บทที่ 1 ฝัน
“โบยมันเข้าไป โบยให้มันตายคาหวาย นังแพศยา กูรึรักมึงแต่มึงกลับปันใจให้ชายอื่น คนอย่างมึงสมควรตายนังลูกจันทร์”
คำสั่งที่ดังออกมาจากปากขุนฉัตรเร่งให้ปลายหวายหวดลงบนเรือนร่างของหญิงสาวที่ถูกมัดมือโยงกับต้นไม้อย่างไร้ซึ่งความปรานี นางร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่ท่อนหวายสะบัดถูกเนื้อนวล นางมิได้ทำผิด มิได้เล่นชู้สู่ชายอย่างที่ขุนฉัตรด่าทออยู่ในขณะนี้ นางเปิดปากพูดไม่กี่คำเพื่อชี้แจงให้ผัวเข้าใจแต่ผัวกลับเชื่อเมียรองอย่างมะลิจนมิฟังคำของนาง
“ขวับ..ขวับ”
“โอ๊ย.โอ๊ย..พี่ขุน ข้ามิได้ทำเยี่ยงนั้น ข้าถูกให้ร้าย โอ๊ย พี่ขุนฟังข้าก่อน”
นางคร่ำครวญหวังจะให้ผัวเห็นใจแต่ขุนฉัตรกลับสั่งให้โบยไม่ยั้ง ดวงตาสีสนิมแข็งกระด้าง หนวดดกหนาเหนือริมฝีปากไหวระริกด้วยความโกรธแค้น มะลิเมียที่ขุนฉัตรเพิ่งนำเข้าบ้านได้ไม่กี่เพลาออดอ้อนฉอเลาะให้ท่านขุนหลงใหลจนลืมเมียก่อนที่เคยบอกว่ารักนางแต่ผู้เดียว ซ้ำร้ายไปกว่านั้นมะลิยังให้ร้ายลูกจันทร์ว่าคบชู้เพื่อกำจัดนางออกจากบ้านและขุนฉัตรก็เชื่อคำเท็จของนาง
“ท่านขุนขอรับ อย่าโบยแม่ลูกจันทร์เลยขอรับ เรามิได้กระทำชั่วอย่างที่ท่านขุนพูด หยุดโบยเถิดขอรับ”
ชาติ ช่างแกะสลักผู้มีฝีมือเอ่ยปากอ้อนวอนขุนฉัตรเพราะทนเห็นลูกจันทร์เจ็บปวดต่อไปอีกไม่ไหว เขาไม่ห่วงตัวเองแต่ห่วงผู้หญิงที่เขาแอบมีใจให้ ทั้งที่รู้ว่าไม่สมหวัง ลูกจันทร์มองเขาเป็นช่างประจำบ้านท่านขุนเท่านั้น นางพูดคุยกับเขา ยิ้มแย้มกับเขาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว
“หุบปากของมึงซะเพราะมึงก็ต้องไปลงนรกกับมัน กูขอสาปแช่งมึงอย่าได้ผุดได้เกิด หากมึงไปเกิดก็ขอให้เป็นขี้ข้ากูทุกชาติไป ปากมันดีนักส่งมันไปนรกก่อนนังแพศยาจันทร์”
สิ้นคำของขุนฉัตรปลายมีดอันแหลมคมก็ปาดเข้าที่ลำคอของชาติ เลือดพุ่งกระฉูดถูกตัวกินรีที่เขาแกะยังไม่เสร็จ เหลือเพียงปีกซ้ายเท่านั้น ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ เลือดสีแดงไหลย้อยจากปีกซ้ายที่แกะค้างอยู่ หยดลงสู่พื้นดินพร้อม ๆ กับร่างไร้วิญญาณของชาติล้มลงแนบกับพื้นเช่นกัน
ลูกจันทร์มองช่างผู้ซื่อสัตย์ด้วยความตกใจ ขุนฉัตรเอาชีวิตคนผิด กรรมจะต้องตามสนองเขาและคนที่ให้ร้ายนางกับช่างชาติ มะลิยืนยิ้มสะใจอยู่ข้างขุนฉัตร
“ชู้ของมึงไปรอที่นรกแล้ว มึงรีบตามไปเสียทีสิอีจันทร์จะได้ปลอบใจกัน ไม่มีใครขัดขวางพวกมึงอย่างไรล่ะ” มะลิเอ่ยเหยียดหยัน
