บทที่ 3 เรื่องนี้ต้องเพิ่มเงิน
“แค่หนึ่งแสนแกให้ขอทานหรือไง?”
หลินไป๋ทำสีหน้าดูถูก ตระกูลฉินเหมือนกัน ทำไมไอ้หมอนี่ถึงขี้งก?
“ไอ้แมงดานี่ยังคิดว่าไม่มากพอหรือไง?”
ฉินฉางเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเยาะเย้ย "ได้ นายลองบอกตัวเลขมา!"
"สิบล้าน"
หลินไป๋ขัดสนเรื่องเงินเป็นอย่างมาก
ถ้าตอนนี้ได้เงินสิบล้านแล้วหนีไป งั้นก็ไม่ต้องรอถึงหนึ่งปีแล้ว
“ทำไมแม่งไม่ไปปล้นเลยล่ะ?”
ฉินฉางเฟิงตอกกลับอย่างโมโหทันที “ไอ้บ้านนอก แกคิดว่าตัวเองมีค่าถึงสิบล้านเลยหรือไง?”
“ถ้าแกไม่มีเงินก็ไสหัวออกไป อย่ามากวนฉัน!”
หลินไป๋เริ่มรำคาญ
“แม่งเอ้ย ฉันไว้หน้าแกเกินไปหรือเปล่า?”
ฉินฉางเฟิงโบกมือ "พวกนายเข้ามา เอาไอ้สารเลวนี้ให้หลับอีกครั้ง!"
ชายร่างกำยำสองคนรีบพุ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย หมัดของทั้งสองก็พุ่งตรงเข้ามาทักทายศีรษะของหลินไป๋โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
หลินไป๋คว้าหมัดของชายสองคน แล้วบิดเพียงเล็กน้อยด้วยสัญชาตญาณ
"โอ๊ย......"
ชายร่างใหญ่สองคนกรีดร้องพร้อมกัน
"ออกไป!"
หลินไป๋ออกแรงผลัก ชายร่างใหญ่สองคนถอยออกจากห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่ทันตั้งตัว
“แกก็ออกไป!”
หลินไป๋ใช้ขาเตะฉินฉางเฟิงออกไปพร้อมกัน
“ไอ้บ้านนอก มึงรอเจอกู!”
ฉินฉางเฟิงโกรธมาก แต่เขาไม่กล้าเข้ามาอีก
หลินไป๋ทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม เขาเป็นถึงจอมเซียน ยังต้องมากลัวเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ?
“ไม่สิ ดูเหมือนว่าบุคลิกของฉันจะได้รับผลกระทบจากความฝันด้วย”
หลินไป๋รู้สึกตัวขึ้นมาทันที
เขาเคยเป็นคนซื่อตรง อีกทั้งยังมีปมด้อยอยู่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดีแล้ว เขาชอบที่ตัวเองแบบนี้
หลินไป๋เดินเข้าไปในห้องน้ำ ชำระล้างตัวเองจนสะอาดหมดจด เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ และสวมรองเท้าใหม่ จากนั้นนำเงินสดหนึ่งแสนของฉินฉางเฟิงใส่เข้าไปในกระเป๋า
“ทำเรื่องเสร็จแล้ว...”
ทันที่ฉินเสวี่ยเหยากลับมาถึงห้องพักผู้ป่วย ก็ถึงกลับตกตะลึง "นายไปเอาเงินสดมาจากไหน? "
“อ๋อ ลูกพี่ลูกน้องของคุณให้เงินปลอบใจผมหน่ะ”
หลินไป๋ยิ้มอย่างสดใส "จะว่าไป น้องชายของเธอเป็นคนค่อนข้างดีเลยล่ะ"
“ฉินฉางเฟิง?”
