ตอนที่1 ผมไม่ตายแต่พระเจ้าถามผมยังว่าต้องการไหม
แสงสว่างบางอย่างสาดส่องเข้ามากระทบร่างใต้ผ้า ความรู้สึกไม่สร่างยังคงทำให้เจ้าตัวงัวเงียไม่อยากลุก หัวคิ้วขมวดอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกถึงสิ่งมารบกวนการนอนของเขา
“แม่ เชนทร์เคยบอกไปแล้วไงว่าอย่าเปิดม่าน” ร่างบนเตียงลุกขึ้นมาเลิกผ้าออกอย่างขัดใจ แล้วหรี่ตาให้พอดีกับแสงในยามเช้า มืออีกข้างยกขึ้นมาเกาหัวอย่างไม่สบอารมณ์ในที
แต่เมื่อหันไปกลับไม่พบผู้ที่ควรจะเปิดประตูเข้าห้องเขาอย่างถือวิสาสะแล้วยืนเท้าสะเอวอย่างเคย
ผมพบเพียงห้องนอนที่ดูแปลกตา มันไม่เหมือนห้องนอนของผมเลยสักนิด คนพึ่งตื่นก็ได้แต่เกาหัวปรอยๆอีกรอบ สงสัยเพื่อนสักคนคงลากไปค้างที่หอด้วย
ผมคิดได้ดังนั้น เท้าจึงได้ก้าวลงจากเตียงแล้วเริ่มเดินสำรวจพร้อมกับหาห้องน้ำเตรียมอาบแล้วรีบกลับก่อนที่ท่านหญิงผู้น่ากลัวกว่ายักษาจะพิโรธแล้วหักเงินอีก
ห้องขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่มากกลับดูเรียบหรูแต่ดูอ้างว้างขนาดหนัก ขนาดเขาที่พึ่งเห็นครั้งแรกยังรับรู้ได้เลยว่าเพื่อนคนที่ลากเขามาคงอยู่คนเดียวแล้วใช้ชีวิตได้แม่งโคตรเหงาหงอย
ผมสะบัดหัวอีกรอบเพื่อเตือนว่าควรไปอาบน้ำ เจ้าบ้านจะเป็นใครค่อยไปขอบคุณทีหลัง เพราะยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย จะค้างไหนก็ได้อยู่ดี
ตกลงกับตัวเองได้เท้าเรียวก็เดินไปหยิบเสื้อที่ตกอยู่กับพื้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวต่อ
แต่เมื่อหันไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อส่องกระจกเขาก็แทบช็อค
“เชี่ยๆ ไอ้เชนทร์มึงตื่นดิวะ! ไอ้สัสกูทำไมหน้าเปลี่ยนวะ” เขาทำได้แค่มองกระจกกับอ่างล้างหน้า พลันใจไม่อยู่กับตัว ตบหน้าตัวเองจนแดงเพื่อเตือนสติ แล้วรีบสำรวจตามตัวอีกครั้ง
มือแม่งเล็กกว่าแต่ก่อน ทำไมกูไม่สงสัยวะ
แขนนี้ก็เล็ก ตัวก็อีก ส่วนสูงด้วย
ใครวะ ….
ไม่ดิ ตอนนี้กูเป็นใครวะเนี่ย
เชนทร์ใช้เวลาสำรวจและหาที่มาของเจ้าของร่างเป็นเวลากว่าสามชั่วโมงและได้ใช้เวลาทำใจอีกจนถึงครึ่งวัน
“ไม่จริง ไม่ใช่ ไม่ๆ ล่าสุด…ล่าสุดไปกินเหล้าแล้วรีบขับรถกลับเพราะแม่โทรตาม จากนั้นที่สี่แยก… เชี่ย! กูตายแล้วนี่หว่า ทำไมมาอยู่นี่ได้” เขายังคงพึมพำในห้องมืดๆคนเดียว จนเวลาล่วงเลย กว่าจะรู้ตัวท้องเจ้ากรรมก็ร้องประท้วงเสียแล้ว
โครกก~
กรรม
หาอะไรกินก่อนค่อยคิดว่าเอาไงต่อแล้วกัน
สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้แก่ความหิวแล้วลุกเข้าครัวเพื่อหาของกินรองท้อง
กรรมอีกรอบ….
ในตู้เย็นมีแค่น้ำเปล่ากับส้มสามลูก แล้วนมอีกหนึ่งแพ็ค ส่วนในครัวไม่มีข้าว แถมไม่มีหม้อหุงอีก มีก็แต่กระทะกับมาม่าสองซอง
ผมได้แต่ถอนใจอย่างปลงตก ตลอดชีวิตไอ้เชนทร์ เชนทรา สุทัตตรา แม่งไม่เคยทำกับข้าวกินเองเลยครับ
พึ่งรู้ก็ตอนนี้แหละว่ากรรมรอบที่สามของวัน ถ้าแบบนี้ผมคงต้องทำอาหารกินเองตลอด ไม่มีแม่มาคอยทำกับข้าวให้กินแล้ว
เชี่ย…
แค่คิดเอง น้ำมันตกลงมาจากไหนวะ หยดลงแหมะๆบนมือที่กำลังแกะซองมาม่าอยู่เนี่ย
ไม่ได้ร้อง ไอ้เชนทร์มันจะมาร้องกะอีแค่หนีจากยายยักษ์จอมบงการของบ้านได้ทำไม เขาควรดีใจดิวะ
เสียงหัวเราะเบาๆ กับเสียงสะอื้นก็ยังคงดังออกมาเป็นระยะ
“ร้อนๆ! โอ้ย แม่งน้ำหก”
ร่างบนโซฟาในห้องกว้างยังคงมืดครึ้มขอบตาคล้ำจากการร้องไห้ที่ตัวเองไม่ยอมรับว่าร้อง และถ้วยมาม่าที่พึ่งกินไปเมื่อสิบนาทีก่อนยังคงวางทิ้งไว้ตรงกลางโต๊ะ
เสียงโทรทัศน์ยังคงดังแว่วมา แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้มีใจจะสนสิ่งในจอเลยสักนิด
ตายแล้วก็ตายเลยดิวะ นี่แม่งเข้าขั้นไม่ตายดี ให้กูจบดีๆไม่ได้ ต้องให้กลับมาใช้กรรมที่ทำทั้งยังคงมีความจำแต่ก่อนอีก
ดวงตาเรียวก้มไปมองโต๊ะกลางห้อง ถัดจากถ้วยมาม่ามีบัตรประชาชนของเจ้าของร่างอยู่ นายเดวา พัตณ์ฤคหมาตณ์ อายุ19 ปี
กับเอกสารการเรียนพร้อมรายละเอียด ปี1คณะอักษร สาขาภาษาอังกฤษแล้วยังมีเรียนเพิ่มอีกสอง จีน ญี่ปุ่น
งานเข้าตู…. ถึงผมจะเรียนปีสามแล้วแต่คณะที่เรียนคือวิศวะ และแม่งไม่เฉียดไปภาษาเลยสักกระติด
และผมไม่เก่งภาษา แต่ดูเกรดจากการส่งพอร์ตตอนสมัครเรียนแล้ว เชนทร์ไม่ได้สักเสี้ยวความเก่งของเด็กเดวาเลย
จะส่งมารับกรรมก็ส่งมาแบบให้ร้องซวยๆๆตลอดเลยหรือไงวะ ขนาดเรื่องเรียนยังส่งมารับกรรม แนวคณะที่โคตรจะไม่ถนัด
เชนทร์ได้แต่เอามือลูบหน้าแล้วท่องประโยคเดิมวนไปมา
มันช่วยไม่ได้นี้หว่าไอ้เชนทร์ เฮ้อ
ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีมาบ้าง คือไอ้เด็กเดวานี้อยู่หอคนเดียว จะพูดว่าหอก็ไม่ถูก มันเป็นหอนอกที่ทุกอย่างสะดวกสบายไปหมด แถมอยู่คนเดียวอีก จากการดูข้อมูลในอินสตาแกรม กับเฟซบุ๊ก(ในโทรศัพท์เดวานั้นแหละ มันแสกนลายนิ้วมือได้) เจ้าตัวดูจะจัดอยู่ในจำพวกลูกคุณหนูพ่อแม่ดูโอ๋ดูรักยิ่งกว่าอะไร
ดูจากข้อความที่ส่งมาถามไถ่เยอะจนตอบไม่ทัน แล้วดูจากที่พ่อและแม่ของเดวาต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ น่าจะไปทำงาน
ที่สำคัญกว่านั้นเด็กนี่รวยชิบ….
