บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ขับไล่

“พวกเจ้าจะยอมออกไปดี ๆ หรือว่าต้องเจ็บตัวก่อน”

บุรุษร่างสูงใบหน้าเหี้ยมเกรียมนับสิบคนใช้ไม้ตีเข้าไปที่แจกันใหญ่ในร้านขายแป้งชาดแห่งหนึ่งจนแจกันแตกกระจาย

ข้าวของในร้านพังเสียหายยับเยิน หญิงชราในอาภรณ์สีม่วงอ่อนร่ำไห้พร้อมกับกอดร่างของแม่นางน้อยที่มีอายุราวสิบหกปีเอาไว้แน่น

บุรุษในอาภรณ์ผ้าไหมสีดำอายุราวสามสิบกว่าผู้หนึ่งถูกทำร้ายนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ศีรษะของเขายังมีเลือดไหลออกมาคาดว่าบริเวณนั้นคงถูกตีจนแตกร้าว

แต่เขากลับยังไม่ตายและยังมีสติ

“อย่าทำท่านแม่ของข้า อย่าทำร้ายบุตรสาวของข้า ข้าขอร้องพวกท่าน ปล่อยพวกนางไปเถิด”

แม้จะลุกขึ้นอ้อนวอนเขาก็ไม่อาจลุกขึ้นไหว ได้แต่เปล่งเสียงแหบแห้งขอร้องคนพวกนั้น

เสียงหัวเราะขบขันของคนผู้หนึ่งพลันดังขึ้น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าเถ้าแก่ซวงจะยอมนอนราบไปกับพื้นเพื่ออ้อนวอนข้าผู้นี้”

บุรุษร่างสูงในอาภรณ์ไหมสีเทาแกมดำโผล่ใบหน้าขาวผ่องของเขาออกมาจากความมืด

คนผู้นี้ในยามปกติเถ้าแก่ซวงย่อมมองว่าเขาคือบุรุษรูปงาม ทว่าบัดนี้เขากลับรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับพญามัจจุราชที่กำลังจะมาพรากชีวิตของตน

เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งแต่เดิมล้มลงไปบนพื้นถูกบ่าวของบุรุษผู้นั้นยกขึ้นมาพร้อมกับปัดฝุ่นออกจนสะอาด

บุรุษร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้นั้น ข้างกายของเขามีผู้คุ้มกันที่วรยุทธ์หาผู้ใดเปรียบใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาท่าทางดุดันนามซูมิ่งติดตามไม่ห่าง

เหวินเฟยเทียนวางแขนทั้งสองข้างลงบนหน้าขาของตนเองแล้วโน้มกายลงมาบุรุษผู้นั้นที่นอนอยู่บนพื้นเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

“ว่าอย่างไรเล่า เถ้าแก่ซวง ตามสัญญาที่ท่านลงลายมือชื่อในการกู้ยืมเงินจากข้า ยามนี้ท่านยังไม่คืนให้ข้าแม้แต่อีแปะเดียว เช่นนี้ร้านของท่านก็ต้องตกเป็นของข้าตามสัญญาแล้ว ยังดื้อรั้นไม่ยอมย้ายออก จะให้ข้าทำเช่นไรอีก”

เด็กสาวผู้ที่กำลังกอดหญิงชราไว้ได้ยินดังนั้นถึงกับกระโดดออกมาถ่มน้ำลายรดใบหน้าของเขา ทั้งร้องไห้ทั้งชี้หน้าด่าเขาด้วยความโกรธแค้น

“ถุ้ย เหวินเฟยเทียน หากเจ้าไม่บีบคั้นท่านพ่อของข้า คิดดอกเบี้ยสูงเช่นนั้นท่านพ่อของข้าก็ยังมีทางออก แต่เป็นเพราะเจ้าให้เวลาที่น้อย ยังคิดดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ผู้ใดจะหาเงินมาให้เจ้าได้ทัน เจ้ามันคนหน้าเนื้อใจเสือ คนสารเลว”

เหวินเฟยเทียนดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าของตนเอง เขาลุกขึ้นแล้วจ้องหน้าของเด็กสาวด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม

เด็กสาวถอยหลังช้า ๆ ด้วยความหวาดกลัว

“จะ เจ้าคิดจะทำอะไร”

“กลัวด้วยหรือ ข้าเหวินเฟยเทียนมีสิ่งใดน่ากลัวกัน”

สาวน้อยคิดวิ่งหลบหนีทว่าช้ากว่ามือของเหวินเฟยเทียนไปมาก เขาคว้าลำคอหมับเข้าที่ลำคอของเด็กสาวแล้วออกแรงบีบไม่หนักไม่เบา

แต่นั่นก็เพียงพอให้เด็กสาวรู้สึกหายใจลำบาก นางหวาดกลัวจนร่างกายแข็งค้างไม่กล้าแม้แต่จะขยับ

