5) ดูถูก
ดูถูก
...
“ต่อให้แก้ผ้าต่อหน้า กูก็ไม่เอามึงหรอก” คำพูดแสนร้ายกาจและดูถูกชิงชังดังออกจากปากของน้ำเหนือก่อนร่างสูงจะผลักไหล่ทั้งสองข้างของเธออย่างไม่เบาแต่ก็ไม่ได้แรงจนทำให้เธอล้ม พูดจบก็กระชากกางเกงในมือของเธอเข้าห้องน้ำไปใส่มันทันที
เขาไม่แม้แต่จะสนใจเธอ ไม่รอให้เธอได้พูดอะไรและไม่คิดจะฟังเธอ ออกจากห้องน้ำก็ก้าวยาวๆ ผ่านหน้าเธอพร้อมกับกระเป๋าเงินกุญแจรถออกจากห้องไปทันที
“นายมั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้วนะน้ำเหนือ” มิ้งพูดขึ้นลำพังกำหมัดแน่นที่โดนดูถูกทั้งที่เธอภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาก “มาลองดูกันว่านายจะเก่งได้อย่างที่พูดไหม!”
พูดจบมิ้งก็ก้าวออกไปจากห้องนอน ตรงไปหยิบโทรศัพท์และกดส่งข้อความคุยกับเพื่อนสนิทตัวเองทันที
มีเรื่องมากมายหลายอย่างที่เธอทั้งระบายและขอความเห็นจากเพื่อนในห้องสนทนา หลังจากคุยกันจนได้มติเป็นเอกฉันท์เธอก็ไม่รอช้าที่จะขอความช่วยเหลือ
เธอลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปหาเพื่อนตามสถานที่ที่นัดหมายกันทันที
ไม่ใช่คลับของน้ำเหนือที่หุ้นกับเพื่อน แต่เป็นบาร์ละแวกเดียวกันแทน
“มันคงเจ็บใจเรื่องในอดีตไม่หายนั่นแหละถึงได้เย็นชาแบบนี้” พราวพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่าเพราะเหตุผลนี้ถึงทำให้เหนือไม่สนใจมิ้งเลย
“แต่มันบอกว่าไม่ชอบที่นิสัยกูมากกว่า” มิ้งพูดตามที่น้ำเหนือพูด
“มันรักษาหน้ามันไง ถ้าขืนบอกว่าเป็นเหตุผลนี้ก็รู้พอดีสิว่ามันรักมึงมากแค่ไหน” มีนาเสริม
“แต่ตอนนั้นมันก็รักมึงมากจริงๆ ไง ถ้ามันจะแค้นฝังหุ่นก็ไม่แปลก” พราวเพิ่มเดิมออกมา
“มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นกูก็แค่คึกคะนองตามวัย” มิ้งถอนหายใจออกมากับเรื่องนี้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับน้ำเหนือแย่กว่าที่คิดไว้
ก็ตอนเขารักเธอ เธอดันแค่ชอบและสนุกที่มีคนรักคนให้ความสนใจมากมายจนไม่ได้นึกถึงความรู้สึกใคร
“เลิกตอแยกับเราสักทีน้ำเหนือ เรายังไม่เคยบอกนายเลยว่าเรารักหรือชอบนาย” น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้น
“แต่เธอเป็นคนขอจีบเราก่อนนะ”
“ก็จีบไง ไม่ได้บอกว่ารักหรืออยากคบ” ย้ำออกไปชัดๆ โดยไม่สนใจคนฟัง “เราก็แค่เล่นสนุกๆ ไม่คิดว่านายจะจริงจังแบบนี้อ่ะเหนือ”
“เราผิดเองที่จริงจังกับเธอมากเกินไป”
“พอแล้ว พูดเวิ่นเว้ออะไรน่ารำคาญจริง” แล้วเธอก็เดินหนีออกมาอย่างไม่สนใจสีหน้าความรู้สึกของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เห้อ!” พอคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนมัธยมปีที่ห้าช่วงปลายปี มันก็ทำให้มิ้งถอนหายใจออกมาอย่างแก้ไขอะไรไม่ได้
ตอนมีไม่เห็นค่า แต่พอเขาเริ่มตีตัวออกห่างและหมางเมินเธอ กลับกลายเป็นเธอที่รู้สึกแปลก เหงา และเป็นฝ่ายเริ่มมองหาเขาด้วยตัวเอง
กระทั่งมารู้ตัวอีกทีว่าเธอรู้สึกกับเขาไปแล้วก็ตอนที่เห็นเขาเปิดใจคบหากับคนอื่นโดยไม่เคยมองเธอในสายตาอีก
ผ่านมาก็สี่ปีได้ พยายามลองพูดคุยคบหากับคนมากมาย แต่ไม่รู้ทำไมมันตัดใจจากผู้ชายที่ชื่อน้ำเหนือไม่ได้ อาจเพราะยังได้รู้ได้เห็นการเป็นอยู่ของเขาตลอด คอยเฝ้ามองอยู่เรื่อยๆ และรู้สึกผิดผสมติดค้างต่อเขาด้วย เธอเลยกลายเป็นคนยึดติดกับเขาจนเปิดใจให้ใครไม่ได้
ต่างจากเขาที่ยิ่งนานวันก็ยิ่งทิ้งระยะห่างกับเธอ
“เลิกคิดมากได้แล้ว ยังไงตอนนี้มันก็อยู่แค่เอื้อมเอง เดี๋ยวมันก็รักมึงคืนนั่นแหละ” พราวปลอบเพื่อนอย่างเห็นใจ รู้ดีทุกเรื่องราวและความรู้สึกของเพื่อนมาตลอด
“ใช่ ยังไงมันก็เคยรักมึง อยู่ด้วยกันนอนด้วยกันไม่ยากหรอกที่จะรักได้อีกครั้งน่ะ” มีนาเองก็ช่วยอีกแรง
“นั่นสินะ กูพึ่งย้ายไปอยู่กับมันวันแรกเอง จะท้อได้ยังไง” เธอก็ไม่ใช่พวกจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ หรือเรียกอีกอย่างว่าพวกชอบเอาชนะ ยิ่งไม่มีทางยอมให้ตัวเองพ่ายแพ้ไม่ว่าจะต้องลงทุนลงแรงเท่าไรก็ตาม
“นั่น พี่บอลมาโน่นแล้ว” มีนาเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองผู้มาใหม่ที่พวกเธอนัดมา
รุ่นพี่ของพี่ของมีนาเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ พูดคุยกับน้องของเพื่อนตัวเองและแลกเปลี่ยนบางอย่างต่อกันตามที่ตกลงไว้อย่างง่ายดาย
และไม่นานทุกคนก็แยกย้าย