INTRO
ตึก ตึก
“รอด้วยค่ะ!” เสียงที่ดังมาจากข้างหลัง เรียกสายตาผู้คนในละแวกนั้นให้หันมองด้วยความตกใจ เช่นเดียวกับร่างสูงที่ยืนอยู่ในลิฟต์ เขาจึงเอื้อมมือไปกดไม่ให้ประตูปิดลงเพื่อรอเธอ
“ขอบคุณค่ะ แฮ่ก~” เมื่อเข้ามาอยู่ด้านในตัวลิฟต์ ใบหน้าเปื้อนหยาดเหงื่อจึงหันไปเอ่ยขอบคุณ
“ชั้นไหนครับ”
“23 ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย ชายหนุ่มจึงกดไปยังชั้นที่หญิงสาวต้องการ ซึ่งชั้นที่ทั้งสองกำลังขึ้นไปดันเป็นชั้นเดียวกัน ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัว ภายในลิฟต์ก็เกิดความเงียบ มีเพียงเสียงหอบหายใจของหญิงสาวดังเป็นระยะ
“มาทำงานเหรอครับ” ก่อนที่ร่างสูงตรงหน้าจะเอ่ยถาม โดยที่ตัวเขายังคงหันหลังให้เธอ
“เปล่าค่ะ ฉันแค่มาทำธุระน่ะค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ นึกว่าเป็นพนักงานที่นี่เสียอีก ดูจากการแต่งตัวไม่น่าจะใช้พนักงานแต่เขาก็ยังถามไปแบบนั้น น่าตลกชะมัด หากหญิงสาวสังเกตเงาใบหน้าอีกคนผ่านกระจก เธอจะเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย เป็นรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดา
ไม่นานลิฟต์ก็มาถึงยังชั้นที่หมาย ร่างอรชรก้าวออกจากลิฟต์ไปทันที และไม่ลืมที่จะส่งรอยยิ้มแทนคำขอบคุณไปยังชายหนุ่มอีกคน เธอไม่ได้สนใจว่าเขาคนนั้นจะไปชั้นไหน ทำเพียงแค่หันหลังแล้วเดินจากไปเงียบ ๆ
เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นไปตามทางเดิน หญิงสาวในชุด เดรสสีชมพูกระโปรงสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ความสวยของหญิงสาวไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าจัดก็ทำให้ดูดีขึ้นมาได้ เพียงแค่ปัดแก้มเขียนคิ้วทาปากนิดหน่อยก็สวยจนผู้ชายเหลียวมองไม่วางตา เท้าเล็กก้าวมาหยุดหน้าห้องทำงาน
‘ประธานบริษัท’
ซึ่งป้ายชื่อหน้าห้องเขียนไว้ว่าประธานบริษัท เท่ากับว่าชั้นนี้เป็นชั้นทำงานของประธานใหญ่ มือเล็กเลื่อนขึ้นไปเคาะสองครั้งเพื่อเป็นการขออนุญาตเข้าไปข้างใน
ก๊อก ก๊อก
ระหว่างที่รอเสียงตอบกลับจากคนด้านใน หญิงสาวก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังตัวเอง ก่อนที่ใบหน้าสวยจะตัดสินใจหันไปมอง
“อ้าวคุณ” ผู้ชายคนเดียวกับที่อยู่ในลิฟต์นี่ เธอไม่รู้ว่าเขาจะมาชั้นเดียวกับเธอ สงสัยมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเลยไม่ทันสังเกตตอนที่เขากดลิฟต์
“....” ทว่าคนด้านหลังทำเพียงแค่ส่งยิ้มอ่อนให้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสอง บรรยากาศเหมือนกับที่อยู่ในลิฟต์ไม่มีผิด
“คุณทำงานที่นี่เหรอคะ” หรือว่าคนตรงหน้าจะเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้ อาจจะใช่แหละ หรือไม่ก็เป็นลูกน้องของใครสักคน
“ครับ” คำตอบเพียงสั้น ๆ ของชายหนุ่มทำหญิงสาวไม่กล้าเอ่ยถามอะไรต่อ เธอหันกลับไปยืนนิ่งที่เดิม ก่อนที่เสียงคนด้านในจะดังเล็ดลอดออกมา
‘เข้ามา’
แอ๊ด~
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปในห้องก็พบกับชายคนหนึ่งนั่งหันหลังมาทางประตู ชายคนนั้นกำลังทอดสายตามองวิวเมืองหลวงผ่านกระจกใสในห้องทำงานของตน
“สวัสดีค่ะคุณลุง” เสียงหวานเอ่ยทักทายเจ้าของห้องด้วยท่าทีนอบน้อมถ่อมตน
“มาแล้วเหรอ” ก่อนที่เก้าอี้ตัวใหญ่จะหมุนกลับมาเผชิญหน้ากับทั้งสองที่ยืนอยู่
