ตอนที่ 5 ที่ที่ดีกว่าฝันดี
ตอนที่ 5 ที่ที่ดีกว่าฝันดี
“ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย” เขาเลือกจะกดออกจากกูเกิลนี้ทันทีเมื่อมีแต่ข้อมูลอะไรก็ไม่รู้
“แล้วอีกแอพล่ะ ไหนดูซิจะมาแปลกอีกไหม” เขาตั้งใจหวังกับอีกแอปพลิเคชันขึ้นมาว่ามันจะไม่ให้ข้อมูลแปลกๆกับเขาอีก แอปพลิเคชันที่มีโลโก้เป็นสีเหลี่ยมสีแดง
“โอ้ววว” ดูเหมือนแอปพลิเคชันนี้จะเรียกความตื่นตาตื่นใจให้กับเขาได้มากกว่า เพราะเพียงกดเข้ามา ที่มีบอกไว้ตรงข้างบนซ้ายด้วยชื่อที่ว่า YouTube และต่ำลงมาก็มีช่องสี่เหลี่ยมมากมายเป็นรูปภาพบ้าง ภาพเคลื่อนไหวบ้างเชิญชวนให้เขากดเข้าไปดู
เพเนียสที่กำลังสนใจกับยูทูบ เขาเลื่อนภาพโฮโลแกรมขึ้นลงไปมาอยู่หลายครั้ง และสนใจกดเข้าไปฟังเพลงๆหนึ่ง เขาเอาสติ๊กเกอร์อินเอียร์เล็กๆ(ถึงจะเรียกว่าสติกเกอร์แต่ใช้ซ้ำได้นะ)ที่ทำหน้าที่คล้ายหูฟังติดเข้ากับหูทั้งสองข้างเพื่อรอฟังเพลงที่เขากดเลือกทันที ฟังเพลงแรกจบไปด้วยนักร้องหญิงกลุ่มหนึ่ง เป็นเพลงสนุกๆที่เนื้อเพลงเริ่มจะติดหูเขาแล้วตอนที่ฟังไปรอบที่สอง จนเขาต้องรีบไปเลือกฟังเพลงอื่นแทน และใช่เวลาหลายชั่วโมงบนยานบินข้ามดวงดาวของเขาหมดลงด้วยการที่ท่องยูทูบฟังเพลงต่างๆไปอย่างเพลินๆ มีเพลงติดหูมากมายที่แค่ได้ยินเสียงดนตรีขึ้นแบบที่ขนาดเขาไม่ได้สันทัดเรื่องเพลงแต่ก็รู้ได้ว่ามันต้องดังแน่ แต่ทำไมเขาไม่เคยจะได้ยินชื่อเพลงเหล่านี้เลย มีแต่เพลงที่น่าจะดังทั้งนั้น และก็มีหลากหลายภาษาด้วย แต่ที่เขาฟังออกและอ่านออกคงจะเป็นภาษาที่ในแอปพลิเคชันนี้เรียกว่าภาษาไทยกับภาษาอังกฤษนั่นเอง สรุปแล้วยูทูบดีมากๆเลยสำหรับเขาถึงแม้ว่าการฟังเพลงจะสะดุดไปบ้างเพราะบ่อยครั้งที่มีโฆษณามาคั่นให้เสียอารมณ์
และเด็กหนุ่มอย่างเพเนียสก็คลายความเหนื่อยล้า ทั้งทางกายและใจจากเรื่องที่ผ่านมา เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงที่มาจากยูทูบ แอปพลิเคชันจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่เรียกว่าโลก เครือข่ายที่มาจากดวงดาวต่างกาแล็กซีอยู่ห่างกันจนแม้แต่สหพันธรัฐเซเรนิออสยังไม่อาจสำรวจไปถึง แต่ในคอนโทรลแบนด์ของเขากลับรับสัญญาณที่ส่งข้อมูลมาจากดาวดวงนั้นได้ และมันก็มีข้อมูลต่างๆหลากหลายที่รอเขาเลือกเข้าไปค้นคว้าอยู่ หวังว่าเขาจะใช้มันให้เกิดประโยชน์และให้คุ้มค่ากับความบังเอิญ(?)ที่เกิดขึ้นนี้นะ
หลังนั่งยานที่ต่อจากดาวเจนนูแล้ว ตอนนี้เพเนียสก็ถึงท่าอากาศยานที่ดาวบ้านเกิดแล้ว เพเนียสก็นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงมาลงที่ใกล้ๆบ้านเขาอีกต่อทันที โดยระหว่างนี้เขาก็ได้ส่งข้อความไปหาเทียนอี้แล้วว่าถึงบ้านแล้ว ซึ่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง จากท่าอากาศยาน(สำหรับโดยสารผู้คน ในดาวดวงนี้มีที่เดียว) ใช้เวลา 3 ชั่วโมงก็ลงตรงชานชาลาใกล้บ้าน ต่อด้วยนั่งแท็กซี่ลอยฟ้าอีกกว่าสามสิบนาที และในที่สุดเขาก็ถึงบ้านเสียที บ้านที่ทำให้หายเหนื่อยและมีแต่ความสุขรออยู่
