10.เรารู้จักกันหรือไม่
ในขณะนั้น เฟยเอี้ยนพลันรู้สึกปวดศีรษะอย่างหนัก ความทรงจำบางส่วนหลั่งไหลกลับเข้ามาในหัว เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยถูกสามคนนี้ทำร้ายจนต้องนอนบาดเจ็บนานนับเดือน ทั้งสามคนดูภายนอกเหมือนพวกนักเลงทั่ว ๆ ไป แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นอดีตทหารหน่วยประจิมที่ถูกไล่ออกจากกองทัพ ความสามารถในการต่อสู้ของแต่ละคนบางทีอาจมากกว่าพวกทหารป้องกันเมืองเสียอีก
ชายตัวเตี้ยใช้แส้ฟาดไปที่กลางอกของเฟยเอี้ยน บุรุษหนุ่มล้มทั้งยืน ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นสู่มโนสำนึก เขาล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้ทางสู้
เฟยเอี้ยนหอบหายใจเข้าลึกด้วยสีหน้าทุรนทุราย ต่อให้ยามที่ร่างกายเป็นปกติ หากต้องสู้กับอดีตทหารถึงสามคนก็ยังนับว่ายาก คราวนี้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงร่างกายที่เพิ่งไปเคาะประตูยมโลกมาเลย
ชายร่างเล็กเห็นท่าทางของอีกฝ่ายจะเป็นจะตาย มันก็ส่ายศีรษะด้วยสีหน้าดูถูก
“ข้าคงไม่ต้องลงมือแล้วกระมัง แค่เจ้าอ้วนคนเดียวก็พอแล้ว”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ฉีกยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ
“ดิ้นรนอีกหน่อย ครั้งที่แล้วเจ้ายังทำให้พวกเราสามคนต้องเอาจริงได้เลย ทำไมตอนนี้อ่อนแอลงขนาดนี้ได้เล่า”
เฟยเอี้ยนพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้คลานกลับเข้าบ้าน นอนเป็นผักติดเตียงนานนับเดือนอย่างที่พวกมันบอกแน่ ๆ
บุรุษหนุ่มรีดเร้นความคิดอย่างบ้าคลั่ง เขาพยายามนึกให้ออกถึงวิชาต่อสู้ที่เคยร่ำเรียนมา
‘ต้องมีสิ หากข้ามีความฝันจะเป็นจอหงวนบู๊ ข้าต้องมีวิชาต่อสู้ที่ร่ำเรียนมาบ้าง ต้องคิดให้ออก คิดให้ออก’
ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่หยางลี่อินกำลังมองดูทุกอย่างในสายตา นางเกิดความรู้สึกผิดหวังบนสีหน้า หากดวงวิญญาณของชายหนุ่มผู้นั้นคือดวงวิญญาณของสามีนางจริง ๆ สามคนที่มาหาเรื่องคงได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงหมอแล้ว
“เสี่ยวจู พวกเราเข้าไปห้ามกันเถอะ”
ทว่าตอนนั้นเอง เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเฟยเอี้ยนขึ้นมาอีกครั้ง ประหนึ่งว่าความทรงจำที่หายไปค่อย ๆ ฟื้นกลับคืนมา ชายหนุ่มจำได้ว่าตนเองมีความฝันที่จะสอบเป็นจอหงวนบู๊จึงฝึกฝนและออกกำลังกายอยู่เสมอ บางทีสิ่งที่เขาสามารถจำขึ้นมาได้ในตอนนี้อาจเป็นสิ่งที่ในอดีตเขาพยายามและฝึกฝนอย่างหนักก็เป็นได้
เฟยเอี้ยนกัดฟันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ชายร่างเตี้ยเห็นเช่นนั้นก็สะบัดแส้ฟาดออกไป คราวนี้มันเล็งไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย หมายจะฝากรอยแผลเอาไว้บนแก้มขวา แต่เฟยเอี้ยนแปรเปลี่ยนทีท่า ก้าวถอยหลังดุจสายน้ำ เคลื่อนไปด้านหน้าประหนึ่งสายลม