“สวัสดีครับนายใหญ่” หญิงสาวถึงหันขวับไปมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงของคนข้าง ๆ ดังขึ้น เมื่อกี้เขาเรียกคุณลุงว่านายใหญ่ งั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนของคุณลุงน่ะสิ
“งานที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวได้แต่ยืนเงียบกลางบทสนทนาของคุณลุงและลูกน้องของท่าน เธอไม่กล้าเสียมารยาทแทรกบทสนทนาผู้ใหญ่
“เรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วครับ”
“ไปพักเถอะ”
“ครับ” จากนั้นชายหนุ่มก็เดินเลี่ยงไปยังมุมหนึ่งของห้อง ซึ่งเป็นห้องนอนของเขาเอง ภายในห้องทำงานแห่งนี้จะมีห้องนอนสองห้อง นั่นคือ ห้องเขาและประธานใหญ่ โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะทำไว้เพียงห้องเดียว แต่ทว่าชายวัยกลางคนกลับคิดว่าถ้าเราทำสองห้องมันจะดีกว่า เพราะบางครั้งลูกน้องต้องทำงานช่วยเขาดึกดื่น หากจะให้ขับรถกลับหรือไปพักข้างนอกก็ยังไงอยู่ สู้พากันนอนที่นี่ด้วยกันแล้วค่อยกลับไม่ดีกว่าเหรอ เอาเป็นว่าเลิกสนใจเรื่องห้องนอนแล้วมาต่อที่เรื่องหญิงสาวตรงหน้านี้ดีกว่า
“สบายดีใช่ไหม” พรเกียรติเอ่ยถามลูกสาวเพียงคนเดียวของเพื่อนรักเพื่อนตาย คนตรงหน้าเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของเขา เช่นเดียวกับเขาที่มีลูกชายในสายเลือดเพียงคนเดียว
“สบายดีค่ะ”
“ลุงนึกว่าเราจะกลับอาทิตย์หน้า” หญิงสาวไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปีแล้ว แต่ที่ต้องกลับมาเพราะที่บ้านโทรไปบอกว่ามีเรื่องสำคัญ แล้วต้องกลับมาไทยเท่านั้นถึงจะบอก โชคดีที่เธอเรียบจบแล้ว และที่ยังไม่กลับเพราะต้องการเที่ยวพักผ่อนอีกสักหน่อยถึงจะกลับมาช่วยงานที่บ้าน ทางด้านพรเกียรติพอเพื่อนโทรมาบอกว่าลูกสาวจะเข้ามาศึกษาเรียนรู้งานที่บริษัทของตน เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะหญิงสาวตรงหน้าเป็นหลานที่ตนรักมากยิ่งกว่าอะไร ด้วยความที่ตัวเองไม่เคยมีลูกสาวเลยทำให้รักและเอ็นดู เช่นเดียวกับครอบครัวฝั่งนั้นที่รักลูกชายเขา
“มีคนบังคับให้กลับค่ะ^^” แล้วจะเป็นใครไปถ้าไม่ใช่คุณพ่อกับคุณแม่ ท่านทั้งสองคะยั้นคะยอให้เธอรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า สุดท้ายก็ต้องเก็บของกลับไทยในคืนนั้นเลย
ลูกพีช หญิงสาววัย 26 ปี เป็นการกลับมาเยือนประเทศไทยหลังจากไปเรียนเมืองนอกมาหลายปี เพราะความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบกลับมา ทันทีที่ถึงสนามบินคุณพ่อก็ได้ให้ลูกน้องที่บ้านไปรับแล้วเดินทางมาหาคุณลุงทันที แม้จะงงอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป คิดแค่ว่าคงให้แวะมาทักทายคุณลุงก่อน เนื่องจากเป็นทางผ่านอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องนิสัยส่วนตัว ลูกพีชเป็นผู้หญิงอ่อนโยน พูดเพราะและทำงานเป็นระเบียบเรียบร้อย ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนอยู่เมืองนอกหลายปี แต่ความเป็นไทยยังไม่หายไปจากตัวเธอ ด้วยความที่ไปอยู่ต่างถิ่นนานก็ทำให้ซึมซับประเพณีของประเทศนั้นมาด้วย จากเมื่อก่อนที่เป็นคนค่อนข้างหัวโบราณมาก ทว่าตอนนี้เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ไม่ยึดติดกับอดีต เป็นคนเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยวในคราเดียว เวลารักใครรักจริง ทนจนกว่าตัวเองจะไม่ไหว แต่เมื่อไหร่ที่ใจไม่เอาอะไรแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายมากราบแทบเท้า แม้แต่หน้าเธอก็จะไม่มอง..
