๔ พูดจาสู่ขอ (๒)
“ผมจะทำยังไงดี”
“คำแนะนำจากกูผู้เป็นบิดาของมึง...แต่งๆ ไปเถอะ ทำอะไรไม่ได้แล้ว” ตบบ่าเหมือนเป็นการปลอบใจ สร้างความขุ่นข้องแก่ร่างสูงจนต้องตะโกนเรียกท่านเสียงดัง
“พ่อ!”
“ยินดีต้อนรับสู่นรก ไอ้ลูกชาย” ที่ทำได้ก็คงมีเพียงเท่านี้
ข่าวการแต่งงานของเปรมสินีรู้กันทั้งบ้านผ่านกลุ่มไลน์ น้องชายคนเล็กที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์รีบเร่งมาบ้านหลังใหญ่ ขึ้นบันไดตรงมายังห้องนอนของพี่สาวด้วยใบหน้าไม่ใคร่จะสู้ดีเท่าไหร่ ไม่เคาะประตูแต่เปิดพรวดพราดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ปีย์วราเรียนจบก็กลับมาทำงานที่บ้าน ประกาศคบหากับเพื่อนสนิทของพี่ชายอย่างเปิดเผย ทั้งยังย้ายไปอยู่กับเหนือเมฆโดยได้รับคำอนุญาตจากบุพการี มีก็แต่พี่ชายคนโตที่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ทว่าพูดมากไม่ได้ เมื่อเพื่อนของเขามีลัลนาคอยถือหาง สร้างความหงุดหงิดแก่ป้อมปราการเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ปิ๊มจะแต่งงานเหรอ” คำถามแรกที่เอ่ยเมื่อได้เห็นหน้าพี่สาวก็เข้าประเด็นทันที หอบหายใจถี่เพราะวิ่งมาตั้งแต่ข้างล่างจนถึงชั้นบน รีบเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งข้างเตียง จดจ้องหญิงสาวที่หยันกายนั่งบนเตียงกว้าง ใบหน้าไม่มีความกังวลถึงการแต่งงานครั้งนี้สักนิด
เหมือนจะมีเพียงเขาที่คิดเป็นห่วงพี่สาวของตัวเอง คลิปของลาภิศร์กับเปรมสินีเผยแพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ต น่าจะรู้กันทั่วแล้วถึงจะสั่งลบก็คงไม่ทัน
โชคดีที่ไม่ใช่คลิปโป๊เปลือยแต่พอจะจินตนาการได้ว่าคืนที่ผ่านมา สองคนนี้มีค่ำคืนแสนหวานร่วมกัน...
“เยส มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ด้วยนะ” พยักหน้าแล้วชวนด้วยเสียงสดใส น้องชายเริ่มไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จนต้องถามย้ำเพื่อให้มั่นใจ
“ไม่เอาแบบนี้สิ พี่จะแต่งงานได้ยังไงไม่เห็นบอกเลยว่ามีแฟน แล้วนี่คบกันนานหรือยัง การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น” เตือนด้วยความหวังดีให้พี่สาวได้คิดไตร่ตรองอีกรอบ แต่เปรมสินีก็ไม่ได้คล้อยตามคำพูดของน้อง เพราะหล่อนคิดมาอย่างดีแล้ว
“ไม่ได้ล้อเล่น”
“พี่กับต้นรักกันเหรอ ทำไมผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ปีย์วราอายุเท่ากันกับลาภิศร์ทั้งยังเคยเรียนห้องเดียวกันแม้จะไม่ค่อยสนิทก็ตาม
“นอกจากเรื่องของพี่เหนือ ไม่ทราบว่าคุณปีย์วรารู้เรื่องอะไรบ้างคะ ตอนอยู่มหา’ลัยฉันคบใครแกยังไม่รู้เลย” ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมพูดเรื่องที่สร้างความตกใจให้แก่น้องชายเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายมีแฟน คิดว่าโสดมาโดยตลอด
“หือ พี่มีแฟนด้วยเหรอ”
“โอ๊ย เปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่ากางเกงในอีกค่ะ” เรื่องปิดบังความรักหล่อนค่อนข้างเก่ง จึงไม่มีใครระแคะระคายมาก่อน กระทั่งบิดาที่เฝ้าหวงลูกสาวจนกระทั่งจ้างนิติคอนโดคอยสอดส่องยังไม่ทราบ เพราะหล่อนไม่เคยพาผู้ชายขึ้นห้อง ส่วนมากจะไปห้องของผู้ชายเองมากกว่า