บุรุษหนุ่มถอยหลบและใช้เท้าเหยียบไปที่แส้ของอีกฝ่าย จากนั้นใช้มือซ้ายรั้งดึงด้วยพละกำลังทำให้ชายร่างเตี้ยถูกแรงดึงลอยเข้าหา เฟยเอี้ยนเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ สองมือกำแน่น ประสานสองกำปั้นและต่อยเข้าไปที่กลางอกของอีกฝ่าย ความแรงของหมัดส่งเสียงดัง ปึ๊ก ชวนขนหัวลุกเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาของชายร่างเล็กและชายฉกรรจ์ผู้เป็นพี่ใหญ่เบิกกว้าง ทั้งคู่มีสีหน้าตกตะลึง ถึงคนเราจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่การใช้หมัดต่อยคนที่มีน้ำหนักมากกว่า 200 ชั่งให้ลอยไปในอากาศได้นานถึงสามลมหายใจเช่นนี้ สิ่งนั้นไม่ใช่ความแข็งแกร่งของมนุษย์แล้ว
ความคิดที่จะเข้าไปแก้แค้นให้แก่สหายไม่มีอยู่ในหัวชายฉกรรจ์ทั้งสองที่วิ่งเข้าไปหิ้วปีกชายร่างอ้วนก่อนจะรีบเผ่นหายไปโดยไม่ทิ้งวาจาใดๆ เอาไว้แม้เพียงครึ่งคำ
หากเป็นคนภายนอกมองก็คงคิดเหมือนเช่นชายฉกรรจ์ทั้งสองคน แต่สำหรับหยางลี่อิน นางรู้ดีว่าการจะต่อยคนที่มีน้ำหนักมากให้ลอยละลิ่วไปในอากาศไม่ใช่เรื่องที่เกินความจริง และนางก็เคยเห็นกระบวนท่าสองหมัดคู่ที่ทำให้ชายร่างอ้วนลอยละลิ่วมาก่อน
“วิชาสองหมัดคลั่งเก้าชั้นฟ้า!” น้ำเสียงที่พึมพำระคนดีใจเปล่งขึ้นด้วยไม่รู้ตัว เสี่ยวจูที่อยู่ไม่ห่างได้ยินดังนั้นก็สลับสายตามองไปที่ตัวของบุรุษหนุ่ม
“เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่เจ้าคะ ชายคนนั้นใช้วิชาประจำตัวของนายท่านได้”
หยางลี่อินเดินออกจากใต้ต้นมู่ตาน สายตาคะนึงหามองไปยังบุรุษหนุ่ม สองเท้าก้าวเข้าหาร่างของอีกฝ่าย หากใครจะมองว่านางเป็นหญิงเสียสติก็ไม่สนใจ ถึงใครจะมองว่าศพสามียังอุ่นอยู่ก็มีรักใหม่เสียแล้วก็ช่างเขาเถิด หรือใครจะคิดว่านางเป็นสตรีใจง่ายก็สุดแล้วแต่ความคิดคน ในตอนนี้ หยางลี่อินรู้เพียงแต่ว่านางจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กู้เฟยหลงของนางกลับคืนมาให้จงได้
ท้องฟ้าพลันมืดครึ้มด้วยเมฆสีดำ สายลมนำพากลิ่นอายของลมฝนซัดสาดมวยผมพลิ้วไสว ความคิดถึงบรรจบรวมทำลายสิ้นความเหน็บหนาว ดวงใจที่แหลกสลายราวกับได้รับการประกอบขึ้นใหม่ สายฝนอ่อนๆ โปรยลงมา กลิ่นหอมดอกมู่ตานอบอวลชวนฝัน
หยางลี่อินก้าวเดินเข้าไปในระยะสายตาของเฟยเอี้ยน ทั้งสองคนมองประสานสายตากันและกัน
“ท่านพี่ ข้าพบท่านแล้ว”
สายตาของเฟยเอี้ยนจ้องมองไปที่หญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ เขาขมวดคิ้วแน่นและกล่าว
“แม่นาง พวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือ”
ลี่อินพยักหน้าขึ้นลงด้วยรอยยิ้มแห่งความปลื้มปีติ
“ข้าเห็นท่านแล้ว และข้าก็เชื่อลงไปแล้ว ต่อให้โชคชะตาฟ้าสวรรค์กลั่นแกล้งให้ท่านพี่ต้องมาอยู่ในร่างของผู้อื่น ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ” กล่าวจบ นางก็ค่อย ๆ เอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างอ่อนโยน
สำหรับลี่อินแล้ว นี่เป็นความคะนึงหาท่ามกลางความรู้สึกสูญเสียตลอดระยะเวลาสองเดือน แต่สำหรับเฟยเอี้ยน มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก สตรีตรงหน้าที่ควรจะรู้สึกแปลกหน้ากลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยและอบอุ่น แต่ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรออกไป เฟยเอี้ยนก็รู้สึกถึงความเหน็บหนาวที่แทรกเข้าถึงกระดูก ตัวของเขาสั่นไหว ร่างกายราวกับถูกตัดขาดกับสมอง ร่างสูงล้มใส่หยางลี่อิน สติพลันวูบดับ
“ท่านพี่ / นายท่าน”
สองสตรีอุทานขึ้นมาพร้อมกัน