บทที่ 11 นางย่อมไม่คิดไปที่ใด
เฉินลี่จูพยักหน้า
“เจ้าค่ะ เป็นข้าเอง”
เมื่อรู้ว่านางเป็นผู้ใด เขาเองก็ไม่อาจเสียมารยาทได้ สีหน้าของเขาคลายความตึงเครียดลงมาทันใด ก่อนจะยิ้มให้นางแล้วเอ่ยว่า
“ข้าเสียมารยาทแล้ว จะเป็นไรหรือไม่หากจะเชิญแม่นางดื่มชาสักจอกเพื่อขออภัย”
ที่ข้างกายเขามีโต๊ะเล็กวางอยู่พร้อมกับตั่งเตี้ยที่ปูด้วยเบาะนุ่มสองอัน
เฉินลี่จูตอบรับ เขาเชื้อเชิญให้นางนั่งก่อนที่จะวางพู่กันลง
บ่าวนำน้ำมาให้เขาล้างมือ ป๋อไฉไม่กล่าวมากความเขาตั้งอกตั้งใจชงชาด้วยความชำนาญ สีหน้าดูสงบราวผู้ปฏิบัติธรรมคล้ายตัดทางโลกอย่างสิ้นเชิงราวกับเทพเซียนตัวจริง
เฉินลี่จูสบตาเขาและอมยิ้ม มุมปากของป๋อไฉก็ยกโค้งขึ้นเช่นกันก่อนที่จะรินชาให้นาง
เฉินลี่จูเป่าชาร้อนในถ้วยให้เย็นลงก่อนจะยกขึ้นดื่ม หลังจากเอ่ยชมฝีมือชงชาแล้วจึงเริ่มบทสนทนาเรื่องงาน
“ชุดเครื่องประดับที่ท่านคิดลวดลายถูกใจลูกค้ายิ่ง ทำให้ยอดขายของหอไข่มุกเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว ลี่จูจึงมาขอบคุณท่านด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
“เป็นหน้าที่ของข้า ข้ารับเงินเดือนจากคุณชายเหวิน อย่างไรก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม่นางเกรงใจไปแล้ว”
เฉินลี่จูอ้าปากจะเอ่ยอีกคำ ป๋อไฉจึงเอ่ยว่า
“คุณหนูเฉินช่วยนั่ง เป็นเพื่อนข้าสักครู่ได้หรือไม่ ชาวันนี้คงต้องรบกวนคุณหนูดื่มต่อไปเรื่อย ๆ แล้ว หากคุณหนูไม่คิดว่าเป็นเรื่องลำบากใจ”
เฉินลี่จูนั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ บุรุษเบื้องหน้ายังหล่อเหลาเหมือนเทพเซียน ทิวทัศน์งดงามคล้ายอยู่ในแดนสวรรค์ นางเองก็อยากอยู่ตรงนี้นานอีกสักหน่อยเช่นกัน
“ชีวิตของข้าในแต่ละวันล้วนวุ่นวายยิ่งนัก ได้อยู่เงียบ ๆ เช่นนี้กลับยินดียิ่งเจ้าค่ะ”
“เพราะใต้ตาของแม่นางค่อนข้างคล้ำ ข้าจึงพอเดาออกว่าท่านเหน็ดเหนื่อยเพียง จึงได้เอ่ยปากชวนเช่นนี้ อย่าคิดว่าข้าเสียมารยาทเลย”
“ขอบคุณคุณชายป๋อเจ้าค่ะ แม้เพิ่งจะพบกันทว่าคุณชายป๋อกลับใส่ใจข้ายิ่งนัก”
“อย่างไรก็เป็นสหายที่ต้องร่วมงานมิใช่หรือ วันนี้นอกจากมาเพื่อทักทายข้าคุณหนูเฉินคงมีเรื่องอื่นกระมัง”
เฉินลี่จูพยักหน้า
“ข้าต้องการส่งเครื่องประดับให้คุณหนูผู้อื่นสองคน จึงอยากให้ท่านคิดลวดลายเครื่องประดับสักสองชิ้นเพื่อนางทั้งสองคนนี้ นี่เป็นรายละเอียดนิสัยและความชอบของคุณหนูทั้งสองเจ้าค่ะ”
เขารับกระดาษแผ่นหนึ่งที่เฉินลี่จูดึงออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้เขา จากนั้นจึงดูคร่าว ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองนาง
“ไยจึงต้องเป็นคุณหนูสองคนนี้”
