บทที่ 8
หลังกลับออกจากบริษัท กานต์ก็ขับรถส่วนตัวมายังฟิตเนสเจ้าประจำที่ตนสมัครสมาชิกไว้ ฟิตเนสค่อนข้างใหญ่และมีชื่อเสียงพอตัวทำให้มีดาราและเซเลบิตีคนมีชื่อเสียงหลายคนมาใช้บริการ กานต์มาสมัครฟิตเนสที่นี่ก็เพราะเพื่อนๆ วงเรย์ชักชวนกันมานั่นล่ะ
คราแรกก็คิดว่า สมัครฟิตเนสที่เดียวกัน มันก็ต้องได้เจอกันบ้าง แต่ก็นานๆ ทีจะได้เจอเพื่อนร่วมวงสักคน ด้วยตารางงานที่ไม่ตรงกันทำให้ใครว่างช่วงไหนก็จะมาช่วงนั้น บางคนทิ้งระยะจากฟิตเนสไปนานเลยด้วยซ้ำเพราะงานที่ติดพัน อย่างเช่นกานต์ ที่ช่วงมีงานต่างประเทศก็แทบไม่ได้มาออกกำลังกายเลย ดีหน่อยที่ช่วงนี้ฐานงานอยู่ที่ไทย เลยยังพอเจียดเวลาสักอาทิตย์ละสองวันมาเล่นฟิตเนสวันละชั่วโมงสองชั่วโมง
เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อย ก็ออกมาวอร์มร่างกายบนลู่วิ่ง ใช้เวลาเพียงครู่ก็เริ่มไปที่เครื่องเล่นอย่างอื่น เน้นเครื่องออกกำลังกายเฉพาะส่วน เพื่อรักษารูปร่างของตัวเองให้ดูดีตลอดเวลา
เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อาชีพในวงการบันเทิง นอกจากฝีมือแล้ว มันคือการอาศัยรูปร่างหน้าตาทำมาหากิน หลายงานก็มีเสื้อผ้า คอสตูมที่โชว์เนื้อหนังมังสาบ้าง ก็เลยต้องคอยดูแลร่างกายอยู่เสมอ อีกอย่าง กานต์จะสามสิบแล้ว ถึงจะยังไม่ถือว่าอายุมาก แต่ระบบเผาผลาญหลายอย่างในร่างกายก็ไม่ได้ทำงานคล่องเหมือนแรกรุ่น ก็ถือ ซะว่าเป็นการดูแลตัวเองไปในตัว
ทั้งลู่วิ่ง ทั้งเล่นกล้าม ซิทอัปติดต่อกันจนได้เหงื่อ แม้ภายใน ฟิตเนสจะเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ แต่เหงื่อเม็ดเป้งก็ยังแต่งแต้มบนใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักเทพเจ้ากรีก ชวนมองและใจสั่นในคราวเดียวกัน พักไม่นานก็เดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่งซึ่งเป็นยิมมวย ใส่อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมขึ้นสังเวียน
แต่เพราะวันนี้ฟิตเนสแทบไม่มีคน ยิมมวยก็ว่างเปล่า กานต์จึงอาศัยกระสอบทรายเป็นคู่ออกกำลังแทน
พูดก็พูดเถอะ ทักษะคิวบู๊ต่างๆ ที่เขาใช้ในการแสดง ส่วนหนึ่งก็มาจากมวยนี่แหละ...
"ต้องการคู่ซ้อมมั้ยครับพี่กานต์" เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้น พาให้สองหมัดภายใต้นวมชะงักค้าง หันไปตามเสียงก็พบนายไทม์ยืนส่งยิ้มมาให้ แถมตอนนี้พ่อเจ้าประคุณอยู่ในพร้อมออกกำลังกายเสียด้วย
กานต์ย่นคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินมาเกาะที่รั้วสังเวียนตรงที่ไทม์ยืนอยู่
"ตามมาจนได้นะ"
"ผมมีสมาชิกที่นี่ แถมก็ไม่มีงานแล้วด้วย เลยมาออกกำลังกาย ผมไม่ได้ตามพี่ซะหน่อย" นายไทม์ไหวไล่ทั้งยังคงรอยยิ้มไว้อย่าง คงเส้นคงมา
"อ้อ..."
"ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมตามพี่มาล่ะ" ย้อนถามนิ่งๆ แล้วก็แอบ ยิ้มหัวให้ท่าทางแยกเขี้ยวของพี่กานต์ "แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้ผมเป็นคู่ซ้อมให้พี่มั้ยครับ ไม่มีคู่ซ้อมไม่ใช่หรือ"
"ปกติต่อยมวยหรือ"
"พอได้ครับ"
พอได้ที่ว่า...ก็หมายความตามนั้นจริงๆ เพราะถึงไทม์จะออกกำลังกายบ้าง แต่ส่วนมากก็เป็นการเล่นเครื่องเล่นทั่วไป เรื่องกีฬาประเภทอื่นอย่าได้ถามถึง มวยที่คิดว่าพอจะถูๆ ไถๆ ไปได้ก็เห็นจะเป็นมวยวัดเท่านั้น เรื่องชั้นเชิงไม่ต้องพูดถึง เอาให้ไม่โดนฝ่ายตรงข้ามรุมยับถือว่าโอเค และเวลานี้ คนที่ต่อยมวยพอใช้ได้ก็แทบจะถอยร่นไปชนรั้วสังเวียน เพราะแรงต่อยที่ชกมายังเป้าล่อที่ตนสวมอยู่ ทั้งหมัด ทั้งศอก ทั้งหน้าแข้ง ไทม์แทบรับไม่ไหวจนต้องร้องเสียงหลง
"พอก่อน พี่กานต์ พอแล้วครับ" ถ้ากานต์ไม่หยุด อีกนิดไทม์คงได้ทรุดไปกองกับพื้นแน่ล่ะ ทั้งๆ ที่ถ้าเทียบกันแล้ว กานต์ก็ตัวพอๆ กับเขา แต่ทำไมแรงเยอะขนาดกันนะ "พี่แม่ง แรงเยอะฉิบ..."
"ดูนายก็ออกกำลังกายบ่อย ไม่คิดว่าจะอ่อนขนาดนี้" กานต์มองคนที่ทรุดลงไปนอนพะงาบๆ กับพื้นสั่งเวียนแล้วยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะจัดการถอดนวมของตน แล้วก้มลงไปถอดเป้าล่อที่แขนของไทม์
ร่างสูงทรุดลงนั่งข้างๆ ผู้ช่วยจำเป็นของตน ก่อนจะค่อยๆ นอนราบข้างๆ ไทม์ กับเม็ดเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
"ผมไม่เคยต่อยมวยแบบนี้นี่นา ปกติเล่นเครื่องเล่นอย่างเดียว ที่พอได้ก็เป็นมวยวัดเวลามีเรื่องชกต่อยกับชาวบ้านเขา"
"นายนี่นะ มีเรื่องชกต่อยกับใครเขาด้วย" ก็นะ...ในสายตาของกานต์ ไทม์ดูเป็นคนสุภาพ ใจเย็นเกินกว่าที่จะคิดว่าจะมีเรื่องกับใครได้
"ห้องฝ่ายปกครองคือบ้านหลังที่สองของผมเลยล่ะ...เกเรจนแม่ตัดสินใจส่งผมไปอยู่กับพ่อเพื่อดัดนิสัย" ว่าแล้วก็หันไปหาคนพี่ที่ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังหันหน้ามาทางเขา นัยน์ตาสีสวยชวนฝันดูเหมือนจะมีคำถามบางอย่าง "พ่อกับแม่ผมเลิกกันน่ะพี่ จริงๆ ตอนไปอยู่กับพ่อก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่หรอก กว่าจะเรียนจบมาได้ก็เข็นกันจนหืดขึ้นคอ"
"นายจบอะไรมา ทำไมเรียนจบแล้วไม่ไปทำงานอื่น มาสมัครเป็นผู้ช่วยผู้จัดการศิลปินทำไม"
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกเลยกระมังนับตั้งแต่ที่ไทม์มาทำงานด้วย ที่เขาได้สอบถามความเป็นมาเป็นไปของไทม์