“ไม่ปากเก่งแล้วหรือ เจ้าหาว่าข้าชั่วช้าหรือ อืม ก็ถูก แต่ว่าเรื่องราวย่อมมีเหตุผล ข้าอยู่ของข้าดี ๆ เป็นบิดาของเจ้ามิใช่หรือที่วิ่งมาคุกเข่าขอความช่วยเหลือทั้งยังตกปากยอมรับดอกเบี้ยที่ข้าเสนอ อ้ะ เขาว่าอย่างไรนะ ซูมิ่งเจ้าลองกล่าวทบทวนให้นางฟังหน่อยสิ”

ซูมิ่งกล่าวช้า ๆ น้ำเสียงราบเรียบยิ่ง

“เขาบอกว่าขอเพียงยอมให้เขายืมเงิน ไม่ว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่เขายินดีหามาให้ขอรับ”

“หึ ได้ยินหรือไม่ เขายังยินดีจ่ายดอกเบี้ยด้วยตัวเอง ข้ามิได้ขู่บังคับเขาแม้แต่น้อย”

สาวน้อยน้ำตาไหลพราก นางไม่ยอมแพ้

“เหวินเฟยเทียนเป็นเจ้าที่กดดันท่านพ่อ เหวินเฟยเทียนเจ้ามันสารเลว”

แรงบีบของเหวินเฟยเทียนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเด็กสาวถูกรัดที่ลำคอแน่นขึ้นลมหายใจก็ติดขัด ดวงตาเหลือกถลน สองมือน้อยจับมือของเหวินเฟยเทียนเอาไว้แล้วพยายามดึงมือของเขาออก ทั้งร้องให้เขาปล่อยตน

“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ”

ท่านย่าของนางกรีดร้อง คิดเข้ามาช่วยหลานสาวแต่กลับถูกซูมิ่งตีเข้าที่จุดสลบของผู้ชรา ทำให้นางหมดสติไปทันใด

บุรุษผู้นั้นพยายามลุกขึ้นลากสังขารที่ถูกตีจนขาทั้งสองข้างหักทั้งดิ้นรนไปช่วยบุตรสาว

“นายท่าน ได้โปรด ปล่อยบุตรสาวของข้า ปล่อยนางเถิด ได้โปรด”

“ข้าไม่คิดจะทำอะไรนางสักหน่อย ท่านตระหนกเกินไปแล้ว”

เหวินเฟยเทียนปล่อยร่างของเด็กสาว เข่าของเด็กน้อยทรุดลงทันใด บิดารีบเอ่ยถาม

“เจ้าเจ็บหรือไม่ เจ็บหรือไม่”

เด็กสาวตัวสั่น ร้องไห้อย่างน่าเวทนาถูกเหวินเฟยเทียนบีบคอเช่นนั้นทำให้นางขวัญเสียและหวาดกลัว

“ทะ ท่านพ่อ ท่านย่า ฮือ ฮือ”

เหวินเฟยเทียนหัวเราะหยัน

“ไม่ต้องห่วง ท่านย่าของเจ้ายังสบายดี ข้าเหวินเฟยเทียนเป็นผู้ใจบุญย่อมไม่ทำร้ายคนชรา แต่หากโดนบีบคั้นก็อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจ”

สายตาเย็นเยียบจ้องมองมายังเถ้าแก่ซวง เขาไร้หนทางต่อสู้แล้ว หากยังดึงดันต่อไปเขาอาจจะปกป้องครอบครัวเอาไว้ไม่ได้

“เช่นนั้นข้ายอมแล้ว ยกให้ท่าน ยกร้านนี้ให้ท่านตามสัญญา ขอเพียงท่านยอมปล่อยพวกเราไป”

“เถ้าแก่ซวง ข้าคงปล่อยท่านไม่ได้ เพราะดอกเบี้ยยามนี้เกินราคาของร้านนี้แล้ว เช่นนั้นเอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ร้านนี้เป็นของข้า ท่านเองก็เป็นคนของข้า ทำงานใช้หนี้ที่ติดค้างจนกว่าจะครบ เช่นนั้นท่านจึงจะไปได้”

“นี่ท่านจะไม่คิดให้ข้าลืมตาอ้าปากเลยหรือ”

เถ้าแก่ซวงย่อมมีทางรอดให้ตนเอง เขายังมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ต่างเมือง คิดจะไปอาศัยอยู่ที่นั่นแล้วหาทางทำมาหากินอีกครา ทว่าบัดนี้กลับถูกเหวินเฟยเทียนรั้งเอาไว้เพื่อทำงานให้ตน

เขามองใบหน้าที่หวาดกลัวของบุตรสาว มองมารดาชราที่ถูกทำร้าย และตนเองในตอนนี้ก็ยังถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเพียงนี้ เขาไม่อาจหนีรอดไปที่ใดได้ สุดท้ายจึงยอมจำนนแต่โดยดี