“คนทั้งสองนับเป็นผู้มีอิทธิพลต่อความคิดของคุณหนูผู้อื่น พวกนางมักได้รับเทียบเชิญจากจวนต่าง ๆ อยู่เสมอ นับว่าเป็นสตรีที่ได้รับความนิยมยิ่ง ดังนั้นไม่ว่านางจะสวมใส่สิ่งใด ไม่นานคุณหนูจวนอื่นล้วนทำตาม เช่นนั้นข้าจึงอยากมอบของขวัญที่เหมาะสมให้นางเจ้าค่ะ”
ป๋อไฉพยักหน้า
“ข้าเข้าใจแล้ว คุณหนูเฉินช่างมีความคิดเฉียบแหลมนัก เช่นนั้นจะทำอย่างสุดความสามารถ”
“ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ”
เขาผายมือแล้วเอ่ยต่อ
“หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว เช่นนั้นก็เชิญคุณหนูเฉินพักผ่อนตามสบายเถิด ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”
เขากล่าวจบก็หันไปสั่งสาวใช้
“เจ้าไปนำขนมของว่างมารับรองคุณหนูเฉิน”
บ่าวรับใช้รับคำ ป๋อไฉจึงหันไปวาดภาพต่อ โดยไม่สนใจที่จะสนทนากับนางอีก
เฉินลี่จูเอนกายพิงเบาะด้านหลังอย่างสบาย นางรู้สึกดียิ่งนักที่เขาไม่ได้สนใจตนเอง
เบื้องหน้าคือน้ำชาอุ่นหอมกรุ่น ไม่ห่างจากนางเท่าใดมีกระถางไฟที่มีถ่านสีแดงกำลังลุกไหม้ส่งเสียงเปรี๊ยะ ๆ เบา ๆ ทำให้อากาศอบอุ่นยิ่งขึ้น
เฉินลี่จูยกถ้วยน้ำชามาจิบรู้สึกว่ารสชาติไม่เลวทำให้นางผ่อนคลายยิ่งนัก ไม่นานสาวใช้ก็นำขนมมาวางไว้บนโต๊ะ
เฉินลี่จูลองชิมไปหนึ่งชิ้นรู้สึกว่าขนมธรรมดา ๆ เมื่อได้กินในยามที่บรรยากาศดีเช่นนี้กลับทำให้อร่อยยิ่งนัก จึงทำให้นางหยิบขนมเข้าปากไม่หยุด
ป๋อไฉมองคนงามที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ทั้งอมยิ้มอย่างมีความสุข
เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของนางช่างทำให้โลกนี้คล้ายจะสว่างไสวขึ้นมาไม่น้อย
นางกินขนม ทั้งจิบน้ำชา พลางนั่งมองทัศนียภาพ สลับกับหันมามองป๋อไฉเป็นบางครั้ง เขาเองก็วาดรูปไปเรื่อย ๆ และหันมามองนางเป็นระยะเช่นกัน
ไม่รู้ด้วยเหตุใด ด้วยท่าทางสุภาพแต่เป็นกันเองเช่นนี้ของเขา ทำให้เฉินลี่จูรู้สึกสบายใจ
แม้นางและเขาสนทนากันเพียงไม่กี่คำกลับเหมือนเคยเป็นสหายกันมานานหลายปี ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดยิ่งนัก
เวลาผ่านไปรวดเร็วนักสองชั่วยาม ต่อมาเฉินลี่จูก็ขอตัวกลับ
ป๋อไฉมาส่งนางที่หน้าประตูเรือน ก่อนที่นางจะขึ้นรถม้าเขาส่งกระดาษที่เขาเพิ่งวาดรูปเมื่อครู่ให้นาง
“มอบให้ท่าน แด่มิตรภาพครั้งแรกที่เราได้พบกัน”
“ลี่จูเกรงใจแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าเต็มใจมอบให้ท่าน โปรดรับเอาไว้เถิด”
เฉินลี่จูคลี่ภาพออกมาดู นางต้องตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยอยู่ในภาพวาดนั้น
“ท่านวาดข้าหรือเจ้าคะ”
ป๋อไฉพยักหน้า
“หากท่านไม่รังเกียจ วันหลังจะขอเชิญท่านมาเป็นแบบวาดภาพอีกสักหน”
เฉินลี่จูยิ้มรับ นางรู้สึกตกตะลึงในความเก่งกาจในด้านการวาดภาพของเขา
“ท่านวาดข้าได้งามกว่าตัวจริงเสียอีก”
เขาส่ายหน้า