“พ่อครับ! แม่ครับ! พี่เพวิส!!!” พอถึงหน้าบ้านและแท็กซี่ที่มาส่งจากไปแล้ว เขาเปิดประตูไม้หนาโดยการแสกนเข้ามาในพื้นที่ของบ้าน ก่อนที่เพเนียสจะหันไปยังฝั่งตรงข้ามกับบ้านที่มีถนนเส้นเล็กๆ ตัดผ่านแล้วป้องปากส่งเสียงร้องไปดังลั่นสวนทันที บ้านเขาปลูกอยู่บนเนื้อที่กว่า 200 เอเคอร์
บ้านหลังเล็กอยู่กันแบบอบอุ่นแค่พวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูก และที่เหลือก็ถูกแบ่งสรรทำสวนไป บ้านเขาปลูกข้าวโพดเป็นหลัก รองลงมาก็พวกผักต่างๆ มีผลไม้บ้างแต่ก็ไม่ได้เน้นขายเหมือนผักและข้าวโพดแต่อย่างไร ซึ่งมีทั้งส่วนที่ปลูกกลางแจ้ง และส่วนที่อยู่ในโรงเรือนกระจก บ้านเขาถือว่าอยู่ในเขตที่อากาศกำลังดี ไม่หนาวมากนัก เลยทำให้สามารถเพาะปลูกได้ตลอดปี
“เพเนียสลูกกลับมาแล้วววว” พอได้ยินเหมือนเสียงลูกชายคนเล็กเรียก คนแรกที่วิ่งฝ่าไร่ข้าวโพดต้นสูงประมาณไหล่ออกมาก็คือเพเรน่าผู้เป็นแม่และตามมาติดๆด้วยผู้เป็นพ่อและพี่ชาย
“ครับ ผมกลับมาแล้ว” เขาก็พุ่งเข้าไปกอดแม่ทันทีอย่างโหยหาและคิดถึงอย่างสุดใจ เขาคิดว่าจะตายแล้วไม่ได้เจอพวกเขาอีกแล้ว แค่คิดเท่านี้ก็ไม่รู้ว่าใครจะเศร้ากว่ากัน ไม่ว่าจะเขาที่ไม่อยากจากและคนที่บ้านก็รอเขาอยู่เช่นกัน พวกเขาคงเศร้าถ้าหากรู้ว่าเขาเป็นอะไรไปเสียก่อน แต่พอได้มาเห็นแม่ที่มีผมหยักศกสีขาวเหมือนตัวเองและมีเขาม้วนๆอยู่บนหัวสองข้างแบบแกะอย่างคุ้นเคย ใช่แม่เขาเป็นเผ่าบีสต์(ครึ่งหนึ่ง) ไหนจะพี่ชายที่อายุห่างกันสี่ปีที่คล้ายเขาที่สุดทั้งหน้าตาและผมตรงสีขาวดวงตาสีน้ำตาลอ่อน แต่สูงกว่าเขาไปหลายเซนติเมตร ส่วนพ่อเป็นคนธรรมดา ที่โดยรวมๆแล้วพวกเขาพี่น้องก็ได้หน้าตาของทั้งพ่อและแม่มานั่นแหละ
“พวกเราโทรหาทำไมไม่รับฮะเจ้าน้องชาย” เพวิสถามออกมาคล้ายตะคอกแต่ก็เต็มไปด้วยความห่วงใยน้องชาย
“อ่า พอดีว่าคอนโทรลแบนด์ผมพังอะ ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง” เพเนียสรีบชูข้อมือให้ดูเป็นหลักฐานทันที
“เฮ้อ แม่ก็นึกว่ามีเหตุร้ายอะไรขึ้นหรือเปล่า ถ้าลูกไม่ส่งข้อความมาเมื่อคืน แม่ใจคอไม่ดีเลย คิดว่าบ่ายนี้ก็จะไปดาวกอซแล้วนะ” เพเรน่ารีบว่าออกมาหลังจากปล่อยตัวลูกชายให้เป็นอิสระ ส่วนเพเนียสก็ต้องทำหน้าปกติไว้ถึงแม้จะมีปวดๆตรงรอยช้ำจากที่เจอแม่กอดไปเต็มแรงไปบ้าง แต่ก็ถือว่ารักษาหน้าไม่ให้เจ็บปวดได้ดี
“แม่อะกังวลไป น้องอาจจะกำลังฉลองกับเพื่อนอยู่ก็ได้” เพวิสว่าออกมา
“นั่นสิ แต่เราก็เป็นห่วงลูกจริงๆ นะ” ผู้เป็นพ่ออย่างสิวัชว่าออกมาก่อนจะลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างรักใคร่และห่วงใย ไม่เจอกับตั้งหลายเดือนนึกว่าจะโตขึ้นแต่ทำไมดูผอมลงขนาดนี้