“ก็ได้ เช่นนั้นข้าก็คือคนของท่านแล้ว”

เหวินเฟยเทียนหัวเราะชอบใจ

“เถ้าแก่ซวง หากท่านยินยอมตั้งแต่แรกก็คงไม่มีผู้ใดตกใจแล้ว เฮ้ย สาวน้อยเรื่องนี้เจ้าต้องโทษบิดาของเจ้า ไม่อาจโทษข้าได้จำไว้”

เถ้าแก่ซวงร่ำไห้

“ใช่แล้ว เรื่องนี้เป็นพ่อเองที่ผิด เป็นพ่อเอง”

เหวินเฟยเทียนสะบัดพัดที่อยู่ในมือให้คลี่ออกแล้วโบกเบา ๆ

“ท่านกลายเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ แล้วสินะ เช่นนี้ก็ดี ข้าให้เวลาท่านอีกเจ็ดวัน หลังจากนี้ข้าจะส่งผู้แทนของข้ามารับมอบร้านค้าจากท่านและกำหนดเงินเดือนให้ท่านดีหรือไม่”

“ได้ขอรับ ข้าน้อยยินดี”

เถ้าแก่ซวงเอ่ยด้วยน้ำตา ร้านแป้งชาดนี้เป็นร้านที่ท่านย่าของเขาเป็นคนริเริ่มก่อตั้งขึ้นมา บัดนี้ส่งผ่านมาถึงรุ่นของเขากลับต้องมาพังทลายลงในมือตนเช่นนี้ทำให้เขาหัวใจแทบสลาย

แต่เขายังมีบุตรสาวและท่านแม่ที่แก่ชรา เขาไม่อาจฆ่าตัวตายและทิ้งคนทั้งสองเอาไว้เบื้องหลังได้

เหวินเฟยเทียนยิ้มกริ่ม พอใจเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่เถ้าแก่ซวงยอมแพ้

“ว่าง่าย ๆแบบนี้ ข้าก็คงไม่ลงมือ เฮ้ย ไปกันเถิดซูมิ่ง ข้าอยากดื่มสุราเหมาไถร้อนแรงสักไหเพื่อแสดงความยินดีที่ได้ร่วมงานกับเถ้าแก่ซวงในครานี้”

“ขอรับ”

ทหารจากหน่วยพิทักษ์ราษฎรได้รับแจ้งเหตุว่ามีการทำร้ายคนที่ร้านขายแป้งชาดของเถ้าแก่ซวงจากชาวบ้านผู้หวังดี พวกเขาต่างไม่รอช้ารีบรุดมาช่วยเหลือ ทว่าช้าเกินไปเสียแล้วเพราะเมื่อมาถึงร้านขายแป้งชาดแห่งนี้ก็พังยับเยินไปแล้ว

“จับพวกมันไปให้หมด”

หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ราษฎรซึ่งเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำเอ่ยขึ้น คนของหน่วยพิทักษ์จึงจับกุมบุรุษที่มาหาเรื่องเหล่านั้นโดยที่พวกเขามิได้ขัดขืน

ทว่าเมื่อหัวหน้าหน่วยเห็นเหวินเฟยเทียนเดินออกมา เขากลับเอ่ยว่า

“เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องกับหน่วยของเรา ปล่อยคนให้หมด”

เหวินเฟยเทียนประสานมือค้อมกายให้กับหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ผู้นั้น แน่นอนว่าย่อมเป็นคนที่เขาซื้อเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

ชาวบ้านที่มามุงดูอยู่ห่าง ๆ ล้วนประจักษ์ด้วยสายตาของตนเอง

ไม่ใช่เพียงเถ้าแก่ซวงเท่านั้นที่ถูกเหวินเฟยเทียนทำร้าย ก่อนหน้านี้ยังมีลูกหนี้ของเขาอีกหลายรายที่หาเงินมาใช้หนี้ให้เขาไม่ทันสุดท้ายต้องยอมยกร้านให้เขาเพื่อใช้หนี้เช่นนี้

เหวินเฟยเทียนจึงนับเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยชื่อเสียงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้าที่ฉลาดเป็นกรด ด้านรูปโฉมเหนือสามัญ และความเป็นคนใจคอคับแคบเห็นเพียงผลประโยชน์ของตนเอง

คฤหาสน์เฟยเทียน

เฉินลี่จูในร่างเปลือยกำลังนวดคลึงผ่อนคลายไหล่ที่แข็งเกร็งให้กับเหวินเฟยเทียนอยู่บนเตียงภายในเรือนนอน ในยามที่มือนุ่มนิ่มของนางสัมผัสทำให้ความรู้สึกเคร่งเครียดที่ผ่านมาตลอดทั้งวันหายไปในพริบตา