“ฝีมือข้ายังอ่อนด้อย ไม่สามารถดึงความงดงามของท่านออกมาได้ทั้งหมด ตัวจริงของท่านงามยิ่งกว่าภาพที่ข้าวาดนัก”
จากนั้นเขาก็ประสานมือคารวะนางอย่างสุภาพ เพื่อส่งนางขึ้นรถม้า
“หากคุณหนูเฉินอยากผ่อนคลาย สามารถมาที่นี่ได้ทุกเวลา ข้ายินดีต้อนรับยิ่ง”
“ขอบคุณท่านมาก หากข้าไม่มีธุระอันใด รับปากว่าจะมาเป็นแบบวาดภาพให้ท่าน วันนี้ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
นางยอบกายคารวะเขาอย่างอ่อนช้อย ก่อนจะดึงแขนของเสี่ยวเฉียนให้ได้รู้สึกตัว เพราะยามนี้เสี่ยวเฉียนกำลังมองป๋อไฉตาค้างเหมือนสติหลุดไปแล้ว
“เสี่ยวเฉียน พวกเรากลับกันได้แล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เสี่ยวเฉียนยอบกาย ประคองเฉินลี่จูขึ้นรถม้า ตลอดเส้นทางที่เดินทางกลับจวน เฉินลี่จูได้แต่อมยิ้มฟังเสี่ยวเฉียนสาธยายถึงความงามของป๋อไฉโดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย
“สุภาพยิ่ง หล่อเหลายิ่ง งดงามยิ่ง สง่างามยิ่ง ดียิ่ง เจ้าค่ะ”
กระทั่งรถม้ามาถึงจวนเสี่ยวเฉียนจึงยอมหุบปากของตนเอง บ่าวรับใช้รีบมารายงานให้นางไปพบเหวินเฟยเทียนที่ห้องอาบน้ำ
“เสี่ยวเฉียนเจ้านำภาพนี้ไปเก็บให้ดี”
นางยัดกระบอกภาพวาดของตนเองที่ป๋อไฉมอบให้ใส่มือของเสี่ยวเฉียน จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าของตนเองให้เร็วขึ้น เดิมทีคิดจะนั่งเป็นเพื่อนป๋อไฉแค่ชั่วครู่ คงเพราะบรรยากาศที่สงบสุขทำให้นางผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าจึงได้ใช้เวลานานกว่าที่คิด
โชคดีที่ยังกลับมาทันปรนนิบัติเหวินเฟยเทียน
เมื่อนางก้าวเข้าไปในเรือนอาบน้ำก็พบว่าชายหนุ่มกำลังนั่งแช่กายอยู่ในถังน้ำอุ่นแล้วสองตาของเขาหลับพริ้มทำให้เห็นเส้นขนตายาวงอนคล้ายขนตาของสตรี
สองแขนกางพาดขอบอ่างไว้ ร่างกายส่วนที่โผล่พ้นจากน้ำกำลังอวดความงดงามของกล้ามเนื้อที่ได้สัดส่วนต่อหน้าหญิงสาว ทว่าใบหน้าหล่อเหลาขาวผ่องดูบึ้งตึงไม่น้อย
ในใจของนางจึงคิดว่ามิใช่ว่าเขาโกรธนางหรอกนะที่กลับจวนช้ากว่าปกติ
นางทำใจดีสู้เสือเอ่ยด้วยเสียงหวานเอาใจ
“นายท่าน ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
นางถอดเสื้อคลุมของตนเองออกพาดไว้ที่ราวไม้ทั้งยังดึงแขนเสื้อของตนเองขึ้นสูงเพื่อไม่ให้เปียกน้ำ ก่อนจะหยิบสบู่ถูกายหอมกรุ่นมาถูที่แผ่นหลังของเขา
เปลือกตาของเหวินเฟยเทียนขยับไหวเล็กน้อย ทว่าเขากลับมิได้ลืมตาขึ้นมองนาง
“ไยจึงกลับมาช้านัก”
เฉินลี่จูกลั้นหายใจ เป็นดั่งที่นางคิดจริง ๆ ด้วย เสียงหวานจึงเอ่ยตอบตามความเป็นจริง
“ข้าแวะไปทักทายทำความรู้จักกับคุณชายป๋อตามที่ท่านได้สั่งไว้เจ้าค่ะ”
สุ้มเสียงของเขาติดจะมีโทสะเล็กน้อย
“ไยเพิ่งไปยามนี้”
“เพิ่งหาเวลาได้เจ้าค่ะ”
มือเรียวค่อย ๆ ใช้สบู่ขัดถูแผ่นหลังกว้างจนทั่ว กระทั่งถูมาที่ลำคอ จู่ ๆ เขาก็จับมือเล็กแล้วกระตุกเบา ๆ