แล้วต่อหน้าธารกำนัลก็ไม่แสดงออก ในโซเชียลก็ทำเหมือนตัวเองโสด แต่ความรักก็ใช่ว่าจะราบรื่นทุกครั้ง ไม่อยากนั้นตนคงไม่เปลี่ยนคนคุยบ่อยหรอก บางคนคบเป็นแฟนไม่ถึงสามเดือนก็โบกมือลาเพราะไปกันไม่รอด
ฉายาแม่เสือสาวไม่ใช่ได้มาเพราะเพื่อนตั้งอย่างเดียว เป็นการกระทำของหล่อนล้วนๆ
“ทำไมป๊าไม่รู้”
“หึ ป๊าจะมาทันอะไรฉันล่ะ” ยกยิ้มมุมปากภาคภูมิใจ จนปีย์วราถึงกับส่ายหน้าระอา ค่อยวกกลับมาเรื่องของว่าที่พี่เขยอีกครั้ง
“แต่งเพราะรักหรือเปล่า”
เปรมสินีนิ่งเหมือนใช้ความคิดไปพักใหญ่ หลุบตามองผ้าปูสีขาวค่อยไล่ความคิดยุ่งเหยิงไม่ยอมบอกความจริงซึ่งมีเพียงหล่อนเท่านั้นที่ทราบ
“แกไม่ต้องมาห่วงฉันหรอก พี่สาวของแกเอาตัวรอดได้สบาย เอาเวลาไปปรนนิบัติพัดวีผัวแกเถอะ...นี่ไม่ได้ประชดนะ พูดจริง ทุกวันนี้พี่เหนือแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้วมีแกทำให้ทุกอย่าง แผนเข้าท่าเหมือนกันนะ” ล้อเลียนน้องชายทันทีแต่เจ้าตัวกลับขมวดคิ้วไม่เข้าใจในประโยคนั้น จนต้องถามเพื่อให้กระจ่าง
“แผนอะไร”
“อ้าว ที่ดูแลทุกวันจนเขาชินที่มีแกอยู่ในชีวิตจนขาดไม่ได้ ไม่ใช่แผนหรอกเหรอ” คราวนี้ปีย์วราถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความคิดไม่เข้าท่าของคนห่างกันเพียงแค่ปีเดียว เขานึกห่วงเปรมสินีตั้งแต่ทราบข่าว
“พี่ใช้ชีวิตอยู่แบบนิยายหรือไง คิดแต่ละอย่าง...ตกลงจะแต่งงานจริงเหรอ” ทว่าพอได้พูดคุยกลับไม่ห่วงพี่สาวสักนิด
คนที่เขาเป็นห่วงน่าจะเป็นว่าที่พี่เขยมากกว่า
“อือ แต่งจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทน”
หลังจากแต่งงานไม่รู้ลาภิศร์จะพบเจออะไรบ้าง เริ่มอยากรู้เสียแล้วสิ...
ภายในห้องนอนของประมุขบ้านวัฒนาพิบูลย์อัดแน่นไปด้วยความทรงจำแสนหวาน ภาพแต่งงานของคู่บ่าวสาวยังแขวนไว้บนผนังให้หวนถึงเสมอ ชายร่างสูงลุกจากเตียงแล้วมายืนเหม่อมองออกข้างนอกหน้าต่าง
ใคร่ครวญถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่ทันเตรียมใจ การแต่งงานของเปรมสินีที่ไม่มีสัญญาณมาก่อน ตนเป็นพ่อยังไม่รู้ว่าลูกสาวรักชอบใคร ทว่าสิ่งที่กังวลมากกว่านั้นคือผู้ชายที่กำลังจะมาเป็นเขยไม่คู่ควรกับเธอสักนิด
คิดไม่ออกเลยว่าอนาคตภายภาคหน้าความรักของคู่นี้จะเป็นอย่างไร
“ยืนคิดอะไรน่ะพี่ปลื้ม” ภรรยาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนเรียบร้อย เห็นอติกานต์ยืนเหม่อก็ถามนึกเป็นห่วง
“ลูกจะแต่งงาน...ปิ๊มเพิ่งยี่สิบห้าเองนะต่าย พี่ยังไม่พร้อมให้ลูกออกจากบ้านเราไปบ้านคนอื่นหรอก พี่ไม่ไว้ใจ” เขาระบายความอัดอั้นให้หล่อนฟังในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย อยากเปลี่ยนคำเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็กลัวเสียผู้ใหญ่
“ตั้งยี่สิบห้าต่างหาก ตอนต่ายแต่งงานกับพี่ก็อายุประมาณนี้ลืมหรือไง” เตือนความจำให้เขาได้คิดอีกรอบ แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะยึดมั่นในความคิดของตัวเอง พร้อมถอนหายใจก่อนนั่งลงที่เก้าอี้ปลายเตียง
“พี่ทำใจไม่ได้นี่น่า แล้วดูว่าที่เจ้าบ่าวสิ...คิดแล้วเครียด” กุมขมับทันทีเพียงแค่คิดถึงลาภิศร์ที่ดูเหมือนจะฝากฝังบุตรสาวไว้ด้วยไม่ได้
ถ้าเป็นคนอื่นที่ดูพึ่งพาได้เขาคงไม่ต้องมาเครียดแบบนี้หรอก
