คุณแม่สามี(2)
หญิงสาวไม่ได้บอกความจริงให้บิดารู้เรื่องที่เธอยอมขายอิสรภาพ 3 เดือนให้กับปฐพีเพราะรวงขาวรู้ดีว่าถ้าพ่อของเธอรู้เรื่องนี้มีหวังคงเรียกเงินจากปฐพีและเธอเป็นจำนวนมาก หญิงสาวจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
สมศักดิ์เวลาที่อยู่กับลูกสาวเขามักจะทำท่าทางอ่อนแอเป็นพ่อที่พร้อมจะเชื่อฟังลูกทุกอย่างแต่หลังจากที่รวงข้าวกลับมาแล้วเขาก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิมดื่มเหล้าเล่นการพนันแม้ว่าสุขภาพของเขาตอนนี้จะแย่จนถึงที่สุดหลายครั้งที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนแต่สมศักดิ์ก็ยังไม่คิดว่าผลทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากฤทธิ์ของสุรา
“ข้าวขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้ไม่ได้ช่วยพี่แมวล้างจานเลย”
ลูกสะใภ้เมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบตรงเข้าครัวทันทีเพราะเธอกลัวว่าจานชามที่ยังไม่ได้ล้างจะยังคงอยู่และเธอก็ไม่อยากทำตัว ไร้ค่าไม่มีประโยชน์อยู่บ้านเขาเฉย ๆ จึงรีบไปยังที่ล้างจานแต่ก็พบว่าแม่บ้านของที่นั่นได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
“ไปพักเถอะค่ะกลับมาจากข้างนอกเหนื่อย ๆ งานพวกนี้พี่ก็ทำอยู่ตลอดที่ไม่กล้าขัดเวลาคุณข้าวมาช่วยก็เพราะรู้ว่าคุณโฉมเฉลากำลังดูอยู่”
แมวเป็นแม่บ้านคนสนิทของโฉมเฉลาเธอรู้ความเป็นไปของคนที่บ้านทุกอย่างถึงแม้ว่าแมวจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่โฉมเฉลาทำกับรวงข้าวแต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้านายดีแม่บ้านคนนี้จึงเลือกที่จะทำตัวเป็นกลางเพื่อไม่ให้ทั้งสองคนมีปัญหากันมากไปกว่าเดิม
“เดี๋ยววันนี้ข้าวทำกับข้าวเองนะคะพี่แมวไปทำงานอื่นเถอะจะได้พักผ่อนบ้าง”
รวงข้าวเธอได้เสน่ห์ปลายจวักมาจากมารดาก่อนที่แม่ของเธอจะจากไปเธอได้เรียนรู้เรื่องการทำอาหารมาอย่างเต็มตัวและเธอก็มั่นใจว่าฝีมือของเธอจะทำให้โฉมเฉลาติดใจแน่นอน
อาหารที่ดูธรรมดาแต่เป็นอาหารที่โฉมเฉลาแทบจะไม่เคยได้กินนั่นก็คือน้ำพริกกะปิปลาทูทอดและชะอมชุบไข่ของโปรดที่เธอเคยได้กินเมื่อตอนเด็ก ๆ ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างสวยงามเพื่อรอทุกคนในครอบครัวมานั่งกินอาหารมื้อเย็นพร้อมหน้ากัน
“ฉันเพิ่งรู้ว่าแมวทำกับข้าวพวกนี้เป็นด้วย รู้แบบนี้ให้ทำเสียตั้งนานฉันชอบกินมากเลยรู้ไหม”
โฉมเฉลาหันไปชมแม่บ้านที่กำลังสาละวนกับการเตรียมจัดโต๊ะอาหารเพื่อให้พร้อมในอีกไม่กี่นาทีที่ทั้งธานินทร์และปฐพีจะเดินทางมาถึง
“ลองชิมก่อนดีกว่าค่ะเพราะไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณผู้หญิงไหม”
แมวเลือกที่จะยังไม่บอกเจ้านายว่าคนที่ลงมือทำกับข้าวในมื้อเย็นนี้คือรวงข้าวเพราะแมวกลัวว่าเจ้านายของเธอจะอคติต่อรสชาติของอาหารถ้ารู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
“กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลยนะครับคุณแม่”
ปฐพีกลับมาถึงบ้านพร้อมกับธานินทร์ที่วันนี้เข้าไปดูงานในบริษัทของลูกชายที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงเมื่อมาถึงโต๊ะอาหารทั้งคู่ต่างมองเมนูที่แปลกตาด้วยความชอบใจเพราะธานินทร์เองก็อยากกินน้ำพริกแบบเดิม ๆ ตามประสาคนต่างจังหวัดที่เขาเคยกินในสมัยเมื่อยังเด็กอยู่
