ตอนที่ 1 ตั๊กแตนตำข้าวกับรองเท้าหนังของเขา
ภายในห้องน้ำโรงแรมหรูใจกลางเมือง สาว ๆ หลายคนที่มาร่วมงานมงคลสมรสต่างเแวบเข้ามาพักเติมหน้าเติมปาก ซับเหงื่อกันนิดหน่อยเพราะจะเริ่มเข้าสู่ช่วง After Party แล้ว
“หมั่นไส้คุณพี่ดาวเด่นเหมือนกันนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว เข้าทำงานรุ่นเดียวกับน้องเทียร์กับลูกบอส มิน่าเชิดจนคอจะหัก” เสียงสะบัดสะบิ้งใส่อารมณ์เต็มที่ พูดถึงใครบางคนที่รู้กันภายในบริษัทตริมาเบฟเวอเรจ
“อยากเห็นวันนี้ที่นางจะแบกหน้าไว้บนบ่าไม่ได้จัง” อีกคนพูด ก่อนจะเม้มปากทำท่าจุ๊บกระจกเงา แล้วพากันออกไป
คนตัวเล็กในชุดเพื่อนเจ้าสาวเดินออกจากห้องน้ำด้านในสุด หยุดยืนส่องกระจกและล้างมือ ส่งยิ้มให้กับตัวเองแล้วเดินออกไป
.
.
.
“ทำไมงานมันกลายเป็นแบบนี้”
ยังไม่ทันที่ดีเจคนดังจะลงจากเวทีเพราะหมดเวลาจ้างงาน เพลงรถแห่เข้ามาแทนที่ EDM ที่ฝั่งเจ้าของร้านเหล้าชื่อดังจ้าง DJ สุดฮอตมาเปิดแผ่น
เพื่อนเจ้าสาวยืนจิบไวน์แก้วใหม่ที่มีคนมาเสิร์ฟให้ สายตามองแก๊งผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ ก่อนจะสบตากับไอ้คนไร้มารยาทที่ลุกไปกดเปลี่ยนเพลงด้วยตัวเอง ราวกับเขาเป็นเจ้าของงาน
เห็นภายนอกตอนนี้ดูไม่ออกหรอกว่าพวกนั้นทำอาชีพอะไร และทำไมโต๊ะถึงมาอยู่ใกล้กับพวกเธอ แต่บทสนทนาเสียงดังสะท้อนว่า พวกเขาใช้ชีวิตกับบรรดารถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถแต่งซิ่ง มีความสุขกับการเร่งความเร็ว และใส่ใจเสียงท่อ
‘โคตรไร้สาระ’ เสียงในใจที่ไม่เอ่ยไป เมื่อ จูล ต้องกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้งแม้ในใจบ่งบอกความอยากไปจากตรงนี้
ไอ้พวกโต๊ะข้าง ๆ ลุกมาเต้นที่ด้านหน้าเวที ริมประตูทางออกที่ 1 ต้นแถว…หรือเพราะใกล้ชุดเครื่องเสียงที่คุณเจ้าบ่าวสั่งมาลงก็ไม่รู้ เด็กหนุ่มวัยวนเวียนอยู่แถว ๆ เลขสองต้น ๆ ดูเหมือนพวกตั๊กแตนที่ยังไม่โตเต็มที่เท่าไร กำลังเต้นเรียกสายตาและบาทา ไอ้ท่าก้มโค้งยึกหน้ายึกหลัง กางแขนสองข้างเหมือนจะบิน แล้วยังแอ่นตูดโชว์ความสันหลังยาวอีก
