บทที่ 1
บทที่ 1
การถ่ายทำวาไรตี้ทอร์คโชว์สิ้นสุดลงในเวลาเกือบเที่ยงคืน กานต์ใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า บอกลาทีมงานและสนทนาทักทายกับแฟนคลับเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินมาขึ้นรถตู้ของทางบริษัทที่จอดรออยู่ด้านหลังสตูดิโอ โดยมี 'ผู้ช่วยส่วนตัว' ตามประกบตลอดทาง
"ออกรถเลยครับลุงสิงห์" ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ ผู้ช่วยส่วนตัวของกานต์ก็เอ่ยกับ 'ลุงสิงห์' คนขับรถประจำบริษัทที่ระยะหลังรับหน้าที่ขับรถรับส่งกานต์ด้วยกระแสเสียงทุ้มกังวาล ดวงหน้าขาวจัดที่เสริมความคมคายด้วยคิ้วเข้มพาดเฉียงโดดเด่นรับกับจมูกรั้นและเรียวปากหยักสีสดที่มักมีรอยยิ้มอยู่เสมอนั้นแลดูอ่อนโยนและแฝงไปด้วยความขี้เล่นน้อยๆ ที่กานต์คิดว่า ถ้าจับแต่งหน้าแต่งตัวสักหน่อย หมอนี่ก็คงหล่อเอาเรื่องทีเดียว
เจ้าหมอนี่มีชื่อว่า 'ไทม์' แต่เดิมเป็นเด็กฝึกงานที่คุณสุจิรา ผู้บริหารสาวคนเก่งแห่ง เซอร์คอน (Zircon) เอนเทอร์เทนเมนต์ ต้นสังกัดของกานต์ส่งให้มาเป็นผู้ช่วยของ 'พี่จี๊ด' ผู้จัดการส่วนตัว ของเขา แต่เพราะเมื่อวานซืนนี้เองที่พี่จี๊ดโทรมาแจ้งข่าวร้ายว่าตัวเองสะดุดตกบันไดที่บ้าน ขาหัก สะโพกร้าว แถมตอนกลิ้งหลุนๆ มาที่พื้นก็เอาแขนรองรับน้ำหนักตัว ส่งผลให้แขนเดาะไปอีกหนึ่ง ตอนนี้เลยต้องหยุดพักงานยาว อย่างเร็วก็หกเดือน อย่างช้าก็น่าจะร่วมปี รวมกายภาพบำบัด
คราแรกคุณสุจิราก็จะหาผู้จัดการมาทำหน้าที่แทนจี๊ดชั่วคราว แต่ผู้จัดการแต่ละคนที่มีอยู่ก็ล้วนแต่มีหน้าที่ดูแลเด็กในสังกัดไม่น้อย พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้จัดการหนึ่งคน จะต้องรับผิดชอบดูแลตารางงานเด็กขั้นต่ำสามคน มีเพียงจี๊ดที่รับหน้าที่ดูแลกานต์เพียงคนเดียว เพราะแค่เฉพาะงานของเขาก็แทบจะไม่มีช่วงเวลาไปดูตารางงานให้ใครแล้ว แต่ครั้นจะดึงให้ใครสักคนมาช่วยดูงานกานต์แทน นั่นหมายความว่าผู้จัดการคนนั้นจะต้องโยกเด็กในความดูแลส่งต่อให้ผู้จัดการคนอื่นทันที
ดังนั้น เรื่องนี้คุณสุจิราจึงต้องวางแผนให้ดี และต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยว่า ผู้จัดการคนไหนที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์แวดล้อม แถมยังบินข้ามประเทศไปมาแบบฉ่ำปอดของกานค์ได้บ้าง ไม่นับรวมการทำงานที่แทบไม่มีวันหยุดของกานต์อีก ในสถานการณ์ฉุกละหุกเช่นนี้ จึงทำได้เพียงแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยการให้นายไทม์ขึ้นมาดูแลกานต์ชั่วคราว ด้วยเห็นว่า ช่วงนี้กานต์มีงานแค่ในประเทศและส่วนใหญ่ก็เป็นอีเว้นท์ วาไรตี้เท่านั้น คุณสุจิราจึงให้ไทม์ช่วยดูแลกานต์ไปก่อน ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็เป็นคนที่รู้ตารางงานของกานต์และเริ่มคุ้นชินกับการทำงานของกานต์บ้างแล้ว