ร่างของเฉินลี่จูหล่นลงไปในถังน้ำโดยไม่ทันระวัง ศีรษะจมลงไปใต้สายน้ำทันใด
และเมื่อยามนางโผล่ใบหน้าขึ้นมายังไม่ทันได้หายใจหายคอก็ถูกมือใหญ่ของคนผู้นั้นตรึงใบหน้าของนางเอาไว้แล้วบดจุมพิตร้อนลงมา
มือข้างหนึ่งของเขาโอบรอบร่างบางแล้วดึงเข้ามากอดแนบแน่น
นางแหงนใบหน้าขึ้นรับจูบเขาทั้งยังหลับตา หยดน้ำไหลลงมาตามใบหน้ากลับถูกลิ้นของเขาไล้เลียจนทั่ว
น้ำเสียงของเขาแหบพร่านิด ๆ
“คืนนี้เจ้าต้องถูกทำโทษ ที่ไปทำเรื่องเหลวไหลจนไม่สนใจข้า”
นางได้กลิ่นสุราเข้มข้นจากปากของเขา
“ท่านดื่มสุรามาหรือเจ้าคะ”
“ดื่มแล้วอย่างไร ข้าดื่มเหล้าเจ้าจะไม่ให้ข้าจูบหรือ เจ้าตอบข้ามาตามตรง เจ้าไปทักทายคนเช่นไรจึงยังได้รับภาพวาดจากเขาอีก”
นางเม้มปาก ไม่อาจปกปิดเอาไว้ได้จริง ๆ คนรายงานก็ช่างรวดเร็วยิ่งกว่าสายลม
“ภาพวาดนั่นก็เป็นเพียงแค่ของกำนัลเล็กน้อย หากท่านไม่ชอบใจข้าจะโยนทิ้งเสีย”
เขาแค่นเสียงเย็นชา
“เผาทิ้งเสีย”
“เจ้าค่ะ ข้าจะเผาทิ้งเจ้าค่ะ”
“แล้วไยใช้เวลาทักทายเนิ่นนานเพียงนั้น”
“ข้าพบว่าที่นั่นยังมีลำธารทิวทัศน์งดงามยิ่งนัก นานแล้วที่ไม่ได้เห็นลำธารใสเช่นนั้น จึงชื่นชมความงามนานไปหน่อยเจ้าค่ะ”
“มิใช่ว่าป๋อไฉหล่อเหลาถูกใจเจ้าหรือ จึงได้ถ่วงเวลาเนิ่นนาน”
นางจะตอบเขาว่านั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่บุรุษขี้หึงผู้นี้คงไม่อาจรับคำตอบนี้ไหว
“นายท่าน เป็นท่านที่สั่งให้ข้าไปพบเขานะเจ้าคะ”
“ข้าย่อมต้องให้เจ้าไปทักทายเขา แต่มิใช่อยู่นานเช่นนั้น ทักทายแล้วกลับไม่เป็นหรือ เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือไรจึงได้ทำนอกเหนือจากคำสั่ง”
มือใหญ่ของเขากุมลำคอของนางเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ แสดงท่าทางคุกคามให้นางหวาดกลัว
แต่เฉินลี่จูเม้มปากอมยิ้ม เห็นคนเมากำลังหึงหวงนางเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด
นางโน้มใบหน้าเข้าใกล้เขา แล้วจุมพิตริมฝีปากหนาเบา ๆ สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง คลอเคลียริมฝีปากนุ่มของตนลงบนริมฝีปากกระด้าง
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ แต่ข้าเหนื่อยจริง ๆ นี่เจ้าคะจึงเผลอพักผ่อนนานไปหน่อย”
สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อได้รับจุมพิตเอาใจจากนาง
เขาลูบเส้นผมเปียกที่ปิดบังใบหน้าเล็กของนางออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามพริ้มเพรา ดวงตากลมโตกระจ่างใสแพขนตาม้วนงอนแลดูน่าเอ็นดู
จากนั้นจึงเลื่อนสายตาต่ำลง มองอาภรณ์ที่เปียกชุ่มเพราะฝีมือของตนด้วยสายตาที่เห็นชัดว่าเขารู้สึกว่ามันเกะกะ
“ถอดออก”
เขาเอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า สั่งนางด้วยสายตาร้อนแรง