จูลถึงกับส่ายหน้า ถอนหายใจแรง ไม่อยากพูดออกไปเพราะรู้สึกเหมือนบูลลี่คนอื่น แต่...ไอ้เด็กแว้นพวกนี้ แขกฝั่งไหนของพวกเขานะ
งานแต่งงานใหญ่โตในโรงแรมหรูใจกลางกรุง ที่ถูกเหมาห้องจัดเลี้ยงทุกห้องเพื่อรองรับคนร่วมงานกว่า 5000 คน เพราะเขาจัดงานแต่งพร้อมกันถึง 2 คู่
คู่แรก คุณธารา ลูกชายตริมาเบฟเวอเรจ เขาเป็นผู้จัดการแผนกกลยุทธ์ และเป็นลูก CEO ด้วย คาดว่าก็เป็นเจ้าพ่อน้ำเมาคนถัดไป แต่งงานกับน้องเทียร์ ซึ่งจูลเองก็เพิ่งรู้ว่า เธอได้เป็นเพื่อนร่วมงานกับคนตระกูลอาทิตย์พาณิช
จากที่ฟังพิธีกรพูดตอนประกาศเล่าประวัติบ่าวสาว ดูเหมือนพ่อเทียร์จะทำธุรกิจด้านซอฟต์แวร์และปัญญาประดิษฐ์
ส่วนบ่าวสาวอีกคู่ เธอไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่รู้ว่านี่แหละ คือ ลูกค้ารายใหญ่ของตริมาเบฟ ชื่อคุณธิทัต เป็นผู้บริหารร้านเหล้าทุกสาขาของอาทิตย์พาณิช และเป็นพี่ชายของน้องเทียร์ แต่งกับลูกสาวของคุณพีระ กรรมการบริษัทตริมาเบฟ และมีสถานะเป็นเพื่อนน้องเทียร์ด้วย
สองคู่นี้ทำเอาจูล รู้สึกนิดหน่อยว่าพวกคนรวยนั้น แต่งกันเองวนไปวนมา ความรวยอยู่แล้วพากันรวยไปใหญ่
ความอึดอัดที่ต้องมางานของบรรดาคนใหญ่คนโต เชื่อว่าผู้คนใส่หน้ากากเข้าหากัน ทำเธอเอ่ยปฏิเสธทันทีที่เทียร์เอ่ยปากชวนให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว
แต่เพราะคำเชื้อเชิญด้วยข้อความที่ว่า
“งานหนูจะเป็นงานที่โลกต้องจารึก เพราะเพื่อนเจ้าสาวต้องแต่งตัวไม่เหมือนกัน ปังใครปังมัน ต้องเลิศที่สุด เพราะชุดเจ้าสาวสองคนก็ไม่ธรรมดา หนูขออย่างเดียวค่ะพี่จูลเลอะ~ โบใหญ่ไฟกะพริบไปเลยค่ะ”
“พี่ไม่ชอบชุดสีเรียบ ๆ เลยไม่ชอบไปงานแต่ง” รุ่นพี่ในที่ทำงานอย่าง จูล รีบบอกอีกเหตุที่เธอปฏิเสธ ชุดที่สีราบเรียบ ไม่ค่อยกระตุ้นสมองด้านคิดสร้างสรรค์ คล้ายกับชีวิตการทำงานในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แล้วจ้องแต่จอคอม ช่างน่าเบื่อ...และไร้รสนิยม
“ลายมาเลยค่ะพี่ จะม้าลายหรือลายเสือสาวล่าเหยื่อ หรือพี่จะ...”
“งูเหลือมได้มั้ย”
“ได้”
“แล้วลายแบบสีโมเสกในโบสถ์ได้มั้ย”
“ได้เลย”
“สีดำได้มั้ย”
“ได้ทุกเฉด สีขาวยังได้ จัดมาเลย หนูขอกิมมิกเดียว มีโบให้หน่อย อยากให้รู้สึกว่า เพื่อนเจ้าสาวเป็นของขวัญที่พระเจ้าให้หนูได้เจอเพื่อนดี ๆ แบบทุกคน”
น้องเทียร์ บอกด้วยท่าทีทั้งหยอกเย้า อ้อนวอน และอยากชวนให้เพื่อนร่วมงานในบริษัทตริมาเบฟของเธอยอมมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว
“เพราะเป็นเทียร์หรอกนะ พี่จูลเลอะ~ คนนี้จะยอมเป็นเพื่อนเจ้าสาวที่ปังที่สุดในสามโลกให้”
แต่...ในงานที่เธอเข้าใจว่า จะได้เห็นบรรดาเซเลปและคนใหญ่คนโตเท่านั้น ดันกลายเป็นว่า โต๊ะเธอในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ได้รับสิทธิ์ VIP แถวหน้า แต่อีฝั่งขวาก่อนออกประตูแรกนี้ คือโต๊ะเด็กแว้น เธอเห็นบางคนใส่เสื้อแจ็กเกตแบบมีกระเป๋าเยอะเกินไป ในฐานะนักออกแบบดีไซน์คนหนึ่งก็อยากจะพูดว่า ไปเป็นช่างไหม จะได้ไว้ใส่เครื่องไม้เครื่องมือ แหม...เห็นแล้วอยากจะไปถอดเสื้อตัวนั้นทิ้งให้
“ชิ!” จูลสะบัดหน้าหนี เพราะไอ้เด็กคนนั้นหันมาพอดี อย่างกับรู้ว่านินทาในใจ...มองบ่อยจริง ไอ้แก๊งตั๊กแตนตำข้าวนี่
เพียงสบตากัน…อีกฝ่ายก็เหมือนจะแอบส่งยิ้มให้
ส่วนจูลรีบหันหน้ากลับมาที่โต๊ะด้วยความหงุดหงิดและเบื่อหน่าย ถ้าไม่ติดว่าน้องเทียร์ เจ้าสาวคนหนึ่งของงานวันนี้กำลังสนุกไปกับการเต้นในแก๊งรถแห่นั่นด้วย เธอคงอยากหนีกลับไปก่อน…เอ…หรือเธอควรกลับได้แล้ว
หญิงสาวหยิบมือถือมาตั้งใจจะดูเวลา แต่เห็นแจ้งเตือนจากอีเมล จำต้องเปิดดู
พวกHead Hunter ที่คอยตามจีบคนทำงานเก่ง ๆ ให้ไปยังที่ทำงานใหม่ แบบตรงสเป็กผู้ว่าจ้าง ส่วนลูกจ้างก็จะได้เงินเดือนพร้อมสวัสดิการ ค่าตอบแทนต่าง ๆ อย่างตรงใจ
แม้ว่าเธอจะได้งานใหม่มาพักใหญ่แล้ว แต่คนเหล่านี้ไม่สน…จะตามจีบจนกว่าเธอจะได้ย้ายไปยังที่เขาต้องการ
‘บริษัทนำเข้ารถหรู ผู้ยื่นข้อเสนอให้เธอไปเป็นหัวหน้าฝ่ายPR’
‘บริษัทการตลาดสื่อสมัยใหม่ ติดต่อขอเสนอตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจออนไลน์’
ขนาดเธอเมาหน่อย ๆ แต่ก็ยังพออ่านอีเมลภาษาอังกฤษเหล่านี้ได้ และรู้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ
นิ้วเรียวเล็บเจลสีเข้ากับชุดเพื่อนเจ้าสาว จิ้มกดปุ่มสีแดง เพื่อบอกปฏิเสธการนัดหมายเหล่านั้น
.
.