“ถึงกูสิ้นลมบัดเดี๋ยวนี้ กูก็ไม่คิดปันใจจากผัวให้ชายอื่น มึงมันใจชั่วให้ร้ายกูกับพี่ชาติ มึงไม่มีวันมีความสุข กูขอสาปแช่งมึงให้ผิดหวังเรื่องรักทุกชาติไป ให้มึงถูกทิ้งทุกชาติ”
“อ๊าย อีสารเลว แช่งกูรึ พี่ขุน โบยมันให้ขาดใจไปเสียทีสิ มันแช่งฉันไม่ได้ยินรึ”
มะลิตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ นางหันมาสั่งขุนฉัตรน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ขุนฉัตรออกคำสั่งกับทาสรับใช้ทันที
“โบยมันให้ตายตามชู้มันบัดเดี๋ยวนี้ กูจะขังวิญญาณมันให้อยู่ในตัวกินรีตัวนี้ มันจะไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิดจนกว่าจะมีคนมาแกะปีกที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น โบยมันเข้าไป”
“ขวับ..ขวับ..ขวับ..ขวับ”
“กูขอสาบาน กูจะตามจองเวรพวกมึงทุกชาติ ความรักที่กูมีต่อมึงจบลงแค่นี้ไอ้ขุนฉัตร”
จบคำของลูกจันทร์ ร่างที่ถูกโบยจนมองแทบไม่เห็นเนื้อดีก็ผวาเฮือกยืนตัวตรง มือสองข้างที่ถูกมัดโยงกับต้นไม้ พนมอยู่เหนือศรีษะ ดวงตาจ้องนิ่งที่ใบหน้าขุนฉัตรและมะลิ ขุนฉัตรขบกรามแน่น
“มันกล้าอาฆาตกูเยี่ยงนี้ กูไม่ยอมให้ใครปลดปล่อยมันออกจากกินรีตัวนี้ได้ดอก”
ท่านขุนยกมือพนมหลับตาบริกรรมคาถาที่ร่ำเรียนมาแล้วเป่าลมพรวดใส่ร่างไร้วิญญาณของลูกจันทร์ วิญญาณของนางถูกมัดด้วยเวทย์มนต์พุ่งเข้าตัวกินรีที่อยู่ข้างศพชาติ ฉับพลันทันใดนั้น กินรีที่เป็นเพียงหุ่นแกะสลักก็ขยับปีกโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วพุ่งดิ่งลงมาหาชายหนุ่มที่ยืนแหงนคอมองอยู่เบื้องล่าง
“เฮ้ย ๆ ๆ ! !” ภากรร้องลั่นยกมือปัดป้องพัลวันจนกระทั่งกลิ้งตกเตียง
“โอ๊ย” สะโพก ศอก ไหล่ ข้างขวาทั้งแถบกระแทกลงพื้นเจ็บแปล๊บ ชายหนุ่มรู้สึกตัวลืมตาตื่นในทันที
“เล่นซะตกเตียงเชียวเหรอวะ ฝันบ้าอะไรยังงี้วะ”
ความฝันที่เหมือนจริงยังติดตาและหมุนวนอยู่ในสมอง ทำไมเขาฝันเห็นเรื่องราวโหดร้ายอย่างนี้ ใบหน้าของหญิงสาวที่ถูกเฆี่ยนจนเสียชีวิต ภากรจำได้แม่น ใบหน้ากลมมน ดวงตาเศร้า น่าสงสาร ส่วนชายหนุ่มที่ถูกปาดคออย่างโหดเหี้ยม หน้าตาดีทีเดียว ดวงตาซื่อแต่มั่นคง ผู้ชายที่สั่งฆ่าคนอย่างเลือดเย็นนั้น หน้าเหลี่ยม คิ้วเข้ม ตาคมมีแววดุดันซ่อนอยู่ ผู้หญิงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างกันถึงจะหน้าตาดีแต่ก็ใจร้าย เขาฝันเห็นคนพวกนี้ได้อย่างไร
“ฝันเป็นเรื่องเป็นราวเลยเรา สงสัยกินมากไปหน่อย” เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง
“ทำไมฝันแปลก ๆ ยังงี้วะ ไอ้ตัวกินรีก็ดันพุ่งเข้าใส่เรา โกรธอะไรกันนักหนา ไม่เกี่ยวข้องด้วยซะหน่อย”
“เพล้ง!”