“นายท่านเรื่องเถ้าแก่ซวงไยต้องลงมือหนักเช่นนั้นเจ้าคะ”

เหวินเฟยเทียนได้ยินชื่อของคนผู้นี้คล้ายจะอารมณ์เสียเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม

“หากข้าไม่ทำเช่นนี้ทั้งแม่และบุตรสาวของเขาคงได้ตรอมใจตายไปแล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าเขากู้เงินข้าไปทำสิ่งใด”

เฉินลี่จูส่ายหน้า เหวินเฟยเทียนจับมือของนางแล้วดึงมาให้นั่งตักตนเอง

เฉินลี่จูเอนกายซบอกของเขาแล้วปล่อยให้มือซุกซนข้างหนึ่งลูบไล้เต้าถันของนางในขณะที่มือเรียวอีกข้างไล้ต่ำลงไปสัมผัสกลีบเกสรเบา ๆ

“อื้อ นายท่านบอกข้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ อย่าเพิ่งทำเช่นนี้”

นางรู้สึกเสียวสยิวไปทั้งร่างจนขนกายลุกชัน

“เขามิได้กู้เงินไปใช้ในกิจการแต่อย่างใด แต่เขานำเงินไปเล่นพนัน คนผู้นั้นผีพนันเข้าสิงจนเกือบจะขายบุตรสาวกินแล้ว คนเช่นนั้นไม่สมควรถูกตีหรือ”

จมูกของเขาซุกไซร้ลงมาสัมผัสที่เนื้ออ่อนตรงซอกคอ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าออกมาเบาแล้วนางก็สัมผัสได้ถึงปลายลิ้นนุ่มที่ลามเลีย

อารมณ์ของเฉินลี่จูถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยพลัน แท่งหยกของเขาที่นางนั่งทับอยู่เริ่มแข็งชันกระทั่งแทงร่องก้นขาว

ยามนั้นที่เขายกร่างของนางขึ้นเล็กน้อยแล้วกดลงมาบนแท่งหยกขนาดใหญ่ เฉินลี่จูถูกจับให้อ้าขาออกกว้างกระทั่งกลีบเนื้อสองข้างของนางคาบแท่งหยกเอาไว้ตรงกลาง

“อ้ะ ซี้ด”

“จูเอ๋อร์คนดีพวกเราเลิกคุยถึงตาแก่ผู้นั้นเถิด ข้าหิวเจ้าอีกแล้วให้ข้ากินเจ้าอีกสักทีเถิด”

ระหว่างเอ่ยคำนี้ริมฝีปากของเขาก็กำลังครอบครองเต้าถันของนางอย่างเอร็ดอร่อย

“อื้อ นายท่านเจ้าขาเลียตรงนี้จูเอ๋อร์เสียวยิ่งนัก”

ดวงตาของเฉินลี่จูพร่ามัวแล้ว ยิ่งยามเขาตวัดปลายลิ้นรัวตรงยอดอกยิ่งทำให้นางเริ่มจะทนไม่ไหว ต้องการให้เขารุกเข้ามาภายในร่างของนางเสียที

“หากอยากเสียวกว่านี้ก็ขยับกลีบของเจ้าสิ ให้มันถูเข้ากับแก่นเนื้อของข้า น้ำหวานที่ไหลออกมาทำให้แท่งหยกของข้าฉ่ำแฉะทั้งลื่นไปทั่วลำ ยามที่เจ้าขยับรับรองว่าเจ้าจะเสียวจนอยากจะปลดปล่อยออกมา”

เขาสั่งนางเสียงแหบพร่าในยามที่ตะโบมจุมพิตที่เต้านมสลับไปมา

เฉินลี่จูเสียวสะท้าน จ้องมองกลีบดอกไม้สีแดงฉ่ำของตนที่บัดนี้เปียกชื้นกำลังคาบแท่งหยกสีแดงใหญ่อยู่ตรงกลาง จากนั้นจึงเริ่มขยับถูไถกลีบเนื้อเข้ากับแท่งหยกนั้นทั้งกดให้แนบชิดขึ้นลง พร้อมกับเปล่งเสียงครางหวานแผ่ว

“อื้อ เสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ อื้อ ดียิ่งนัก”

นางครางไปถูไถติ่งเสียวให้ครูดไปกับแท่งลำไม่หยุด ภายในร่องรักเต้นตุบ ๆ ด้วยความเสียวซ่านน้ำหวานไหลเยิ้มออกมาอาบไปรอบแท่งยาว

บัดนี้คนทั้งสองต่างลืมเลือนเรื่องของผู้อื่นไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้เสียงของตะเกียงพายุในเรือนนอน สองร่างเปลือยต่างผลัดกันเป็นฝ่ายควบคุมร่างกายของกันและกันพร้อมด้วยเสียงครางที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel