ตอน 4
“สะ...เสียวมากพี่แม็ก ยอดมาก อย่าหยุดขออีก น้อยหน่าชอบ ขอร้องอย่าหยุดนะคะ” หล่อนขอร้องราวคนเป็นไข้ ถ้าเขาหยุดหล่อนนี่ล่ะจะตายให้เขาดู สาวน้อยเด้งสะโพกเข้าหาชายหนุ่ม ไม่อยากให้เขาหยุดขยับนิ้วเลยแม้แต่น้อย
“สนใจกินพี่มั้ย” เขายื่นแท่งแข็งขึงไปตรงหน้าสาวน้อย ถ้ามันได้เข้าไปในปากหล่อน เขาคงเหมือนขึ้นสวรรค์ “ทำให้พี่เสียวอย่างที่น้องน้อยหน้าเสียวหน่อยสิ”
“ได้สิคะพี่แม็กขา” หล่อนจับลำรักเขาไว้ในมือ ลูบขึ้นลง แหม...ช่างน่าอร่อยยิ่งนัก แล้วสิ่งนั้นก็อยู่ตรงปากหล่อน สิ่งที่สาวน้อยควรทำคือแลบลิ้นเลียส่วนปลาย
“โอ้วววว” แม็กครางเสียงต่ำ ใช้มือจับศีรษะที่ขยับไม่หยุดของนางแบบวัยแรกรุ่นไว้
น้อยหน่ากำลังเมามัน กับการกินไส้กรอกเลิศรสขนาดใหญ่ หล่อนรูดเข้ารูดออกเข้าปาก อย่างไม่รู้จักหยุด ด้วยอร่อยสุดบรรยาย ผู้ชายคนแรกที่หล่อนกิน ก็แค่วัยไร้เดียงสา แต่ต่อมาก็รู้แล้วว่ารสชาติผู้ชายช่างอร่อยนัก แล้วแม็กช่างเต็มปากเต็มคำราวกับไส้กรอกแม็กซิกกันรสชิลี่
“อ่า...” หล่อนดึงปากออกจากการครอบคลุมไส้กรอก แล้วครางพร่าด้วยความสมใจ
“พาสิ่งนี้เข้าไปในตัวน้อยหน่าเถอะค่ะพี่แม็กขา”
“พร้อมรับแล้วใช่ไหม”
“น้อยหน่าร้อนจะแย่แล้วนะคะ อยากให้พี่แม็กขาปลดปล่อย”
แม็กจับน้อยหน่ายืนขึ้น ผลักหล่อนหันหลัง แล้วพาตัวตนที่แข็งชันเข้าสู่เส้นทางที่มีธารน้ำไหลเยิ้ม และขยับให้เข้าที่แล้วกระแทกรัวระยับในเวลากระชั้นชิด
“อ่า...อ่า...พี่แม็กขา อืม...” สุดยอดความแข็งแรงที่กระแทกเข้าหาช่างรสชาติดี และถึงใจอย่างเป็นที่สุด แล้วการระยัวไม่ยั้งเหมือนสาวน้อยจะขาดใจตาย แต่ไม่ตายหากกลับสุขสมและเสียวเกินจะเอ่ยอะไรต่างๆ ออกจากปาก หล่อนห่อปากครางสะท้านจากไฟสวาท
คราวนี้แม็กผลักสาวน้อยไปที่เตียง ด้วยทางเชื่อมที่ยังเชื่อมติดกันอยู่ เขาโยกสะโพกไม่ยอมหยุดด้วยไม่อยากให้อารมณ์สะดุดลงกลางคันเพียงแค่การห่างกันแค่เสี้ยววินาที ทั้งคู่พันเกี่ยวกันไม่ต่างกับงู กลิ้งพลิกสลับกันเดี๋ยวฝ่ายหญิงขึ้นเดี๋ยวฝ่ายชายขึ้น
สำหรับแม็กไม่มีพิธีรีตรอง เขาหมายมุ่งไปที่สวรรค์ จึงเร่งตัวเองถี่กระชั้น เหงื่อกาฬแตกทั่วร่าง แล้วเขาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ เขาไม่ได้ทิ้งหล่อนซะทีเดียว แต่จัดการยกหล่อนขึ้นมาบนตัวเขา แล้วจัดการให้สาวน้อยโยกตัวเอง ตามความต้องการ
“อ่า...พี่แม็ก”
หล่อนครางยิ่งกว่าคนโดนเชือด ด้วยแม็กอร่อยสุดยอดไปเลย แล้วการโยกตัวก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อร่างกายกำลังตอบสนองเต็มที่ หลายครั้งเข้าความรู้สึกเบิกบานพอๆ กับเดินอยู่ในดงดอกไม้หอมกรุ่นเกิดขึ้น “อ่า...พี่แม็กขา น้อยหน่าถึงแล้ว” ใช่ว่าครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ที่ต้องควบม้า เพียงแต่ม้าตัวนี้ใหญ่กว่าม้าตัวอื่นๆ ที่เคยควบแต่ช่างถึงใจเป็นบ้า
“เสร็จแล้วเหรอจ๊ะน้องน้อยหน่า งั้นพี่ก็ไม่ติดค้างน้องแล้วนะ พอดีพี่มีธุระขอตัวก่อนนะ” แม็กเก็บเสื้อผ้ามาสวมเรียบร้อย จึงขอตัวกลับ น้อยหน่าที่นอนหายใจหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง ถึงกับต้องรีบลุกทั้งที่หมดเรี่ยวหมดแรง แต่เมื่อเห็นเขาจะจากไป หล่อนทนให้เขาไปไม่ได้
“พี่แม็กจะไปแล้วเหรอคะ น้อยหน่ายังไม่พอเลย”
“เดี๋ยวเราก็พบกันอีก พี่มีธุระจริงๆ นะครับ”
“สัญญานะ ว่าเราจะ...” สาวน้อยจิ้มนิ้วชี้ชนกัน แสดงท่าทีขวยเขินอย่างน่ารักตามวัย แต่ประสบกาม ช่างห่างจากอายุของหล่อนลิบลับ
“พี่ไปนะ” แล้วเขาก้าวออกจากห้องนั้นไป เพื่อไปจัดการธุระที่เจ้าของค่ายมวยไว้วาน
หล่อนอาลัยชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แต่ยอมปล่อยไปถ้าเขาบอกว่าจะมาพบกันอีกแล้วมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วยกัน คราวหน้าจะถือโอกาสขอเขาเป็นแฟนที่กลายเป็นผัวแล้ว และรับรองว่าจะไม่มีทางปล่อยเขาไปให้หญิงอื่น หล่อนจะใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ เมื่อกี้น้อยหน่าแอบถ่ายรูปเสี้ยวหน้าชายหนุ่มนักมวยที่ได้คลุกวงในกันแล้ว ถ้าโพสต์ภาพปริศนานี้ออกไป ใครๆ ต่างต้องการค้นหาว่าคนที่อยู่ในภาพเป็นใคร รูปร่างแม็กโดดเด่นออกจะขนาดนั้น ค้นหาไม่เจอก็บ้าแล้ว
แม็กนั่งแท็กซี่ไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเพื่อรอรับใครบางคนตามคำสั่งเจ้าของค่ายมวย เขาสนิทและเป็นที่ไว้ใจที่สุดในตอนนี้ แม้ก่อนหน้านั้นจะมีคนๆ หนึ่งขันอาสาทำหน้าที่นี้ เขาซึ่งงานล้นมือได้เอ่ยปากปฏิเสธไป ทว่าเสี่ยพิษณุเจ้าของค่ายยังยืนยันให้เขาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลทายาทคนเดียวของค่ายมวย
แล้วหน้าตาคุณหนูพิชชี่จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนล่ะเนี่ย นักมวยหนุ่มมายืนรอคนดังกล่าว อยู่นานสองนาน แต่ยักไม่ปรากฏร่างคนๆ นั้นหรือว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ ด้วยไม่เคยเห็นกันอีกเลย ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ที่ค่ายพิษณุยิมเมื่อแปดปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาอายุสิบแปดแล้วตอนนี้เขาอายุยี่สิบหกปีระยะเวลาห่างกันนานพอสมควรเชียวล่ะ
เขาเจอลูกสาวเจ้าของค่ายตอนนั้นเธออายุเพียงสิบหก หลังจากนั้นไม่ได้เจออีกเลย แล้วได้ข่าวว่าเธอจะกลับจากฝรั่งเศสด้วยบินไปเรียนตั้งแต่อายุสิบแปด ตอนนี้เห็นกันอีกทีเขาจะจำได้หรือไม่ แม็กชะเง้อหาทายาทของพิษณุยิมอยู่นาน ก็ยังไม่เห็นใครมีแววจะเป็นคนๆ นั้น
