงตื่นไปวัดแต่เช้า
ไตรคุณปิดแอปพลิเคชันลง ไม่สนใจข้อความที่ไอ้เมฆส่งมาอีกหลายข้อความ เรื่องสถานที่และมันถามอะไรอีกก็ไม่รู้ เขาได้แต่ปัดแจ้งเตือนหน้าจอทิ้ง อาการหงุดหงิดเมื่อครู่ยิ่งโดนไอ้เมฆปั่นประสาทยิ่งทำเขาอารมณ์เสียหนักขึ้นอีก
จากเช้าตรู่จนเกือบเที่ยง เสียงกลองดังที่เขาได้ยินถ้าจำไม่ผิด มันหมายถึงพระจะฉันข้าวหรือเปล่าวะ คุณนายประไพรก็ยังไม่โทรตาม จากที่นั่งพิงพนักในท่าสบายๆ ไตรคุณเริ่มเหยียดแข้งขาออกเพราะเห็นจะเมื่อยก็ไอ้โต๊ะสนามที่ทำจากไม้ไร้เบาะรองนั่งทำก้นกบเขาเส้นแทบยึด
อีกครู่ใหญ่ที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นคุณนายประไพร ไตรคุณก็แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่รีบเดินกลับไปที่ลานจอดรถของวัดทันที
"คุณ รอแม่นานไหม บอกให้เข้าไปฟังธรรมด้วยกันก็ไม่เข้าไป เรานี่นะมันดื้อจริงๆ" เสียงคุณนายประไพรบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
"นั่งในสวนตรงนั้นก็ได้ยินครับ" ผู้เป็นแม่ได้แต่มองค้อนให้ลูกชาย
"พอดีเลย แม่มีคนจะแนะนำให้ลูกรู้จัก น้องฝุ่น ลูกสาวคุณดาว วันนี้น้องมาปฏิบัติธรรม..."
"ถ้าแม่จะแนะนำแม่ชีให้ผมรู้จัก ก็ให้ผมบวชไปซะเลยก็ได้ครับ" เสียงอ่อนแรงของลูกชายที่แกล้งทำ ทำให้เขาได้ฝ่ามือของมารดาฟาดต้นแขนไปหนึ่งที
"เอ๊ะ เรานี่ พูดจาน่าเกลียด น้องไม่ได้เป็นแม่ชี แค่มาปฏิบัติธรรม"
"ไว้วันหลังดีกว่าครับ ถ้าเขาปฏิบัติธรรมอยู่ เกิดเห็นหน้าผมขึ้นมา จิตใจจะไม่อยู่กับธรรมะเอานะ"
คุณนายประไพรได้แต่ถอนหายใจแรงๆ ใส่ลูกชาย แล้วก็เดินตัวปลิวนำหน้าลูกชายไปที่รถอย่างคนถูกขัดใจ
ไตรคุณได้แต่อมยิ้มกับความช่างสรรหาของมารดา ไม่ว่าเพื่อนคนไหนของท่านก็ตาม ที่มีลูกสาวเป็นต้องคอยจะแนะนำให้เขารู้จักอยู่ร่ำไป เหตุผลเพียงเพราะว่า เพื่อนแม่เป็นกัลยาณมิตร เป็นมิตรดีที่ลูกสาวก็จะดีตามแม่ไปด้วยเช่นนั้น
"เดี๋ยวผมส่งแม่ที่บ้านเสร็จแล้ว ผมไปคอนโดนะครับ วันนี้มีงานเลี้ยง" ผู้เป็นแม่ได้แต่มองค้อนลูกชาย จนไตรคุณต้องหลุดขำออกมาเบาๆ
"โอเค เดี๋ยววันหลังผมจะไปทำความรู้จักกับแม่ชีให้นะครับ" ไตรคุณเอ่ยยิ้มๆ มองแม่ที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัย
"สัญญากับแม่แล้วนะ" แม้จะขัดหูกับคำว่าแม่ชี แต่เมื่อลูกชายคนโตของบ้านที่ยังไม่เป็นหลักเป็นฐานในเรื่องแต่งงาน ยอมที่จะทำความรู้จักกับลูกสาวของเพื่อนสายธรรมะ ท่านจึงยอมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำนั้นเสีย
"โอเคครับ"
งานเลี้ยงวันเกิดของไอ้คุณเมฆ ที่จัดขึ้นภายในผับหรู โซน VIP ชั้นสองครึ่งหนึ่งถูกเจ้าของงานจองเอาไว้ มันบอกคนไม่เยอะ แต่จองโต๊ะไว้เป็นสิบโต๊ะ ไตรคุณมาถึงตอนเกือบห้าทุ่มโต๊ะที่มันจองไว้ก็เกือบจะเต็มทั้งหมดแล้ว เจ้าของงานเดินวนไปเวียนมาจนน่าเวียนหัว แต่พอมันเห็นว่าใครขึ้นมาถึงชั้นสอง ไอ้เมฆก็รีบตรงมารั้งแขนให้รีบเดินมาที่โซฟาชุดใหญ่ด้านในทันที
"มาแล้วครับ คุณเพื่อนสุดหล่อของกระผม"
ในโต๊ะมีผู้หญิงหลายคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนเพื่อนผู้ชายก็มีทั้งที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน เพื่อนทางธุรกิจ รวมถึงกลุ่มสมาคมไฮโซของไอ้คุณเมฆนั่นด้วย
"สวัสดีค่ะ พี่คุณ"
หลังจากได้รับการแนะนำ หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หันมาเอ่ยทักทายทันที
"ครับ" รอยยิ้มมุมปากนิดๆ พลางชนแก้วกับเจ้าหล่อนที่ยื่นมาทักทาย
"นรี เคยเจอพี่คุณหลายงานแล้วนะคะ แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปทัก" อ้อ นรีวรรณ ที่ไอ้เมฆเอ่ยแนะนำเมื่อครู่
"ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่เมฆเป็นเพื่อนกับพี่คุณด้วย พอดีนรีเป็นเพื่อนน้องสาวพี่เมฆน่ะค่ะ"
"ครับ เพื่อนตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยน่ะ"
"โห คบกันมานานขนาดนั้นเลยหรือคะ"
"จะว่าพี่แก่หรือ"
เสียงหัวเราะพลางเอามือปิดปากอย่างมีจริตจะก้าน ก่อนจะเอ่ยแก้ตัวให้ชายหนุ่ม "ใครว่าพี่คุณแก่คะ ยังหล่อเฟี้ยวอยู่เลยค่ะ"
แม้เสียงเพลงที่ค่อนข้างจะดัง แต่นรีวรรณก็ยังพยายามเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ จากที่นั่งห่างกันก็เริ่มเขยิบเข้าใกล้ชิด เพราะเสียงเพลงที่ดังทำให้บางครั้งเธอต้องเอียงหน้าไปพูดใกล้ๆ หูเขา
อีกฟากของโซน VIP
สายตาอีกคู่กำลังจับจ้องมาที่หญิงสาวคนสวย แม้จะสวยไปทั้งเนื้อทั้งตัวแต่ทั้งตัวก็มีแต่รอยมีดหมอ อันดาเพ่งมองชายหนุ่มข้างๆ อยู่นานกว่าจะนึกได้ว่าเป็นใคร พลางรีบหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาใครบางคน
อันดา : นังฝุ่น ไม่ได้อยู่วัดใช่ไหม
เพียงครู่เดียวข้อความของอันดาก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
ฝุ่นละออง : เปล่า กำลังจะนอน มีไร
อันดา : แกรีบมาที่ผับ..เลย
อันดา : ส่งรูปภาพ
คนปลายสายรีบเปิดรูปในมุมมืดดู ปลายนิ้วเรียวถ่างออกเพื่อขยายมองคนในรูปให้ชัดๆ
ฝุ่นละออง : ใครวะ
อันดานึกอยากจะโทรไปด่าคนปลายสายจะโทรตรงนี้ก็เสียงดังเกินจนกลัวจะคุยไม่รู้เรื่อง และก็ไม่อยากลุกออกจากตรงนี้ เพราะกลัวจะอดเห็นภาพดีๆ ตรงหน้า จึงจำต้องนั่งพิมพ์ข้อความส่งให้นังฝุ่นอีกครั้ง
อันดา : คุณไตรคุณ
ฝุ่นละออง : แล้ว?
อันดา : สติกเกอร์หน้าโมโห
อันดา : ก็นังนรีไง เหมือนมันจะได้เหยื่อรายใหม่ ข่าวที่ว่ามันเลิกกับไอ้วอก ท่าจะจริงว่ะ แกรีบมาดู
ละอองรัก ขยายรูปที่อันดาส่งมาให้อีกครั้ง เมื่อมองดีๆ เธอจึงเห็นว่าคนในรูปคือนรีวรรณ เพื่อนแค้นแสนรักของเธอนั่นเอง ทีแรกเธอมองไม่ออกว่าใคร เพราะรูปที่ส่งมามันออกจะมืด
เพียงครู่ใหญ่ ละอองรัก ก็มาถึงผับตามที่อันดาส่งโลเคชันไปให้ หญิงสาวในชุดเดรสสีดำพอดีตัว ตัดกับผิวขาวผ่องยิ่งอยู่ในที่สลัวเช่นนี้ยิ่งทำให้เธอดูขาวกระจ่างแข่งกับแสงไฟระยับหลากสี ใบหน้ารูปไข่รับกับดวงตาหวาน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป แม้จะดูสวยหวานออกจะเรียบๆ เพราะไร้รอยกรีดของมีดหมอ แต่ยามเมื่อใบหน้าหวานมีสีสันที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี ก็กลับทำให้สวยมีเสน่ห์น่ามองขึ้นไปอีก