ฉินเสวี่ยเหยาขมวดคิ้ว "เขาปลอบใจนาย?เป็นไปได้ยังไง... "
จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า: "เขาเอาเงินให้นายเพื่อให้ไปจากฉัน? "
“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว คุณปู่เพิ่งโทรมาหาฉัน บอกให้ฉันพานายไปพบท่าน อาจจะเป็นเพราะฉินฉางเฟิงรายงานคุณปู่เรื่องนี้”
ในเมืองเจียงมีคนหลายตระกูล สามตระกูลชั้นนำ แปดตระกูลชั้นหนึ่ง และเกือบร้อยตระกูลชั้นสอง
ตระกูลชั้นนำมีทรัพย์สินมูลค่าหลายแสนล้าน ตระกูลชั้นหนึ่งมีทรัพย์สินนับหมื่นล้าน และตระกูลชั้นสองมีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งพันล้าน
ตระกูลฉินเป็นหนึ่งในแปดตระกูลชั้นหนึ่ง
ในเขตชานเมืองเจียง คฤหาสน์เก่าตระกูลฉิน
ฉินเสวี่ยเหยาควงแขนของหลินไป๋แล้วเดินเข้าไป มีคนมากมายอยู่ในห้อง รวมถึงฉินฉางเฟิงด้วย
“ไอ้บ้านนอก แกยังจะกล้ามาอีก?”
ฉินฉางเฟิงจ้องมองหลินไป๋ด้วยความโกรธ
จากนั้นเขาก็มองไปที่ชายชราผมขาวที่อยู่ข้างๆ : "คุณปู่ครับ หลินไป๋ไม่ได้ชอบพี่สาวผมด้วยความจริงใจเลยสักนิด ผมแค่ให้เงินหนึ่งแสนเพื่อทดสอบเขา เขาก็เผยธาตุแท้แล้ว ยังมีหน้ามาขอเงินผมเพิ่มสิบล้านอีก! "
“ตอนที่เขารู้ว่าถูกผมเปิดเผยธาตุแท้ ก็โกรธเพราะรู้สึกละอาย จนลงมือทำร้ายผม!”
ชายชราผมขาวคือ ฉินเจิ้นเจียงวัยเจ็ดสิบปี ผู้ถือหางเสือเรือของตระกูลฉิน และเป็นปู่ของฉินเสวี่ยเหยา
“คุณปู่คะ เรื่องไม่ใช่แบบนี้นะคะ...”
ฉินเสวี่ยเหยาพยายามที่จะช่วยแก้ตัว
"ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ"
ฉินเจิ้นเจียงส่ายมือ แล้วพูดอย่างใจเย็น "หลินไป๋ นายฟื้นมาได้ ฉันรู้สึกดีใจมากจริงๆ "
“นายทำให้เสวี่ยเหยาเสียเวลามาสามปีแล้ว นายไม่ควรทำให้เธอเสียเวลาอีก”
“นายอยากได้เงิน ฉันจะให้นายเอง นี่สิบล้าน นายเอาไป”
ฉินเจิ้นเจียงยื่นเช็คออกมาใบหนึ่ง
“คุณปู่คะ หลินไป๋กับหนูรักกันจริงๆ ค่ะ!”
จู่ๆ ฉินเสวี่ยเหยาก็เริ่มกังวล เธอจับมือของหลินไป๋ไว้อย่างแรง เพื่อไม่ให้เขารับเช็ค ขณะเดียวกันเธอก็มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน
“เสวี่ยเหยา ปู่จะบอกให้ฟังนะว่า แม้แต่รักแท้ ก็ซื้อได้เหมือนกัน”
ฉินเจิ้นเจียงพูดอย่างใจเย็น: "หลินไป๋ ฉันก็ไม่ได้จะขู่นาย แต่ตอนนี้มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของนาย ที่จะรับเงินและไปจากหลานสาวฉัน"
“ถ้าเงินสามารถแก้ไขปัญหาได้ พวกเราก็ไม่อยากใช้วิธีอื่น”
“ท่านฉินใจกว้างมากครับ ท่านดีกว่าฉินฉางเฟิงไอ้ขี้งกนั่นมาก”
หลินไป๋ยิ้มอย่างสดใส "แต่ว่า ท่านลองคิดดูนะครับ เสวี่ยเหยาทั้งสวย และหุ่นดีมากขนาดนี้ เธอยังเป็นไฮโซสาวอีก อ้อ และที่สำคัญที่สุดคือ เรารักกันจริงๆ ครับ ... "
"ดังนั้น ท่านฉินครับ เรื่องนี้ ต้องเพิ่มเงินนะครับ"
“ตอนนี้ ผมต้องการหนึ่งร้อยล้าน”