“ก็ลูกรักนี่นา ก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว เข้าบ้านกันเถอะลูกกลับมาเหนื่อยๆ เดี๋ยววันนี้แม่จะทำอาหารเย็นให้สุดฝีมือเลย” เพเรน่าเข้ามากอดแขนลูกชายอีกครั้งและชวนกันเข้ามาบ้านสองคน โดยปล่อยให้สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายก็เดินตามเข้าไปอยู่ดี
“ไปเก็บข้าวโพดมาด้วย ฝักสวยๆนะน้องเพเนียสลูกรักจะต้องได้กินน้ำข้าวโพดอร่อยๆ แล้วก็ปลาตัวใหญ่ๆด้วยนะ” แต่ก็ต้องเจอคำสั่งเบรกเท้าลงก่อน
“จ้าแม่”
“ครับแม่” ทำอย่างไรได้ สุดท้ายสองพ่อลูกก็หันหลังกลับไปช่วยกันเก็บข้าวโพดและตักปลาจากในบ่อมาให้
“ลูกขึ้นไปพักก่อนนะ เดี๋ยวถึงเวลาข้าวเย็นแล้วแม่จะเรียก” เพเรน่าว่าขึ้นเมื่อพากันเดินเข้ามาในบ้านแล้ว บ้านไม้ที่สมัยนี้ไม่ค่อยเจอแล้ว แต่เห็นได้ทั่วไปในดาวระดับดีที่เกือบทั่วดาวทำการเกษตรแบบนี้ บ้านสองชั้นขนาดพอดีถูกสร้างจากไม้เนื้อดีที่ดูแข็งแรงทนทานและมองดูอบอุ่น ชั้นล่างเป็นห้องโถง ห้องรับแขก ห้องน้ำ และห้องครัว ส่วนชั้นสองเป็นห้องนอนของพวกเขา ห้องนอนแขกอีกหนึ่งห้อง และระเบียงกว้างที่หันหน้าไปทางสวนเช่นเดียวกับทางเข้าบ้านไว้สำหรับนั่งเล่นหรือมองดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ครับแม่” เขาไม่ปฏิเสธแม่เหมือนทุกครั้งที่กลับบ้าน เพราะครั้งนี้เขาเหนื่อยจากการเดินทางจริงๆ หลังจากแยกจากแม่แล้วเขาก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองและเดินเข้าห้องของตนเองทันที ห้องนอนที่มาเมื่อไหร่ก็สามารถล้มตัวลงนอนได้ทันที เพราะแม่ของเขาทำความสะอาดไว้ให้ตลอด และเด็กหนุ่มที่เหนื่อยล้ามามาก ไม่ใช่แค่สองสามวันนี้ แต่เหมือนเขาแบกความเหนื่อยมากว่าสี่ปีก็ได้หลับไปทันทีเมื่อหัวถึงหมอน เขากลับมาที่บ้านแล้ว ที่ที่ดีที่สุด เซฟโซนที่ดีที่สุด เขาไม่อยากจากที่นี่ไปไหนอีกแล้ว
“เพเนียสลูก ข้าวเย็นเสร็จแล้วนะ ลงมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงร้องตะโกนเรียกจากชั้นล่าง ทำให้เพเนียสที่นอนหลับสนิทสะดุ้งตื่นทันที เขาอยากจะโกรธแม่อยู่หรอกที่มาทำให้ฝันดีของเขาหายไป แต่พอนึกขึ้นได้ว่าที่บ้านคือที่ที่ดีกว่าความฝันดีๆ ดังนั้นแล้วเขาจึงผ่อนคลายลง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องนอน ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย จากนั้นก็เดินลงไปข้างล่าง กินข้าวเย็นตามคำเรียกร้อง ไม่ใช่คำเรียกร้องของแม่เขาหรอก แต่เป็นท้องเขานี่แหละที่ก็เริ่มร้องจ๊อกๆ แล้ว
-ครอบครัวของเพเนียส สิวัช (96 ปี) เพเรน่า (91 ปี) เพวิส (34 ปี) เพเนียส (30 ปี)
-ผู้คนในเซเรนิออส อายุขัยยืนยาว เฉลี่ยที่ 500 ปี (ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในปีหลังๆนี้) หรือจะมากกว่านั้นแล้วแต่ทรัพยากรของแต่ละบุคคล ดังนั้นแล้วพ่อแม่ของเพเนียสที่อายุ 90+ ก็ยังไม่แก่ รูปร่างหน้าตาน่าจะพอๆกับวัยสามสิบกลางๆเท่านั้น (แต่บางคนที่ดูแลรูปร่างหน้าตาผิวพรรณอย่างดี ร่ำรวยหน่อย อายุเกินร้อย สองร้อยปีก็ยังคงสาวใสอยู่)