“เอาไงดีวะรูปก็ไม่มีซะด้วย” ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ ยกมือเท้าสะเอวเดินวนไปวนมาพร้อมใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรดี แต่แล้วเขากลับชนกับใครบางคนที่ตัวหอม จนเขาต้องเงยหน้ามองคนดังกล่าว คนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวสมส่วน แต่งตัวจัดจ้านมากชิ้น ทั้งหมวก เสื้อโค๊ท รองเท้าบูท พันคอ ทั้งที่เมืองไทยร้อนตับแตก เธอสวมอย่างนั้นไม่อึดอัดแย่เหรอ เขามองด้วยความเพลิดเพลิน แต่มันไม่ใช่เพลิดเพลินเพราะความชื่นชม แต่ทึ่งที่หญิงสาวคนนี้กล้าแต่งตัวหลุดวงโคจรของเมืองไทยขนาดนี้
“นี่เดินดูคนซะมั่ง คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีเหมือนหน้าตา” หญิงสาวที่แต่งตัวมากชิ้นราวกับหลุดมาจากขั้วโลกใต้โวยวาย เมื่อถูกชนเธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้โมโหที่คนมารับยังไม่โผล่หน้ามาซะที
“ขอโทษครับ” แม็กมองหน้าหญิงสาวสวยมาก ที่โวยวายต่อว่าเขา ผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่ปากจัดไปหน่อย เอ...ทว่าหน้าคุ้นๆ คล้ายกับพิษณุอยู่มาก หรือว่าจะเป็นน้องพิชชี่กันแน่ เขาได้แต่คิดและคิดว่าคงต้องสอบถาม ถ้าใช่จะได้พากลับบ้าน แต่ถ้าไม่ใช่กลัวโดนด่าเหมือนเมื่อกี้
“ไปให้พ้นๆ เลยไปไอ้ฝรั่งบ้า” หญิงสาวว่าพร้อมปัดมือไล่ แต่...เอ๊ะ เมื่อกี้เขาขอโทษเธอเป็นภาษาไทย งั้นเขาก็ฟังออกสิว่าเธอพูดอะไรออกไป สาวสวยร่างสูงโปร่งกับเสื้อผ้ารุกรังหันไปมองชายหนุ่มตัวสูงหน้าตาฝรั่งอีกครั้ง
“คุณพิชชี่ใช่ไหมครับ” นักมวยหนุ่มเอ่ยถามออกไปก่อน
“เอ่อ...นายคือคนที่คุณพ่อส่งมารับฉันอย่างนั้นเหรอ ทีแรกฉันนึกว่าจะเป็นพี่เมฆซะอีก” เธอรู้จักนักมวยในค่ายของบิดาน้อยมากที่มักคุ้นกัน เห็นจะเป็นเมฆ เพราะเขาตลกเฮฮา เข้ามาเป็นลูกศิษย์บิดา รุ่นแรกที่ก่อตั้งพิษณุยิมขึ้น แล้วเธอเองไปที่ยิมน้อยครั้งมาก ด้วยไม่ชอบกีฬารุนแรงแบบนี้เลยสักครั้ง บ้านเธอกับยิมอยู่คนละที่ บ้านอยู่กรุงเทพ แต่บิดาไปตั้งยิม และสนามมวยอยู่ที่พัทยา ส่วนเธอเรียนอยู่กรุงเทพ อยู่กับแม่และยาย ส่วนใหญ่เป็นแม่ที่ไปฝ่ายเยี่ยมบิดา ช่วงเวลาที่ว่างจากการดูแลเธอ แม่ชวนเธอไปที่ยิมทุกครั้ง หากแต่เธอไม่อยากไป
หลายครั้งฝืนคำสั่งแม่ไม่ได้ก็ไป แล้วเธอได้พบกับเมฆ ที่คอยดูแลคุยนั่นนี่ หาของอร่อยมาให้ทาน จนเธอหายเซ็ง เมฆน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับชายผู้นี้ รักการชกมวย จึงหนีเรียนมาซ้อมมวย แต่ไม่มีเงินสมัครเรียน บิดาเอ็นดูเห็นมีความตั้งใจเลยให้อยู่ฟรีกินฟรี เรียนฟรีครบวงจร แต่ต้องดูแลเป็นหูเป็นตาแทนบิดาอีกทางหนึ่ง ดังนั้นเมฆจึงกลายเป็นหัวหน้านักมวยไปโดยปริยาย
