5
ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ขณะเดียวกันก็เริ่มแกะกระดุมเสื้อของตน อันหว่านถิงเสมองไปทางอื่น หากไม่วายเบ้ปากให้เขาอยู่เนืองๆ ถึงเขาจะหล่อเหลา ทั้งสง่างาม ทว่ายามนี้หล่อนนึกหมั่นไส้ พอย้อนนึกว่าที่คู่หมั้นของตนแล้ว หมอนั่นทึ่ม แต่ไม่กวนประสาท ชั่วช้าที่คิดฆ่าหล่อนก็จริง ทว่ากับเฉินหว่านถิงคนนี้เล่า เพียงแค่เปิดฉากมาไม่ทันไร เขาก็ทำให้หล่อนหายใจไม่ทั่วท้อง เส้นประสาทตึงเครียดไปหมด เรียกว่าผู้ชายอันตรายก็คงไม่ผิดไปจากนั้น
“เฮ้ย...ยังอีก! เร็วซีคุณ”
น้ำเสียงเขาเข้มเกินเหตุ สีหน้าเก๊กขรึม ชวนให้หงุดหงิด หล่อตายล่ะ
“อะไร!”หล่อนตวาดกลับ ถลึงตาใส่อย่างไม่ยอมกัน
“ถอดเสื้อให้ผัวไง เร็วๆ สิ!”
ผัว... ใช่คำน่าระคายหูแบบนี้ได้ไม่อายปาก นี่คงมีคนรับใช้ รองมือรองเท้าจนเคยตัว พอเห็นว่าหล่อนเป็นภรรยา ก็คิดโขกสับอย่างนั้นสินะ
“หน้าที่ฉันหรือไง แล้วจะมาถอดเสื้ออะไรในรถเนี่ย”
“ผมอึดอัด ร้อนด้วย เอ่อ อาถิงนั่นแหละ ที่ทำให้อารมณ์เสีย”
โอ๊ย ไอ้บ้า เขากล้าโทษหล่อน ให้ตายเถอะ นี่จับฉลากได้เป็นผู้บัญชาการยศใหญ่โตไม่พอ ยังมีหน้าคว้าคนสวยที่สุดให้แผ่นดินอย่างอันหว่านถิงมาเป็นภรรยา คิดจะให้เป็นสาวใช้เป็นทาสส่วนตัวสินะ มิน่าเจ้าของร่างถึงมีนิสัย แง่งอน ไร้เหตุผล เป็นนางร้ายของเรื่องนี้ เพราะมีสามีบ้าอำนาจ เผด็จการ
“อยากถอด ก็ถอดเอง มือคุณก็มี ตอนนี้ฉันครั่นเนื้อครั่นตัว และเจ็บแผลด้วย”
เป็นตอนนั้นที่เขาแยกเขี้ยวใส่ ก่อนยกมือข้างที่ตนถนัดขึ้นอวด ไม่นะ... อันหว่านถิง คิดว่าตนแค่กัดอีกฝ่ายเบาๆ ทว่ายามนี้ เห็นแล้วว่า มันเป็นแผลใหญ่
“อืม แล้วไงคะ แบบนี้ก็เท่าเทียมกันดี ฉันก็ถูกมีดกรีดแขน คุณก็โดนกัด”
“หว่านถิง!”
ชายหนุ่มกัดฟันเสียงดังกรอดๆ
“รู้คะ สมองไม่ได้เสื่อม จำชื่อตัวเองได้ อันหว่านถิง”
เขาอยากระเบิดอารมณ์ใส่มากกว่านั้น ทว่ายามนี้เกิดความร้อนในร่างกายแปลกๆ เลยพยายามถอดเสื้อตัวเองออก โดยมีหล่อนที่ทำเป็นไม่แยแส พอถอดเรียบร้อย เขาโยนมันใส่ใบหน้าสวยจัดนั่นแหละ
“เฉินซือหยาง!”