“วันนี้ลุงจะให้คนพาสำรวจบริษัทก่อน พรุ่งนี้เราค่อยมาทำ” และมีอีกเรื่องที่เธอเพิ่งทราบก็ตอนที่มาถึงบริษัทแล้ว ลูกน้องของคุณพ่อบอกกับเธอ เรื่องที่เธอต้องมาเรียนรู้งานที่บริษัทคุณลุงเป็นเวลาสามเดือน ก่อนจะไปเริ่มงานจริงที่บริษัทตัวเอง ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอก พอลูกน้องอธิบายเธอก็เข้าใจในทันที
“ได้ค่ะ” ลูกพีชตอบกลับคุณลุง ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่เคยทำงานในบริษัทมาก่อนก็ตาม เชื่อว่าตัวเองทำได้แน่นอน ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่มนุษย์เราจะทำได้ อยู่ที่เราจะใฝ่เรียนรู้มันหรือเปล่า ตอนที่อยู่เมืองนอกก็ใช่ว่าอยู่เฉย ๆ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นเธอทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย โดยการเป็นพนักงานในร้านอาหาร และแน่นอนว่าการทำงานของเธอ เธอย่อมสนุกกับมันมาก ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรเธอทำหมด ขอแค่ให้ได้เงินก็พอ ถึงแม้ว่าครอบครัวจะรวยมากแค่ไหน แต่การที่เราหามาได้ด้วยตัวเองมันน่าภูมิใจมากกว่าแบมือขอเงินพ่อแม่แน่นอน
“ลุงเรียกเลขาขึ้นมาแล้ว” จะให้เลขาเป็นคนพาสำรวจ เนื่องจากตนต้องไปพบลูกค้าด้านนอก ทำให้ไม่สามารถพาหลานทัวร์บริษัทได้
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ไม่นานเลขาก็เข้ามา
“พาหนูลูกพีชไปสำรวจแผนกต่าง ๆ” พรุ่งนี้จะเป็นวันจริงที่เธอได้เข้ามาทำงาน ฉะนั้นควรรู้จักแต่ละแผนกเอาไว้
“รับทราบค่ะท่านประธาน”
“หนูไปก่อนนะคะคุณลุง” ชายวัยกลางคนพยักหน้ายิ้มแทนคำตอบ จากนั้นทั้งสองก็พากันออกจากห้องทำงานของเขาไป
บริษัทที่ลูกพีชมาเรียนรู้งาน เป็นบริษัทเกี่ยวกับนำเข้าอะไหล่รถยนต์ รวมถึงนำเข้ารถสปอร์ตหรู ยังไม่นับกับธุรกิจอีกมากมายของครอบครัวนี้ ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างครอบครัวเธอกับคุณลุง แน่นอนว่ามันเทียบกันไม่ติด
“เชิญทางนี้เลยค่ะคุณลูกพีช” เลขาสาวผายมือให้หญิงสาวเดินเข้าลิฟต์ไปเพื่อนำไปยังชั้นต่าง ๆ ที่มีแต่ละแผนกประจำอยู่
ในระหว่างที่เธอกำลังแนะนำตัวให้แต่ละแผนกรู้จัก ต่างก็มีทั้งคนที่ชื่นชอบและไม่ชอบ ซึ่งเป็นปกติของมนุษย์เราอยู่แล้ว โชคดีตรงที่เธอเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจคนเหล่านั้นเท่าไหร่ และไม่ค่อยสนใจคำพูดคน ใครดีมาดีกลับ นั่นแหละเธอ.. ลูกพีชเหมือนคนเข้าถึงง่ายแต่ไม่ง่าย เหมือนคนใจดีแต่ไม่ใจดี นั่นคือนิสัยที่แท้จริงของเธอ^^