“ใช่ครับผมเป็นคนมารับคุณพิชชี่กลับบ้าน” แม็กตอบคำถาม พลางมองหน้าสวยงดงาม ที่แต่งแต้มอย่างมีสไตล์ สมกับไปเรียนเมืองแฟชั่นฝรั่งเศส กลิ่นตัวเธอหอมน่าฟัด น่าคลุกวงใน หอมยั่วยวนใจ เมื่อตอนเธออายุสิบหกที่เขาเคยเจอหญิงสาวตอนยังเป็นเด็กสาวหน้าใส ไร้เครื่องสำอาง จึงดูเป็นผู้หญิงจืดชืด ครั้นพอตอนนี้ต่างกันราวกับเป็นคนละคน ถ้าไม่บอกว่าน้องพิชชี่เจอที่อื่นเขาคงจำไม่ได้
“อ้อ...นึกว่าพี่เมฆ”
“นายเมฆดูแลฝึกซ้อมนักมวยอยู่ที่ค่ายครับ ไหนกระเป๋าคุณพิชชี่ครับ”
“นี่ไง” หญิงสาวลากรถเข็นมาตรงหน้า ด้วยท่าทีหยิ่งยโส แต่ก็ลอบมองชายหนุ่มด้วยสายตาขวยเขิน ในค่ายมวยบิดามีคนหล่ออย่างนี้ปะปนอยู่ด้วยอย่างนั้นหรือ นึกว่าจะมีแต่พวกตัวดำผิวมันปราบ เพราะตั้งหน้าตั้งตาซ้อมมวย หรือว่าบิดารับผู้จัดการคนใหม่เข้ามาทำงานแทนระหว่างที่รอเธอกลับมาเมืองไทย
พิจักขณา สุประภา ไม่อยากมองชายผู้นี้เต็มตา ด้วยความหล่อ และความลงตัวทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเขา ดึงดูดความสนใจจากเธอมากทีเดียว เธอเจอฝรั่งมาห้าปี เรียนจบถูกทาบทามให้เข้าทำงานร้านเสื้อชื่อดังของปารีส เป็นเหตุให้เธอไม่ได้กลับมาที่บ้านทันทีที่เรียนจบ เงินเดือนการเป็นดีไซน์เนอร์ห้องเสื้อที่นั่นเลี้ยงดูตัวเอง แล้วซื้ออพาร์ทเม้นดีๆ อยู่ได้เลยทีเดียว แต่เธอเลือกที่จะเช่า เพราะไม่รู้อนาคตจะแน่นอนหรือไม่
แล้วอนาคตก็ไม่แน่นอนจริงๆ เมื่อบิดาประสบเหตุ โจรบุกปล้นบ้าน ด้วยความที่เห็นว่าตัวเองเป็นนักมวยฝีมือดี จึงไม่กลัวโจร แต่ลืมไปว่าโจรมันมีปืน บิดาโดนโจรยิงถูกแผ่นหลัง ส่งผลถึงไขกระดูกสันหลัง ทำให้เดินไม่ได้ แม่ปิดบังเรื่องนี้กระทั่งโทร.ตามตัวเธอ เพื่อจะได้พูดคุยการสานต่อธุรกิจบิดา ถ้าท่านไม่มีอันล้มป่วยลงแบบนี้ กิจการค่ายมวยมีหรือเธอจะเหลียวแล ด้วยไม่ชอบมาตั้งแต่รู้ว่าบิดาจะเปิดค่ายมวย
เธอเห็นท่านเจ็บกับกีฬาพวกนี้มาจนชินตา แล้วไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บอีก เพราะเธอรู้ว่าแม่เจ็บปวดตอนที่เป็นแฟนกับพ่อ เวลาที่ท่านโดนคู่ต่อสู้ชก ทุกหมัดที่คนรักโดนชก คือทุกครั้งที่หัวใจคนเป็นแฟนเจ็บปวดตามไปด้วย
พิจักขณานั่งรถมากับแม็กเงียบๆ พอรู้ว่าเขาไม่เอารถมารับเธอ อารมณ์เดือดนั้นพุ่งปรี๊ด โวยวายอยู่สักครู่ก่อนจะยอมเข้าไปนั่งในแท็กซี่ซึ่งจอดรอผู้โดยสารอยู่หน้าสนามบิน ทั้งที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ซึ่งมีถังแก๊สกินเนื้อที่เกินครึ่ง ยัดกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปไม่หมด ดังนั้นก็ต้องมายัดใส่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ซ้ำยังบนตักแม็กด้วย กว่าจะถึงที่หมาย แม็กแทบจะสลัดกระเป๋าที่หญิงสาวขนมาจนจะเกินห้องโดยสารของแท็กซี่