บทที่ 5 ฉันจะลองดู
บทที่ 5 ฉันจะลองดู
ข่าวทั้งสองเรื่องที่ตี้เหากรุ๊ปประกาศออกมา ทำเอาฮือฮาไปทั้งเมืองจินหลิง
ได้ยินมาว่าตี้เหากรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของ ตระกูลเซียวถึงได้เข้าใจว่าทำไมตระกูลหวังโดนตี้เหากรุ๊ปขับไสไล่ส่ง
ดูๆแล้วเจ้าของคนใหม่ของตี้เหากรุ๊ป ไม่ค่อยแยแสตระกูลอย่างตระกูลหวังนัก
แต่คุณชายเย่นี่เป็นใครกัน?เขาสุดยอดเกินไปแล้ว?ตี้เหากรุ๊ปที่มีมูลค่าหลายแสนล้านคิดจะซื้อก็ซื้อเลย คนรวยที่สุดในเมืองจินหลิงยังเล่นใหญ่ได้ไม่เท่าเขาเลย!
ในเวลาแค่แป๊บเดียวตระกูลต่างๆจำนวนเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนพล บ้างก็หวังว่าจะสามารถร่วมมือกับคุณชายเย่ผู้ลึกลับคนนี้ได้ บ้างก็หวังว่าลูกสาวของตระกูลตนจะได้แต่งงานกับคุณชายเย่
นอกจากนี้ตี้เหากรุ๊ปยังมีโครงการจะสร้างโรงแรมมูลค่า1หมื่นล้านอีก ทำเอาพวกบริษัทก่อสร้าง และบริษัทตกแต่งทั้งเมืองจินหลงสั้นไปหมด!
ตั้ง1หมื่นล้านเลยนะ!
แค่หาวัสดุให้แค่นิดหน่อย ก็ทำเงินได้มหาศาลแล้ว!
บริษัทจำนวนมากต่างหวังว่าจะแย่งชิงมาได้
หนึ่งในนั้นก็รวมไปถึงคนที่รักเงินยิ่งชีพอย่างนายหญิงใหญ่เซียวด้วย!
ตอนนี้นายหญิงใหญ่เซียวตื่นเต้นมากๆ โปรเจ็กต์ใหญ่1หมื่นล้าน นี่เป็นโอกาสทองเลยนะเนี่ย!
ถ้าหากตระกูลเซียวมีความร่วมมือได้สักงาน คนอื่นก็จะพลอยได้ดีไปด้วย!
ดังนั้นเธอจึงรีบออกคำสั่งทันที ให้ประชุมครอบครัวที่บ้านในคืนนี้ พูดคุยกันว่าทำยังไงถึงจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์ใหม่นี้ได้ต้องมาทุกคน!
ในคืนนั้น ณ คฤหาสน์ตระกูลเซียว
เพราะนายหญิงใหญ่สั่งว่าทุกคนต้องไป ดังนั้นเย่เฉินจึงตามไปด้วย
เขารู้ว่านายหญิงใหญ่ต้องปรึกษากัน ว่าจะทำยังไงให้แย่งชิงในโปรเจกต์ใหญ่ของตี้เหากรุ๊ปได้
ดังนั้นเขาจึงอยากใช้โอกาสนี้ ช่วยให้เซียวชูหรันได้หน้าสักหน่อย!
เมื่อถึงคฤหาสน์ตระกูลเซียว ทันทีที่เซียวไห่หลง ลูกพี่ลูกน้องของเซียวชูหรันเห็นเขา ก็พูดดูถูกทันที:“โอ้โห เย่เฉินแกนี่หน้าหนาจริงๆ แม่งยังมีหน้ามาพบคุณย่าอีก!”
เซียวชูหรันพูดด้วยสีหน้าเย็นชา:“อย่ามาไร้สาระ คุณย่าบอกว่าทุกคนในตระกูลเซียวต้องมา เย่เฉินเป็นสามีฉัน แน่นอนว่าเขาก็เป็นคนในตระกูลเซียวเหมือนกัน!”
เซียวไห่หลงพูดอย่างขบขัน:“มันไม่ใช่คนตระกูลเซียว!เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงจนๆก็แค่นั้นแหละ!”