"ผมจบสถาปัตย์ แต่จับพลัดจับผลูน่ะพี่ แต่ก็โอเคนะ ทำงานกับพี่ก็สนุกดี ว่าแต่พี่เถอะ เป็นบอยแบนด์มาก่อนไม่ใช่หรือ ทำไมต่อยมวยเก่งจัง"
"นักแสดงน่ะ การแข่งขันสูง" พูดมาถึงตรงนี้กานต์ก็เผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกถึงตัวเองในอดีตที่มุ่งมั่นกับการเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ทุ่มเทฝึกฝนทุกอย่างที่มองว่าจะเป็นโอกาสสำหรับตน ไปเป็นไอดอลฝึกร้องฝึกเต้น เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ก็ไม่สามารถหยุดพัฒนาตัวเองได้ เพราะเมื่อไรก็ตามที่หยุด ก็จะมีคนอื่นวิ่งแซงหน้าได้ตลอดเวลา
กานต์ใช้ชีวิตอยู่กับการแข่งขัน ต่อสู้ ดิ้นรน กว่าจะมายืนในจุดนี้ที่ใครต่อใครยอมรับในความสามารถในฐานะศิลปินคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่ากานต์จะหยุดแค่นั้น กานต์ยังคงฝึกฝนหลายสิ่งอย่างที่เป็นประโยชน์ต่ออาชีพของตน
ฝึกการต่อสู้ป้องกันตัว ฝึกมวย ฝึกขี่ม้า ฝึกยิงปืน เพื่อที่ว่า วันหนึ่งที่โอกาสมาถึง เขาก็พร้อมที่โอบรับโอกาสนั้นทันที
"บางทีผมก็แอบคิดว่า พี่เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า"
"ทำไม"
"พี่ชอบถอนหายใจบ่อยๆ"
วนกลับมาเรื่องนี้อีกจนได้ และมันก็ทำให้กานต์เผลอยิ้มออกมายามหันไปสบตาของไทม์ และว่า
"เมื่อก่อนฉันเหนื่อยกว่านี้เยอะ เรื่องถอนหายใจไม่เกี่ยวกับความเหนื่อย" มันเกิดจากความรู้สึกในใจของเขาล้วนๆ ต่างหาก
"ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้พี่เลิกถอนหายใจดีมั้ย...แบบนี้!"
อย่างไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ใบหน้าขาวจัดชื้นเหงื่อของไทม์ก็ยื่นเข้ามาใกล้จนกานต์สะดุ้งวาบ จะผละถอยก็ไม่ทัน ราวกับถูกอะไรบางอย่างตรึงเอาไว้ เผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ เพราะคำว่าใกล้ที่ว่า หมายถึงอีกคืบเดียว ปลายจมูกก็คงจะชนกัน
"นี่ไง พี่ไม่ถอนหายใจแล้ว แต่กลั้นหายใจแทน แถมหน้าแดงด้วย...โอ๊ย!"
เพราะพูดอะไรไม่เข้าหู เลยถูกคนพี่ดีดเหม่งไปทีแรงๆ จนร้องเสียงหลง ก่อนที่กานต์จะขยับตัวลุกขึ้นยืน ตีหน้าดุใส่ไอ้ตัวแสบ
"พอ! เลิกเล่น แยกย้าย ฉันจะกลับไปพักแล้ว" ว่าจบก็เดินออกจากสังเวียน ก้าวฉับๆ จนหายลับไป โดยไม่คิดจะหันกลับมาสนใจไอ้เด็กแสบที่ยังคงมองตามแผ่นหลังของเขาจนลับตา