มือถือถูกเก็บลงกระเป๋าใบเล็กวางไว้ที่ตัก หันมาหาคนที่เธอสนใจมากกว่า
“คุณเพชร ไวน์มั้ย” จูลเอ่ยถามเพราะเห็นพนักงานแผนกการตลาดหนึ่งในทีมโพรเจกต์ที่ธาราและเทียร์ทำงานด้วยอย่างใกล้ชิด เขากำลังก้มหน้าก้มตานับชิ้นก้ามปูที่แกะแล้ว ส่วนคนอื่นในโต๊ะพากันไปเต้นใน After ปาร์ตี้ที่ดนตรีเปลี่ยนจาก EDM ไปสู่ช่วงเพลงรถแห่ แต่บางคนก็ขอลากลับก่อน เพราะเมาจนจะเดินไม่ไหวแล้ว
“กลับมั้ย ฉันไปส่ง” จูลถามพลางรินไวน์ยื่นให้ ส่วนตัวเองเปลี่ยนไปดื่มเหล้าแล้ว ชักอยากเมาเพราะจะได้ไม่ได้ยินเสียงไอ้พวกเด็กโต๊ะหลังนี่ ผสมกับวางแผนในใจเล็กน้อย กำลังขอความเห็นใจจากผู้ชายที่อยู่ตรงนี้
“ไม่เป็นไรครับ” เพชรเปลี่ยนไปนั่งนับขวดน้ำเปล่าที่กลิ้งตามพื้น พยายามแยกว่าอันไหนแบรนด์ที่เขาเป็นคนทำแผนโปรโมตให้
“……” จูลถอนหายใจ
เพชรยังก้มหน้าด้วยความเป็นคนไม่ค่อยกล้าพูดกับจูลเท่าไร ด้วยบุคลิกแตกต่างจนเหมือนเป็นพวกที่อยู่กันคนละโลก
“ถ้าจะกลับก็กลับได้เลยนะ แต่ถ้าอยากให้ไปส่ง ก็ตามมา” จูลพูดเพราะกลัวว่าเพชรจะไม่กล้าทิ้งเจ้าภาพแล้วเดินออกไป หญิงสาวลุกยืน ดึงชุดให้เข้าที่ ก่อนจะสะบัดผมเดินเซแถด ๆ ออกนอกประตูไปพร้อมเหล้าครึ่งขวด
เพชรมองด้านหลังผู้จัดการแผนกออกแบบที่เดินไปแล้ว แต่คนนั่งฟังคำพูดนั้นอย่างเขา...กำลังคิดคำตอบ…
----
อีกโต๊ะข้างกัน เพราะงานนี้เหล้าฟรีมากกว่างานไหนในประเทศเพราะคุณพ่อเจ้าบ่าวปลื้มใจ จึงเล่นใหญ่สั่งรถขนเบียร์ขนเหล้า และบรรดาเครื่องดื่มเบา ๆ สำหรับสาย No Alcohol ยังไม่นับน้ำแข็งที่ส่งมาจากโรงผลิตที่เป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกัน ทำเอาแขกเหรื่อในงานมีความสุขเต็มที่
“ลุง เดี๋ยวผมมานะ” หลานรักตะโกนดังแข่งกับลำโพง
“ว่าไรนะ” เมฆาถาม แต่ชินกรหันมาพยักหน้า อนุญาตให้แทนอีกคนที่มัวแต่มองหาเมียตัวเองอยู่
“มันว่าไร” เมฆาหันไปถามชินกร
“มันบอกว่าขอออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่ง” ชินกรตอบ พลางยกแก้วเหล้าดื่ม ก่อนจะหันไปเห็นธิคุณที่เดินหน้าแดงมาเพราะดื่มเยอะ
“ว่าไงพ่อเจ้าบ่าว” ชินกรทักทาย
“ฮ่า ๆ ทำไงดีวะ ลูกกูหนีไปแล้ว” ธิคุณพูด ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งท่ามกลางเพื่อนฝูงญาติพี่น้องที่วนเวียนอยู่ในงานด้วยกัน
“มีอะไรอะ” เมฆาถาม
“ธิทัตไปแล้ว ชิ่ง” ธิคุณบอก
“ฮ่า ๆ” สองคนที่ฟัง พากันขำเสียงดัง
“แล้วเด็ก ๆ ไปไหนหมด” ธิคุณถามถึงแก๊งทีมช่างของสนามแข่งรถ
“ตามกลิ่นน้ำมันเครื่องไปได้” ชินกรตอบ แล้วส่งสายตาไปทางออกประตู กับเสียงด้านนอกที่ดังสนั่นพอกันของผู้ชายวัยฉกรรจ์หลายคนกับกลุ่มวัยรุ่นที่ยังเป็นมือใหม่หัดเมากัน
พวกลุง ๆ จึงใช้โอกาสนี้นั่งดื่มเหล้าเอาใจตัวเองด้วยการพูดถึงชีวิตหลังแต่งงานมาจนถึงวันนี้ที่เขากำลังจะส่งลูกข้ามไปสู่การเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มที่
“ธิทัตกับน้องเทียร์โอเคแล้ว ต่อไปก็ไอ้แฝดยักษ์กับตี๋บางนา” ธิคุณพูดถึงหลาน 2 คนและลูกชายคนเล็กของตัวเอง
.