“ลูกตัดสินใจแล้ว ต่อจากนี้เราก็แค่เชื่อใจและคอยสนับสนุนก็พอ ยังไงเราก็เป็นพ่อแม่ถ้าลูกมีเรื่องไม่สบายใจหรือทุกข์ใจก็ต้องมาหาเราอยู่แล้ว พี่อย่าคิดมากเลย” เดินมานั่งเคียงข้างร่างหนาแล้วจับมือเขาไว้ พยายามปลอบปะโลมไม่ให้อีกฝ่ายคิดมากจนเกินไป
“พี่ไม่พร้อม”
“กลายเป็นคุณพ่อหวงลูกไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนที่เห็นลูกเขยเนี่ยแหละ เด็กแว๊นที่ถูกสปอยล์จนเสียคน...แล้วแบบนี้จะดูแลลูกสาวเราได้ยังไง” ยิ่งคิดถึงลาภิศร์ก็นึกปวดหัวขึ้นมาครามครัน
“ไปว่าเขา ต้นก็ดูเป็นคนดีนะ ต่ายคิดว่าเขาต้องดูแลลูกเราได้” พยายามโน้มน้าวให้สามีเปลี่ยนใจหันมามองอีกฝ่ายในทางที่ดีบ้าง แต่เหมือนสามีจะปิดกั้นการรับรู้ในฉับพลัน จนนางจำต้องคว้ามือหนาให้ลุกยืนแล้วเดินไปยังเตียงกว้าง
“นอนเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว” เขาจำต้องทำตามความต้องการของคู่ชีวิต เข้านอนเพื่อไม่ให้หมกมุ่นกับเรื่องนี้มากจนเกินไป อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนั่นแหละ พยายามปลอบตัวเองไม่ให้คิดมากไปกว่านี้
“พี่ไม่เห็นด้วย”
ประกาศก้องกลับมาจากที่ทำงานแล้วเข้าห้องของน้องสาวเพื่อคุยเรื่องสำคัญ ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้เอ่ยอะไรสักคำ พี่ชายก็บอกอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าขึงขัง ความหวงน้องสาวมันอยู่ในสายเลือด ความจริงเขาไม่ห่วงเปรมสินีเท่าปีย์วรา
แต่พอรู้ว่าใครคือเจ้าบ่าวยิ่งทำให้อยากขัดขวางงานแต่งครั้งนี้ เขาไม่อยากให้น้องไปร่วมหัวจมท้ายกับชายที่ไม่มีอนาคต
“เรื่อง” ผินหน้าออกจากสี่เหลี่ยมจอใหญ่เพื่อคุยกับพี่ชาย
“เรื่องที่เราจะแต่งงาน พี่ไม่เห็นด้วย” ยืนกรานเสียงหนักแน่นพลางจ้องดวงหน้าหวานของน้องสาวจอมแก่นที่เขาไม่เคยนึกห่วงหล่อนเลยสักครั้ง เพราะรู้ดีว่าเปรมสินีเป็นคนเก่ง สามารถดูแลตัวเองได้ ทว่าเรื่องนี้ต่างออกไป
“ไม่ได้ขอให้เห็นด้วย ป๊ากับแม่ยอมรับแล้วก็จบ ปิ๊มไม่ได้ขอความเห็นจากพี่ป้องสักหน่อย” หมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้ากับพี่ชาย เธอกล่าวอย่างไม่ยี่หระและไม่สนใจในความหวังดีของป้อมปราการที่มีให้ตนเอง
“ไอ้ต้นมันเจ้าชู้ ไม่เอาอ่าว ดีแต่เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ” พูดถึงนิสัยของว่าที่เจ้าบ่าวตามความคิดเห็นของตัวเอง
มีอย่างที่ไหนเรียนจบกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยทำการทำงาน เอาแต่เล่นสนุกกับบรรดาลูกน้อง เขาไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเหมาะสมกับน้องสาวของตนตรงไหน
“ไม่เป็นไร ปิ๊มมีงานมีเงินมีมรดก สามารถเลี้ยงเขาได้สบาย เดี๋ยวปิ๊มจะดูแลเขาเอง” คราวนี้ร่างบางลุกยืนพลางบอกถึงความคิดของตัวเองบ้าง จนชายหนุ่มถึงกับหัวร้อนเรียกชื่อน้องเพื่อเตือนสติ อยากให้ไตร่ตรองมากกว่านี้
“ปิ่มปิ๊ม”
“พี่ไม่เชื่อในตัวน้องสาวคนนี้เหรอ ปิ๊มเคยให้คนอื่นรังแกหรือไง” เข้ามาจับมือหนาแล้วถามเสียงอ้อน จนป้อมปราการต้องกลับมาคิดกับตัวเองแล้วจ้องหน้าน้องสาวนิ่งเหมือนต้องการใช้ความคิด ถึงจะค้านหัวชนฝาอย่างไรงานแต่งก็คงเกิดขึ้นอยู่ดี
สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือสังเกตการณ์...
