บท
ตั้งค่า

Ep 1 สวิตเซอร์แลนด์

(Zurich) ซูริกเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ มีประชากรและนักธุรกิจจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่

หนุ่มลูกครึ่งที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความไม่สบอารมณ์กับเลขาสาว ที่เธอประสานงานโครงการผิดพลาด ทำเอาคนตัวสูงถึง 192 ต้องหัวเสียแต่เช้าตรู่

เอลิน เลขาของหนุ่มใหญ่ไฟแรงอย่าง วินเซนต์ เธอเป็นเลขาของเขามาราวๆ 4 ปี การได้ตกหลุมรักบอสอย่างเขา มันเป็นอะไรที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน และแสนจะทรมาน แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ในเมื่อเขาไม่เคยมองมาที่เธอเลย ทางเดียวที่เธอทำได้ ก็เพียงแค่แอบรักเขาอยู่อย่างเงียบๆ ต่อไป และถ้าหากว่ามีผู้หญิงคนไหนมาทำท่าว่าจะสนใจเขาหน่อยละก็.. เธอเองก็จะเป็นคนปัดไรฝุ่นพวกนั้นให้สิ้นซาก

“แล้ววันนี้เรย์ติดต่อแกมาหรือยัง? ”

ร่างสูง 192 เอ่ยถามเพื่อนสนิทอย่าง จาคอป

จาคอปเพื่อนคนสนิทของเขาที่คอยอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังความสำเร็จและเป็นเพียงเพื่อนคนเดียวที่เขาสนิทและไว้วางใจเป็นที่สุด เขาเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลี่ เรียนมาด้วยกันที่อเมริกา และจบเอกด้านวิศวกรรมพลังงาน (Energy Engineering) มาด้วยกัน

“ยังไม่ติดต่อมา เดี๋ยวฉันจะให้คุณพิมแจ้งทางโครงการอีกที ว่าแต่วันนี้แกมีธุระที่ไหนหรือเปล่า? ”

จาคอปที่ตัวสูงสูสีกับวินเซนต์ได้เอ่ยถามเพื่อนกลับไป เพราะวันนี้มีนัดคุยกับทิม หนึ่งในผู้ร่วมโครงการในครั้งนี้ และทิมเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนซี้ของคนร่างสูง 192 นั้นด้วย

“ฉันว่าจะกลับบ้าน พอดีวันนี้แม่ฉันนัดให้ไปคุยธุระ

กับนายหน้าเหมืองที่จะลงทุนด้วยซะหน่อย งั้นฉันฝากแกไปคุยธุระแทนฉันเลยละกันนะ”

“อืม งั้นก็ตามนี้ ว่าแต่แกจะกลับเลยไหม รึจะค้าง? ”

“ว่าจะค้าง จนกว่าธุระจะเสร็จ แต่คาดว่าไม่น่าเกิน 2-3 วัน ยังไงทางนี้ก็ฝากแกด้วยแล้วกัน”

“อืม.. ได้.. สบายมาก งั้นก็ขับรถดีๆ ล่ะ”

จาคอปเอ่ยบอกเพื่อนตัวสูงที่กำลังจะเดินทางไปเมืองวินเทอร์ทูร์ (Winterthur) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา เมืองที่ว่านี้อยู่ติดกับซูริกใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 30 นาทีโดยคร่าวๆ

ไม่ว่าจะเดินทางโดยรถไฟหรือรถยนต์ก็ล้วนแล้วแต่สะดวก เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความงามของธรรมชาติ มีป่าไม้ เนินเขา และพื้นที่สีเขียวที่สวยงาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วินเทอร์ทูร์เริ่มมีการพัฒนาโครงการพลังงานลมและพลังงานทดแทนอื่นๆ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับผู้คนมากขึ้น

นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ วินเทอร์ทูร์ยังมีเส้นทางเดินของภูเขาและธรรมชาติที่รายล้อม ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากมาย เพราะเมืองนี้เป็นที่น่าพักผ่อนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายของซูริก และยังสามารถสัมผัสกับแหล่งพลังงานลมที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย

พรีม พรีรดา สาวสวยวัย 25 ที่พึ่งได้ก้าวย่างมาที่ประเทศนี้เป็นครั้งแรก ยอมรับเลยว่าบรรยากาศที่นี่สดชื่นมาก วิวทิวทัศน์รอบๆ ก็สวยมาก แถมอากาศที่นี่ยังสดชื่นมากอีกด้วย

บ้าน วิลเดอร์แมน (Wildermann) ร่างบางระหงสูงราวๆ 160 ที่อยู่ในชุดแจ๊กเก็ตหนังสีดำกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มเข้ารูปกับรองเท้าหนังสีดำคู่โปรด มือด้านขวาที่ลากกระเป๋าใบใหญ่มายังบ้านที่ว่าตามป้าย ในใบแจ้งที่อยู่ ที่เธอจะต้องเข้ามาพักและทำงานกับที่นี่ ปากเล็กสวยได้รูปจะต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

“โอ้แม่เจ้า! นี่มันบ้าน หรือ บ๊านนนน กันแน่”