“กี่ปีกันแล้วคุณที่เราไม่ได้กินกับข้าวแบบนี้”
ผู้ใหญ่ของบ้านหันไปพูดกับภรรยาเพราะทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่ากับข้าวบนโต๊ะอาหารทำให้หวนคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ สมัยที่ทั้งคู่ยังไม่ร่ำรวยแบบนี้
“น่าจะมากกว่าอายุของลูกเราแต่ก่อนหน้านี้เราสองคนก็กินน้ำพริกไข่ต้มจนแทบจะเบื่อน้ำพริกกันไปเลยแต่พอมาระยะหลังเรากลับไม่ได้กินกับข้าวพวกนี้เลยนะคะ”
โฉมเฉลากำลังจะพูดอะไรต่อแต่เมื่อหันกลับมาเห็นหน้าลูกสะใภ้เธอจึงต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งเฉยเพราะไม่อยากให้ รวงข้าวรู้ว่าความจริงแล้วเธอกับสามีก็เคยผ่านช่วงชีวิตที่ยากจนมาก่อนที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจจนมีฐานะร่ำรวยแบบนี้
“อร่อยมาก รสชาติแบบนี้ถ้าไปซื้อตามร้านอาหารรับรองไม่ได้กินแน่”
โฉมเฉลาเติมข้าวถึง 2 ครั้งเพราะเธอติดใจในรสชาติของน้ำพริกกะปิและไหนจะชะอมชุบไข่ที่กรอบนอกนุ่มในในแบบที่เธอชอบ หญิงสูงวัยจึงเจริญอาหารกว่าทุกวัน
“ผมไม่เคยเห็นคุณแม่กินข้าวเยอะแบบนี้มาก่อนเลยครับ”
ลูกชายออกปากแซวมารดาเพราะปฐพีไม่เคยเห็นแม่ของเขายอมกินอาหารมื้อเย็นมากเหมือนเช่นวันนี้เพราะโฉมเฉลาเป็นคนที่ดูแลหุ่นและรูปร่างของตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอเธอจึงมักจะกินอาหารเย็นเพียงไม่กี่คำเพียงเพื่อต้องการอยู่พร้อมหน้ากับคนในครอบครัว
“ก็มันอร่อย แม่ไม่ได้กินอาหารแบบนี้มานานก็คงต้องยอมอ้วนวันนึงแล้วล่ะ”
ชมฉลามกำลังจะขอเติมข้าวอีกจานแต่เธอก็ถึงกับกลืนข้าวไม่ลงคอเมื่อได้ยินว่าคนที่ทำอาหารมื้อนี้ไม่ใช่แมวแต่เป็นลูกสะใภ้ที่เธอจงเกลียดจงชัง
“สงสัยต่อไปนี้แมวคงต้องให้คุณรวงข้าวเข้าครัวแทนแล้วเพราะฝีมือของเธอทำเอาคุณโฉมเฉลาเติมข้าวหลายหนเชียว”
“แกหมายความว่ายังไงแมว”
“ก็ฝีมือน้ำพริกกะปิชะอมชุบไข่แล้วก็อาหารอื่นที่อยู่บนโต๊ะเป็นฝีมือของคุณรวงข้าวทั้งนั้นค่ะ วันนี้เธอขอเข้าครัวแทนแมว”
แม่บ้านตอบตามความเป็นจริงอย่างที่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าคำพูดที่พูดออกไปคงจะทำให้เจ้านายรู้สึกเสียหน้าอยู่พอตัวเพราะ โฉมเฉลาได้ออกปากชมฝีมือทำอาหารและรสชาติของอาหารในวันนี้โดยที่ไม่รู้ว่ารวงข้าวเป็นคนทำ
“แม่อิ่มแล้วนะขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อน”
โฉมเฉลาเมื่อรู้ตัวว่าพลาดท่าเผลอชมลูกสะใภ้ด้วยความที่ถือในศักดิ์ศรีสูงเธอจึงขอตัวขึ้นไปข้างบนเพราะไม่อยากอยู่สู้หน้า
“อย่าไปถือสาคุณแม่เขาเลยนะฝีมือทำน้ำพริกของลูกวันนี้อร่อยมาก”
ธานินทร์กลัวว่าลูกสะใภ้จะรู้สึกเสียใจกับการกระทำของภรรยาเขาในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่จึงพยายามพูดให้รวงข้าวรู้สึกดีขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อถ้าคิดไว้แล้วว่าถ้าคุณแม่รู้ว่าเป็นฝีมือของข้าวคงไม่ถูกใจ”
รวงข้าวคิดอย่างที่พูดออกไปจริงๆเธอไม่ได้สนใจหรอกว่าเราจะมีความรู้สึกอย่างไรกับข้าวที่เธอทำเธอรู้แค่เพียงว่าวันนี้ทุกคนเจริญอาหารเธอก็มีความสุขแล้ว