.
.
ณคุน ยกแก๊งพาไปเมาเรื้อนด้านนอกงานเพื่อเพิ่มความสนุกไปอีกระดับ เพราะอย่างไรเสียพ่อแม่บ่าวสาวต้องจ่ายเต็มอยู่แล้ว ดังนั้นสระว่ายน้ำ ระเบียง หรือแม้แต่สวนระหว่างทางเดินไปลานจอดรถ ทุกที่ในโรงแรมนี้จะถูกเหมาจ่ายอย่างแน่นอน
“ยะฮู้!”
แก๊งนักแต่งรถทั้งหลายพากันกระโดดน้ำเล่น พอพนักงานโรงแรมวิ่งมาเพื่อจะห้ามปราม เพียงแค่เห็นหนึ่งในเจ้าภาพอยู่ตรงนั้น จึงได้แต่ส่งสายตาอ้อนวอนไป
ณคุนยิ้มร่า แล้วเอนตัวลงอย่างกับโลกนี้ไม่มีแรงโน้มถ่วงใดมายึดเขาไว้ หัวทิ่มลงม้วนตัว ตีลังกาลงสระน้ำ
ตู๊ม!
เพล้ง!!!
แชนเดอเลียร์ราคาครึ่งล้านที่ห้อยระย้ามาตั้งแต่สมัยยี่สิบปีที่แล้ว และปัจจุบันไม่มีรุ่นนี้ผลิตหรือคงเหลือวางขายที่ไหน กำลังห้อยแกว่งไปมาเพราะโดนรองเท้าหนังสั่งทำจากช่างเย็บมือที่ฟลอเรนซ์คู่ละแสนกว่าบาทเตะเสยขึ้นไป และค้างอยู่บนนั้น และที่พื้นข้างสระมีแจ็กเกตถอดกองทิ้งไว้
เมฆา ชินกร และ ธิคุณ เคลื่อนตัวจากโต๊ะแรกสุดริมประตูทางออก แม้หัวจะมึนเพราะเหล้าอยู่บ้าง แต่ก็สร่างขึ้นมาทันที
สายตาผู้ใหญ่สามคนมองกวาดไปทั่วเห็นแต่พนักงานของตนเองที่มาจากสนามแข่ง ส่วนพนักงานโรงแรมคนนั้นยืนอึ้ง อ้าปากค้างจนต้องปิดปากตัวเองเพราะแมลงเม่าบินมาหา
“ติว ขึ้นมา” เมฆาเรียกชายคนหนึ่งที่เล่นเป็นเด็ก ๆ ลงไปลอยคอในน้ำด้วย จนสูทพองตัว เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ด้านในแนบหุ่นเต็มไปด้วยมัดกล้าม รอยสักเต็มแขน กับจุดเด่นบนเครื่องหน้า คือการเจาะจมูก
“โห่ เพ่ คนจะออกกำลังกาย” ติวว่ายเข้าฝั่ง
“มีไรกัน” เมฆาถามทุกคน เพราะเขาคือหัวหน้าช่างของสนามแข่งรถ
“ณคุนล่ะ” ชินกรถาม เมื่อมองดูรอบ ๆ เหมือนเช็กชื่อแล้ว แต่ไม่เห็นอีกคน
“ไปแล้ว”
“ไปไหน” ธิคุณถามต่อ ปวดหัวกับไอ้ลูกคนเล็ก มาไว ไปไว แถมก่อเรื่องไวเสียด้วย
“ฟิ้ว!” ติว ทำสองนิ้วกระดิกวิ่งบนท่อนแขนตัวเอง โดยมีแก๊งทีมซ่อมรถเป็นฉากหลัง กำลังยืนดื่มเบียร์จากขวดเล็ก บ้างก็สูบบุหรี่ บ้างก็กำลังถอดเสื้อสูทออกเพราะอึดอัด
ธิคุณกับเมฆาพากันหัวเราะ ส่วนชินกร กวักมือเรียกพนักงานโรงแรมมาเพื่อเคลียร์เรื่องให้