“กล้าดีอย่างไร เรียกชื่อผมแบบนี้”
“อ๋อ ชอบให้คนยกหางใช่ไหมคะ ผู้บัญชาการเฉิน”
อันหว่านถิงไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาหรอก แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
“รอให้ถึงบ้านก่อน คุณได้เจอดีแน่”
เขาขู่หล่อนอีกหน และคราวนี้เตรียมถอดกางเกงออกด้วย
“อย่านะ ขืนแก้ผ้าในรถ ฉันจะกัดคุณให้สูญพันธ์จริงๆ ด้วย”
ชายหนุ่มได้ยินแล้ว ก็อารมณ์ดี เขาหัวเราะเสียงดัง ก่อนเอ่ยกับหล่อนว่า
“พูดว่าจะกัดผม แล้วให้มันจริงเถอะ สายตาคุณที่มองมาเมื่อครู่ เหมือนอยากใช้ปากกับไอ้นั่นมากกว่า เปรี้ยวปากมาหลายวันสิท่า ได้เลย พอถึงบ้าน... ผมจะป้อนทุกอย่างให้คุณจนอิ่มจนล้นทะลักเอง”
“เงียบเถอะค่ะ ฉันปวดหัว ตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว”
หล่อนบอก และหันหน้าไปมองด้านนอกที่รถแล่นผ่าน ในยุคสมัยที่อันหว่านถิงย้อนมา มีธรรมชาติที่งดงาม ทั้งอากาศก็ยังบริสุทธิ์
“คุณบอกว่าฉันไม่ดูแลลูก... แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหนคะ”
“แม่ทูนหัวของเผิงน้อยช่วยเลี้ยงอยู่”
น้ำเสียงเขาที่พูดถึงแม่ทูนหัวอะไรนั่น มันเจ็บจี๊ด และทำให้หัวใจอันหว่านถิงหดเกร็ง
ฝ่ายเขาก็เหมือนจับสังเกตบางสิ่งใด ชายหนุ่มยกยิ้มตรงมุมปาก ท่าทางเหมือนคนถือไพ่ที่มีแต้มต่อหล่อน
“เผิงน้อยติดคนบ้านหลี่ คงเป็นเพราะอาถิง... ทิ้งขวางแกบ่อย เฮ้อ เรื่องนี้คงแก้ยากแล้วสินะ”
เขาว่าและถอนหายใจแรงๆ ยามนั้นอันหว่านถิงกับเจ้าของร่าง ไม่พอใจมาก จึงเอ่ยว่า
“ฉันอยากกลับบ้านไวๆ และต้องรีบไปรับลูกด้วยค่ะ”
อันหว่านถิงบอกเขา ในใจพยามปะติดปะต่อเรื่องที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ และไม่รู้เหตุใด หล่อนสังหรณ์ใจไม่ดีเกี่ยวกับเฉินรุ่ยเผิง หรือเผิงน้อย ผู้เป็นลูกชายของหล่อนเหลือเกิน
ดวงตากลมโตมองซ้ายสลับขวา เมื่อครู่เด็กชายกลัวจับใจ คนทำสวนตัวโตๆ เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย แล้วเดินเข้าไปเอาขวดใสๆ ที่มีน้ำเสียงเหลืองออกมา จากนั้นก็เปิดฝาเทใส่แก้ว แล้วยกดื่มไปหลายอึก
ที่เด็กชายไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เพราะคนๆ นั้นชอบเตะโต๊ะเก้าอี้ และบางทีโวยวายหยิบของต่างๆ ในห้องนี้ไป เป็นของประดับโต๊ะ หรือแจกันสวยๆ พอเอาไป ก็มักบอกเจ้าของบ้านว่า เฉินรุ่ยเผิงเป็นคนเอาไปซ่อน แต่เขาอายุเท่านี้ นิ้วมือก็สั้นป้อม จะหยิบของใหญ่โตพวกนั้นได้อย่างไร
แล้วตอนนี้มีการทะเลาะกัน เรื่องสูบบุหรี่ในห้อง แม่บ้านจึงร้องห้าม ก่อนมีการยื้อยุดไปมา พอผู้ชายตัวเหม็นเห็นว่าเฉิงรุ่ยเผิงอยู่ตรงนั้น จึงหันมาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมถลึงตาตาดุเด็กชายด้วย
“แกเห็นอะไรไหม ไอ้หมาหัวเน่า”
เฉินรุ่ยเผิง มองไปยังอาเค่อ ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่บ้านลู่ หรือ ลู่เพ่ยเพ่ย
“พี่พูดกับเสี่ยวเผิงดีๆ สิ” แม่บ้านลู่ตำหนิ แต่ยิ้มและส่งตาหวานให้อาเค่ออย่างหยาดเยิ้ม
“เฮอะ พูดดีไปทำไม ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นใบ้ สมองน้อยนิด วันๆ เดี๋ยวกิน เดี๋ยวร้องเข้าห้องน้ำ เธอไม่เบื่อหรือไง ทำงานบ้านด้วย ยังต้องดูแลเด็กอีก”
“ก็มันได้เงินดี คุณหนูรองจ่ายฉันเพิ่มทีละห้าหยวนเชียวนะ สำหรับดูแลเด็กทึ่ม ที่แม่มันวันๆ เอาแต่ร่านหาเรื่องหนีเที่ยว และจับกลุ่มกับพวกคนรวยที่มาจากเมืองหลวง”
ลู่เพ่ยเพ่ยว่า แล้วมองเด็กชาย พอเห็นว่าเฉินรุ่ยเผิงจ้องตนอย่างสนใจ นางก็ยกไม้กวาด ทำท่าจะตีเขา
“เสี่ยวเผิง ไปเล่นข้างนอกนู้นไป พี่เพ่ยจะคุยธุระกับอาเค่อ” เธอบอกเด็กชาย และพอเห็นเขาชักช้า ก็สั่งคนสนิทของตนทำท่าน่ากลัวให้เด็กชายเห็น
เฉินรุ่ยเผิงยืนนิ่งอยู่เกือบอึดใจ พร้อมกลั้นฉี่ พอสองขามีแรง เขาก็วิ่งออกจากห้องนั่งเล่นไป