เย่เฉินลูบจมูก พลางพูดกับเซียวชูหรัน:“ช่างเถอะคุณ อย่าไปทะเลาะกับคนไม่มีสมองเลย รีบเข้าไปดีกว่า เดี๋ยวคุณย่าจะรอนาน”
เซียวชูหรันพยักหน้า ไม่สนใจเซียวไห่หลงแม้แต่น้อย พลางพาเย่เฉินเดินเข้าไปด้านใน
เซียวไห่หลงเห็นเช่นนั้น สีหน้าก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่
เมื่อเข้าไปในห้องโถง เย่เฉินกับเซียวชูหรันก็หามุมนั่ง
ไม่นานนักนายหญิงใหญ่เซียวก็เข้ามา การประชุมครอบครัวเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
นายหญิงใหญ่เซียวนั้งหัวโต๊ะ เธอเคาะโต๊ะแล้วพูดอย่างฮึกเหิม:“หลายปีมานี้ตระกูลเซียวรอโอกาสหนึ่งมาตลอด โอกาสที่จะทำให้พวกเรารร่ำรวยที่สุดในเมืองจินหลิง! ในที่สุดตอนนี้โอกาสนั้นก็มาถึงแล้ว!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดเสียงดัง:“ครั้งนี้ตี้เหากรุ๊ปลงทุนโปรเจกต์ใหญ่มูลค่า1หมื่นล้าน หากใครสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล!”
“อีกทั้งโปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์แรก หลังจากตี้เหากรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของ ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆสำหรับตระกูลเซียวของพวกเรา!”
“หากพวกเราได้ร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ป ทำให้เจ้าของตี้เหากรุ๊ปคนใหม่ประทับใจ อนาคตตระกูลเซียวต้องยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!”
ถึงแม้นายหญิงใหญ่จะฮึกเหิม แต่คนอื่นๆกลับไม่อินไปด้วย
ที่จริงตระกูลเซียวอยากร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ปมานานแล้ว แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ตี้เหากรุ๊ปไม่สนใจตระกูลเซียวแม้แต่น้อย ตอนนี้นายหญิงใหญ่อยากมีส่วนร่วมกับโปรเจกต์ใหม่ของตี้เหากรุ๊ปงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง?
ตอนนี้นายหญิงใหญ่เซียวนั่งเงียบ ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาด้วยความโมโห:“ทำไม?เป็นใบ้กันเหรอ?พวกแกไม่มั่นใจเลยงั้นเหรอว่าจะมีส่วนร่วมกับโปรโจกต์มูลค่า1หมื่นล้านนี้ได้?”
ทุกคนมองกันไปมา ไม่กล้าพูดอะไร
นายหญิงใหญ่ยิ่งโมโหเข้าไปอีก พูดขึ้น:“วันนี้ฉันจะบอกเอาไว้ว่า ถ้าใครสามารถร่วมมือกับตี้เหากรุ๊ปได้150ล้าน จะได้เป็นหัวหน้าของบริษัท!”
พูดเช่นนั้น ทำเอาทุกคนตกตะลึง
นายหญิงใหญ่เผด็จการมาตลอด ดังนั้นจึงไม่เคยมีตำแหน่งหัวหน้าบริษัทมาก่อน อีกทั้งหัวหน้ายังมีอำนาจมากๆ ผู้สืบทอดคนต่อไปของบริษัทถึงจะมีคุณสมบัติรับตำแหน่งนี้
นายหญิงใหญ่เอาตำแหน่งนี้มาเป็นรางวัลแบบนี้ คงหวังว่าจะมีคนกล้าหาญพอที่จะทำเพื่อรางวัล เห็นได้ชัดว่าเธอคาดหวังกับโปรเจกต์นี้ของตี้เหากรุ๊ปเอาไว้มาก
แต่ถึงตำแหน่งนี้จะดีเอามากๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ
สำหรับคนในตระกูลเซียวแล้ว ทั้งต้องได้ทำความร่วมมือกับตี้เหา ไหนจะต้องได้เซ็นสัญญา150ล้านอีก?อย่าล้อกันเล่นเลย แม้แต่ให้นายหญิงใหญ่เซียวลงมือเอง ผู้บริหารของตี้เหากรุ๊ปก็ไม่พบเธอหรอก ยิ่งคุยเรื่องความร่วมมือยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ในห้องประชุมครอบครัวเงียบสงัด
นายหญิงใหญ่เซียวเห็นเช่นนั้นก็ถามขึ้นด้วยความโมโห:“พวกแกเป็นคนรุ่นต่อไปของตระกูลเซียวนะ ไม่มีใครช่วยแบ่งเบาภาระตระกูลเซียวเลยงั้นเหรอ?”