ซึ่งการลงสนามจริงแบบฉายเดี่ยวครั้งแรกของไทม์ก็คือการมาดูแลกานต์อัดวาไรตี้ทอร์คโชว์วันนี้
"พี่กานต์ ทานขนมปังหน่อยนะพี่ ตั้งแต่เย็นพี่แทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง ฟู้ดซัพพอร์ตของแฟนคลับพี่ก็กินแค่นิดเดียว" ไทม์เอ่ยพลางยื่นถุงขนมปังที่อาศัยแสงไฟจากภายในรถตู้ก็พอจะมองเห็นจากหน้าซองว่าเป็นขนมปังไส้หมูหยองน้ำสลัด หากคนที่รู้สึกล้าจากการทำงานบวกกับความง่วงงุนจึงส่ายหน้าปฏิเสธ
เวลาเหนื่อยๆ กานต์ไม่รู้สึกอยากอาหาร และก็มักจะติดนิสัยเช่นนี้เรื่อยมาจนรู้ตัวอีกทีก็ได้รับคำวินิจฉัยจากคุณหมอว่าเป็นโรคกระเพาะไปเสียแล้ว
"เดี๋ยวค่อยกิน" เขาตอบผู้ช่วยหนุ่ม แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาเปิดเครื่อง เพื่อจะอัปรูปฟู้ดซัพพอร์ตลงโซเชียลเป็นการขอบคุณแฟนคลับ ทว่า ทันทีที่เปิดเครื่องมา กานต์ก็พบว่ามีข้อความแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ร่วมสองหมื่นข้อความ
และเป็นข้อความที่มาจากกลุ่ม 'เทพบุตรทั้ง 7'
ชื่อกลุ่มไลน์ที่โคตรจูนิเบียว บ่งบอกถึงช่วงวัยบูดๆ เบี้ยวๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งการวิ่งไล่ตามความฝันของพวกเขา
เป็นช่วงวัยที่เต็มไปด้วยพลังงานอันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในเส้นทางวงการบันเทิง
ตอนนั้นกานต์อายุราวยี่สิบถึงยี่สิบเอ็ดปี ได้เข้าร่วมรายการเดอะเดบิวต์ การแข่งขันรูปแบบเซอร์ไวเวิล เฟ้นหาเด็กหนุ่มเจ็ดคนเพื่อฟอร์มวงเป็นบอยแบนด์ การแข่งขันดุเดือดที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และมิตรภาพมากมาย ฝ่าฟันจนในที่สุดได้เป็นหนึ่งในเจ็ดของวงบอยแบนด์นาม 'RAY' ภายใต้สัญญาวงสองปี กับเพื่อนร่วมทีมอีกหกคนที่ ณ ปัจจุบันได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งครอบครัวของเขา
และทันทีที่เดบิวต์ จึงมีการสร้างกลุ่มสำหรับติดต่อสื่อสารกันขึ้นมา แล้วก็มาจบลงที่ 'เทพบุตรทั้ง 7'
เวลาผ่านมาไม่รู้ตั้งกี่ปีก็เหนื่อยจะนับ แต่ชื่อกลุ่ม 'เทพบุตรทั้ง 7' กลับยังอยู่ยงคงกระพันมาจนปัจจุบัน
แม้ในบางช่วง กลุ่มไลน์จะเงียบเหงาไปบ้างเพราะต่างคนก็ต่างหัวหมุนกับงานของตัวเอง แต่เมื่อถึงวาระโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิดเพื่อน วันสงกรานต์ ปีใหม่ ก็จะมีการส่งข้อความทักทายกันเข้ามา ใครนึกครึ้มอยากนัดรวมตัวก็มาทิ้งข้อความไว้ หรือแม้แต่เรื่องน่ายินดีก็จะมีการแจ้งกันในกลุ่มไลน์นี้