ผมหันมองรอบห้องที่เปิดไฟสว่างแล้วอย่างอดอิจฉาในความรวยนี้ไม่ได้ แต่ยังมีอีกเรื่องที่เชนทร์คิดไม่ตก
มือเรียวหยิบบัตรสีทองตรงหน้าขึ้นมาพิจารณา มันคือบัตรเดบิต แต่ผมไม่รู้รหัสมัน ซึ่งถ้าจะใช้ชีวิตในร่างนี้ ผมก็ต้องรู้รหัสบัตรและรู้ให้หมดทุกเรื่องของเจ้าตัว ซึ่งถ้าไม่รู้ ผมจะไม่มีเงิน และเรื่องอาหารการกินของผมคงไม่ลุกขึ้นมาทำเองอยู่ดี
คิดแบบนั้นตาก็สำรวจบรรดาแชทที่เจ้าตัวพิมพ์ อุปนิสัยเล็กน้อย เจ้าตัวดูเป็นคนละเอียดอ่อน จากข้อความที่ชอบโพสต์จะเป็นภาษาอังกฤษที่แปลความหมายซับซ้อน 'คุณดูดีทุกครั้งที่มอง แต่ผมกลับไม่ชอบในสิ่งนั้น' หรือ ‘คุณชอบยิ้มให้คนมากมาย และคุณยิ้มให้ผม ผมไม่ชอบมัน'
ผมพยายามแปลแล้วแปลอีกในหัวก็มีแต่คำถามเต็มไปหมด เดวาต้องเป็นคนยังไง เหมือนเขายังมีความขัดแย้งในตัวเอง หรือในนั้นอาจมีคำที่พิมพ์ไม่หมด
แต่ช่างเถอะ ผมขี้เกียจจะสนแล้วเถอะ เหมือนเจ้าตัวจะแอบชอบสาวสักคน แต่ไม่กล้าที่จะจีบเธอมากกว่า
ผมหยิบโทรศัพท์เจ้าตัวมาเปิดแมสเซนเจอร์ ข้อความล่าสุดของเดวาคือแชทจากแม่ที่เขียนเป็นMom
เดวาลูก แม่โอนเงินเข้าบัญชีแล้วนะ ที่นั่นสบายไหม เดี๋ยวให้พี่ดาร์กแวะไปดู เผื่อลูกต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกพี่ได้ ตั้งใจเรียนล่ะ ให้คุ้มกับที่ลูกไม่ยอมมาเรียนที่นี่ รักลูก 19:37
ครับแม่ ผมสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องส่งพี่ดาร์กมาหรอก ผมอยู่ได้ รักแม่เหมือนกันครับ 19:42
และเหลือข้อความที่ยังไม่ได้อ่านอีกยาว
ทั้งจากdadแล้วก็brother แล้วก็เพื่อนที่ส่งมาถามเรื่องงาน จะมีคุยเล่นก็จีน เพื่อนคนเดียวที่แชทมาถาม
เดว มึงโอเคไหมวะ เลิกชอบมันได้แล้ว ก่อนที่มึงจะทรมานกว่านี้ 21:42
วันนี้
เออ พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงกูว่าอย่างมึงคงไม่มา แต่ริวมา มึงจะมาไหม 15:27
ผมเปิดดูปฎิทิน จีนส่งมาเมื่อวานและล่าสุดเมื่อนาทีก่อนเรื่องชวนไปงานเลี้ยง
ผมลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่ชีวิตของผม
หรือใช่?!
ติ้ง!
(พิกัดร้าน)
ถึงจะรู้ว่ามึงไม่มาหรอก แต่ก็อยากให้มึงเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง อย่ายึดติดแค่ว่าตัวเองที่ผู้ชายด้วยกันดิ มึงจะคิดว่าตัวเองแพ้ตั้งแต่เริ่มไม่ได้นะเว้ย 15:46
ผมขมวดคิ้วเป็นปม อะไรคือผู้ชายด้วยกัน ผมชอบใคร
ไม่ดิ เดวาชอบใคร
มันไม่เกี่ยวกับผมซักหน่อย
แต่งานเลี้ยง…..
คนอย่างเชนทร์เคยพลาดที่ไหน ชวนมาแล้วปฎิเสธต่างหากที่เสียหมา โถ้
แล้วมือก็พิมพ์ตอบอย่างใจนึก
ไปดิ จะไม่ไปได้ไง เจอกันทุ่มครึ่ง 15:48
เปิดโอกาศอะไรผมไม่สนใจ อยู่ในร่างนี้ผมก็จะใช้ชีวิตเดวาที่เหลืออยู่ทำในสิ่งที่เดวาว่าไม่เคยทำ แล้วมันน่าจะเป็นอะไรที่ผมพอใจด้วยอะนะ
เมื่อผมคิดได้แบบนั้น หัวที่มึนๆอยู่ก็โล่งอย่างเหลือเชื่อ มือยกโทรศัพท์มากดพิมพ์รัวๆถึงว่าที่Momคนใหม่
แม่ฮะ ผมลืมรหัสบัตรเครดิต แม่พอจำได้ไหมว่าคืออะไร 16:06
ผมจัดการหยิบกางเกงขายาวสักตัวมาใส่ กับเสื้อยืดพอดีตัว ในตู้เสื้อผ้าของเดวาเป็นแหล่งรวมบรรดาเสื้อผ้าที่ผมไม่มีทางใส่เด็ดขาดไว้เต็มไปหมด เสื้อผ้าดูสุภาพเรียบร้อย คอปก ไม่ก็เสื้อเรียบหรู แต่โคตรเชย….
โทนสีออกไปทางสว่างหมดตรงข้ามกับจิตใจอันดำมืดของผมมากมาย ช่างไม่เหมาะกับคนอย่างผมเลยสักนิด
บันทึกไว้อีกหนึ่งคือซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ตัวเองอีกสักตู้แล้วกัน
ติ๊ง!
378236 17:43
คงได้เวลาคืนถิ่นแล้ววะเชนทร์