ขณะจบ นายหญิงใหญ่เซียวก็หันไปมองเซียวไห่หลง:“ไห่หลง แกไปจัดการเรื่องนี้ซะ!”
เซียวไห่หลงยิ้มเจื่อนๆ แล้วรีบพูดขึ้น:“คุณย่า ตอนนี้แม้แต่ตระกูลหวังเหวินเฟยยังโดนตี้เหากรุ๊ปไล่ตะเพิดเลย พวกเราด้อยกว่าตระกูลหวัง จะไปเซ็นสัญญากับตี้เหากรุ๊ปได้ยังไง......”
นายหญิงใหญ่เซียวด่าทันที:“ไร้ประโยชน์!ยังไม่ลองก็ปฏิเสธตัวเองแล้ว แกมันไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าเย่เฉินอีก!”
ที่จริงนายหญิงใหญ่เซียวก็ยังไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่เธอไม่ยอมให้ตระกูลเป็นที่สองที่สามตลอดไปหรอก ยังไงเธอก็ยังหวังว่าตระกูลเซียวจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกขั้น
อีกทั้งโปรเจกต์ของตี้เหากรุ๊ปในครั้งนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น
ดังนั้นไม่ว่าจะยากแค่ไหนเธอก็จะไม่ยอมแพ้
เดิมทีเธอคิดว่าเซียวไห่หลงที่เป็นหลานชาย จะรับหน้าที่นี้อย่างเต็มใจ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะถอนตัวออกไปแบบนี้!
เซียวไห่หลงก็กลุ้มใจมากเช่นกัน ใครมันจะไปรับหน้าที่ที่ไม่มีทางสำเร็จแบบนี้กัน?เกรงว่าเขายังไม่ทันเข้าไปในตี้เหากรุ๊ปก็โดนไล่ตะเพิดออกมาแล้ว
ถึงตอนนั้นไม่ใช่แค่ทำงานไม่สำเร็จ ยังต้องโดนหัวเราะเยาะอีก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางตอบตกลงเด็ดขาด
นายหญิงใหญ่เซียวด่าเซียวไห่หลงเสร็จ ก็ถามขึ้นมาเสียงดัง:“คนอื่นล่ะ?ไม่มีใครกล้ารับหน้าที่นี้งั้นเหรอ?”
ในขณะนั้นเอง เย่เฉินก็ใช้แขนชนเซียวชูหรันเบาๆ พลางกระซิบ:“คุณ คุณรับหน้าที่นี้เถอะ!”
เซียวชูหรันรีบพูด:“จะบ้าเหรอ!ตี้เหากรุ๊ปไม่มีทางร่วมมือกับบริษัทเล็กๆอย่างตระกูลเซียวหรอก!”
เย่เฉินยิ้มบางๆ แล้วพูดอย่างมั่นใจ:“ไม่ต้องห่วง คุณทำได้แน่!”
เซียวชูหรันถามด้วยความประหลาดใจ:“จริงเหรอ?”
เย่เฉินพูดอย่างมั่นใจ:“จริงสิ!ผมคิดว่าคุณทำได้!คว้าโอกาสนี้ไว้ ต่อไปคุณจะได้มีหน้ามีตาในตระกูลเซียว ทำให้คนตกตะลึง!”
เซียวชูหรันเชื่อคำพูดของเย่เฉิน ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
เธอยืนขึ้นพลางพูดกับนายหญิงใหญ่เซียว:“คุณย่า หนูจะลองดูค่ะ......”