คราวนี้มีข้อความพูดคุยร่วมสองหมื่นข้อความ สงสัยจะมีเรื่องใหญ่เป็นแน่แท้ กานต์คิดว่าเอาไว้กลับถึงคอนโดอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยเปิดอ่านทีเดียว ตอนนี้เขาอยากลงรูปฟู้ดซัพพอร์ตของแฟนคลับในอินสตราแกรมหรือที่เรียกย่อๆ ว่า ไอจี เสียก่อน
คิดแล้ว กานต์ใช้ปลายนิ้วจิ้มที่ไอคอนไอจี เตรียมจะกดเพิ่มรูปภาพแล้ว ถ้าหน้าแรกที่เปิดมาจะไม่ขึ้นรูปของผู้ที่เขากำลังติดตามเสียก่อน...เล่นเอาชะงักปลายนิ้วมือเลยทีเดียว
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า มีที่มาจากเจ้าของไอจีชื่อ 'Gene_JP' หรือจีน อดีตเพื่อนร่วมวง หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของวงเรย์ เป็นโพสต์ที่มีการกดไลค์เกือบเก้าแสน คอมเม้นต์ทะลุหลักแสนไปแล้ว
เป็นภาพของมือสองมือที่สอดประสานกัน แต่อะไรก็ไม่เท่าแหวนทองคำขาวตัวเรือนประดับเพชรเม็ดงามสามเม็ดเรียงสวยพร้อมแคปชัน 'YES, I DO'
ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกเหมือนใจดิ่งจากที่สูง มือไม้ชาวาบจนเกือบจะประคองมือถือไม่ไหว กานต์หลับตาสูดลมหายใจน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้าและพาปลายนิ้วอันสั่นเทากดไลค์เป็นเชิงแสดงความยินดี
ที่ในกลุ่มไลน์คุยกันเป็นหมื่นข้อความก็คงจะเรื่องนี้สินะ จีนกำลังตะเป็น 'ว่าที่เจ้าบ่าว' และแน่นอนว่า 'ว่าที่เจ้าบ่าวของจีน' ก็คือเพื่อนร่วมวงเรย์ที่ชื่อ 'คีตา'
สองคนนี้ชอบพอกันตั้งแต่แข่งขันในรายการ จนเดบิวต์ด้วยกัน ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นจนตัดสินใจคบหาดูใจ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็น่าจะเจ็ดหรือแปดปีได้แล้วกระมัง
กานต์ผ่อนลมหายใจแผ่วเบา ความรู้สึกทั้งยินดีทั้งปวดหนึบในหัวใจ ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย เขาหมดอารมณ์จะลงรูป ปิดหน้าจอมือถือและเก็บลงกระเป๋าเป้ พร้อมกับทิ้งตัวเอนหลังกับเบาะรถ
จู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรง
"พี่กานต์ครับ พี่โอเคหรือเปล่า ปวดหัวหรือไม่สบายตรงไหนมั้ย" เห็นท่าทางอ่อนล้าของอีกฝ่าย นายไทม์ช่างสังเกตก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไร แค่รู้สึกเพลีย" ตอบเสียงเนือย ทั้งยังปิดเปลือกตาลง
"งั้นพี่พักสายตาสักครู่ก็ได้ครับ อีกประมาณสิบห้านาทีน่าจะถึงบริษัทแล้ว ว่าแต่พี่ขับรถกลับคอนโดไหวใช่มั้ย"
"ไหว..."
กานต์ตอบแค่นั้นแล้วปิดเปลือกตาลง ขณะที่ไทม์เอื้อมมือไปปิดไฟรถ เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรมารบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย แถมยังจัดการปิดผ้าม่านตรงกระจกหน้าต่างรถไม่ให้มีแสงไฟบนท้องถนนเล็ดลอดเข้ามาอีกต่างหาก
เป็นการกระทำที่ทำให้กานต์คลี่ยิ้มบางเบาในความมืดมิดนั้น...
นายไทม์คนนี้ถือว่าทำงานใช้ได้เลยทีเดียว