“เฮ้อ มันทำอะไรให้ไม่สบายใจบอกพี่นะ”
“ค่ะ” เผยรอยยิ้มกว้างแล้วตรงเข้ากอดพี่ชายทันที ทุกคนยอมตามใจลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้านวัฒนาพิบูลย์ทุกอย่าง หวังว่าชีวิตคู่ของหล่อนจะเปี่ยมไปด้วยความสุข ไม่อย่างนั้นไม่ปล่อยลาภิศร์ให้อยู่โดยสุขสบายแน่!
เมื่อได้ฤกษ์ดีก็รีบเข้ามาคุยกับครอบครัววัฒนาพิบูลย์ ฝ่ายชายพูดถึงสินสอดที่แทบจะเอามากองตรงหน้า ไหนจะเงิน ทองและที่ดินจนอติกานต์ต้องเอ่ยปฏิเสธในบางอย่าง กลัวคนอื่นมองว่าขายลูกกินทั้งที่ตนก็มีทรัพย์สินมากมาย
การพูดคุยเป็นไปด้วยดี ฝ่ายเจ้าสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กอดแขนเจ้าบ่าวของตนตลอดเวลา ผิดจากลาภิศร์ที่นั่งหน้าเศร้าและพยายามหลบตาพี่ชายทั้งสองคนของหล่อน ไหนจะนึกกลัวความเคร่งขรึมของพ่อตามองเขาราวกับจะฆ่าแกง
จนอยากรีบออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด
ถึงวันลองชุดแต่งงานก็โดนมารดาบังคับให้ไปรับหญิงสาวถึงหน้าบ้าน ค่อยพามาร้านเวดดิ้งขนาดใหญ่ในตัวจังหวัด
“น้องปิ๊มชอบไหม หนูอยากได้ชุดไหนบอกแม่เลยนะ” เพียงก้าวเข้ามาในร้านพนักงานทุกคนก็ให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี กนกวดีเดินเคียงข้างลูกสะใภ้พลางเอ่ยอย่างใจกว้างโดยมีลูกชายตามข้างหลัง พลางทำสีหน้าล้อเลียนไม่หยุด
“แม่กิ่งเลือกชุดไหนหนูก็ชอบหมดเลยค่ะ” หล่อนกอดแขนท่านอย่างออดอ้อน
“ลูกสาวแม่” กลายเป็นว่าลูกชายถูกลืมไปโดยปริยาย
พวกเขามานั่งเลือกชุดผ่านทางอัลบั้มของทางร้าน หากถูกใจชุดใดก็สามารถลองเพื่อปรับขนาดให้เข้ากับตัวเองได้ โดยที่สองสาวช่วยกันเลือกไม่ถามเจ้าบ่าวเลยสักคำ
“หนูขอการ์ดแต่งงานสักซองได้ไหมคะ จะเอาไปให้เพื่อนสนิทค่ะ”
“ได้สิลูก เอาไปเยอะๆ เลย” เอาใจลูกสะใภ้จนเธอยิ้มกว้างมีความสุข นั่งเลือกของชำร่วยช่วยคุณกนกวดีแล้วผินหน้ามองเจ้าบ่าวของตนซึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายกำลังเบื่อหน่าย จนเธอนึกสนุกรีบฟ้องคนอายุมากกว่า
“แม่คะ ต้นทำหน้าบึ้งใส่หนูค่ะ”
“อะไร ยังไม่...” เขาถึงกับรีบแก้ตัวกลัวว่ามารดาจะบ่นชุดใหญ่
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิ ยิ้มน่ะทำเป็นไหม ยิ้ม” เห็นไหมล่ะ เข้าข้างลูกสะใภ้คนโปรดแล้วถีบหัวส่งเขาทันที
“ครับ ยิ้มครับ ดีใจได้แต่งงาน”
เป็นการแต่งงานที่เขาไม่มีความสุขเลยสักนิด!