[ตอนที่ 3 คนเราน่ากลัวกว่าเยอะ]
“ว่าแต่เธอชื่ออะไร” วายุถามขึ้นหลังจากที่เขารู้สึกว่าตัวเองต้องการรู้จักผู้หญิงคนนี้ให้มากกว่านี้
“หนูชื่อยี่หวาค่ะ แล้วพี่ล่ะคะชื่ออะไร”
“ฉันวายุ”
“งั้นหนูขอเรียกว่าพี่วายุได้ไหม” ยี่หวาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้คุยกับคนแปลกหน้าอย่างจริงจัง
“ตามสบายเลย” ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ จะเรียกเขาว่าอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น เพราะเธอเป็นถึงผู้มีพระคุณของเขา อีกอย่างอายุเธอกับเขาน่าจะห่างกันเกือบสิบปี เธอไม่เรียกเขาว่าลุงก็ดีขนาดไหนแล้ว
“ถ้าเกิดว่าพี่วายุรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว รีบโทรบอกให้คนที่บ้านมารับเถอะนะคะ” ยี่หวาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ก็รีบพูดขึ้นด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนอีกครั้ง “เอ่อ...หนูไม่ได้ตั้งใจที่จะไล่พี่นะ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้วจริงๆ”
วายุขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ตอนนี้กี่โมง”
“สองทุ่มกว่าแล้วค่ะ”
“หืม?”
คงเป็นเพราะห้องนี้เป็นห้องปิดตายไม่มีแม้แต่แสงไฟใดๆ ทำให้ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าเวลาตอนนี้จะดึกมากแล้วอย่างที่เธอบอกจริงๆ เขาเลยรีบหยิบโทรศัพท์เธอแล้วกดเบอร์โทรหาน้องชายทันที
“ฉันเอง หาสัญญาณจากเครื่องนี้” วายุเขาพูดจบก็กดวางสายทันที โดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดตอบกลับอะไรเลย จากนั้นก็หันมาคุยกับหญิงสาวต่อ “ป่านนี้ที่บ้านเธอจะไม่เป็นห่วงแย่เหรอ”
ยี่หวาพึมพำออกมาเบาๆ “ถ้าพวกเขาเป็นห่วงจริงๆ ก็ดีสิ” แต่พอเห็นว่าชายหนุ่มทำหน้าสงสัย ก็เลยไอกลบเกลื่อนสองทีก่อนจะพูดเสียงดังว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ถ้าพี่กลับไปก็อย่าลืมไปหาหมออีกทีนะคะ เพราะบางทีอาจจะมีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่ก็ได้”
“โอเค เดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเดินกลับเองได้ บ้านหนูห่างจากที่นี่นิดเดียวจริงๆ ค่ะ” เพราะถ้าคนที่บ้านเห็นว่ามีคนมาส่งเธอที่หน้าบ้าน มีหวังเธอได้โดนไล่ออกจากบ้านอีกแน่เลย ยิ่งวันนี้เธอไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย ไม่รู้ว่าน้องสาวจะฟ้องคนที่บ้านแล้วหรือเปล่า
“แต่มันดึกแล้ว เป็นผู้หญิงเดินคนเดียวตอนกลางคืนอันตราย”
เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเป็นห่วงเธอนอกจากแม่นม…
“หนูเดินบ่อย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ งั้นเราขึ้นไปข้างบนกันดีกว่าค่ะ ป่านนี้คนที่บ้านพี่คงมาถึงแถวนี้แล้ว เพราะห้องนี้อยู่ชั้นใต้ดินก็เลยอาจจะหาสัญญาณได้ไม่ละเอียดนัก”
“อืม” ชายหนุ่มได้แต่ตอบรับคำของหญิงสาวไปก่อน ถึงเวลาค่อยพูดอีกทีแล้วกัน เพราะดูแล้วผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นพวกถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงได้
ยี่หวาดับเทียนที่ตะเกียงทำให้ห้องนี้มืดสนิท จากนั้นก็เปิดไฟฉายในโทรศัพท์มือถือแล้วเดินนำชายหนุ่มออกไป
“ระวังนะคะ ทางเดินค่อนข้างลำบาก”
วายุไม่ตอบอะไร ได้แต่เดินตามหญิงสาวไปอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าห้องนี้จะอยู่ชั้นใต้ดินจริงๆ เพราะพอผลักประตูออกไปก็เจอกับบันไดขึ้นข้างบน แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คงจะเป็นบ้านร้างหลังนี้…
จริงดิ?
ก่อนหน้านี้เขากำลังนอนอยู่ชั้นใต้ดินของบ้านร้างหลังนี้จริงๆ เหรอ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตามหาเขาไม่เจอ เพราะถ้าเป็นคนปกติคงไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้แน่
รอบตัวบ้านมีแต่ใบไม้แห้งๆ เต็มพื้นไปหมด ประตูรั้วเหล็กที่ผุพังเพราะสนิมทั่วแทบทั้งบ้าน หน้าต่างส่วนใหญ่แตกละเอียด มีแต่ความมืดเข้าปกคลุม ไม่มีแม้แต่แสงไฟใดๆ ในซอยบ้านหลังนี้
อย่างกับว่าที่นี่คือบ้านผีสิง…
ผู้หญิงคนนี้กล้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันจะเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเธอจริงๆ เหรอ เรื่องที่เธอเจอมันต้องเลวร้ายขนาดไหน ถึงได้มองว่าที่นี่ปลอดภัย
“เธอไม่กลัวเหรอ”
ยี่หวารู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มตรงหน้าหมายความว่ายังไง จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “คนเราน่ากลัวกว่าเยอะค่ะ”