ด้วยความที่เป็นบ้านทรงสไตล์ยุโรป ตั้งตระหง่านอย่างใหญ่โตกับพื้นที่หลายเอเคอร์ พื้นที่โล่งกว้างกับทุ่งหญ้าสีเขียวที่มองไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา กับกังหันลมขนาดใหญ่นับได้ไม่ถ้วน ร่างเล็กเพรียวบาง กับใบหน้าสวยคมแบบฉบับหญิงไทย

ที่ดูรวมๆ แล้วจัดว่าเธอเป็นคนที่สวยมาก

ร่างบางที่เดินลากกระเป๋าเข้ามาตามทางเดินเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเดินไปสุดที่ตรงไหน และจะเดินไปทางไหนต่อ เมื่อจู่ๆ ร่างเล็กก็ลากกระเป๋าใบโคร่งมาจนถึงทางสามแยก แต่แล้วรถกอล์ฟคันจิ๋วก็วิ่งตรงดิ่งมายังเธอ

“สวัสดีครับ คุณ พรีม พรีรดาใช่ไหมครับ? ”

ดิเรกพ่อบ้านวัยกลางคนที่ทำงานที่คฤหาสน์นี้มาช้านานได้เอ่ยถามคนตัวเล็กขึ้น

“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ”

คนตัวเล็กกล่าวทักทายผู้ใหญ่สูงวัยที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่ดิเรกจะแนะนำตัวเองว่าเขาคือหัวหน้าพ่อบ้านที่คอยดูแลและจัดการเรื่องต่างๆ ของบ้านนี้

“เรียกผมว่าดิเรกก็ได้ครับ คุณผู้หญิงให้มารับคุณพรีรดาน่ะครับ เดี๋ยวเชิญคุณพรีรดาขึ้นรถเลยนะครับ พอดีทางที่เราจะไปมันค่อนข้างไกล”

“เรียกหนูว่าพรีมก็ได้ค่ะ ว่าแต่ที่ที่เราจะไป มันไกลมาก

ขนาดนั้นเลยหรอคะ? ”

“คุณเห็นหลังคาด้านหน้านั่นไหมครับ ก็นู่นแหละครับ ที่ๆ คุณพรีมจะได้พัก”

“โหไกลเหมือนกันนะคะเนี่ย!”

“เดี๋ยวคุณพรีมขึ้นรถเลยนะครับ”

กล่าวเสร็จดิเรกก็นำกระเป๋าใบใหญ่ราวๆ 60 นิ้ว ไปใส่รถกอล์ฟคันจิ๋วน่ารัก ก่อนจะขับไปยังบริเวณตัวบ้านหลังใหญ่

รัศมี หญิงเจ้าของบ้านที่คอยต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยนอย่างใจจดจ่อ เมื่อเห็นว่าดิเรกขับรถกอล์ฟคันจิ๋วใกล้เข้ามาแล้ว เธอก็อดที่จะออกไปต้อนรับด้วยตนเองเสียไม่ได้

“สวัสดีจ้ะหนูพรีม ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ”

รัศมีแข หญิงเจ้าของบ้านกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนที่พรีรดารีบก้มหัวและยกมือขึ้นไหว้ด้วยความนอบน้อม ต่างก็รู้สึกตื่นเต้น ที่ได้รับการต้อนรับที่ดูอบอุ่นเช่นนี้

“สวัสดีค่ะคุณรัศมีแข ขอบคุณมากนะคะที่ให้โอกาสหนูได้มาทำงานที่นี่”

เธอไม่รอช้าที่จะรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ ซาบซึ้งและดีใจ

ก่อนที่คนร่างสวยสมวัยจะลอบสำรวจคนตรงหน้า เธอสวยแบบคมคาย แต่ก็ยังออกแนวหมวยๆ อยู่หน่อยๆ ตาคมเฉี่ยวสีน้ำตาลเข้ม Dark Brown ตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอ ยอมรับว่าคนตรงหน้านี้ช่างสวยหมดจรดอย่างไร้ที่ติ จนรัศมีเองก็แทบจะหยุดสายตาไปจากใบหน้างามนั้นไม่ได้

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ เรียกฉันว่าคุณแม่ หรือคุณรัศมีก็ได้ มาทำงานที่นี่ก็เหมือนมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา มีอะไรให้ฉันช่วยเหลือ หรือขาดเหลืออะไรก็บอกดิเรกได้เลยนะจ้ะ”

รัศมีตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เป็นกันเอง ซึ่งมันช่างดูขัดกับลุคของเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก ก็คนรวยระดับนี้แต่กลับปฏิบัติตัวกับเธออย่างเท่าเทียมและน่ารัก ร่างสวยสมวัยยังคงจ้องมองพรีรดาที่มีท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งทำให้เธอประทับใจยิ่งนัก

“เดี๋ยวให้ดิเรกพาหนูพรีมไปที่ห้องพักก่อน ถ้ามีอะไร

ต้องการอะไรก็แจ้งเขาได้เลย”

“ขอบคุณค่ะ”

พรีรดายิ้มบางๆ ก่อนจะเดินตามดิเรกขึ้นไปยังห้องพักที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ เธอไม่สามารถหยุดตัวเองจากการมองดูบรรยากาศรอบๆ บ้านได้เลย มันสวยสะกดมาก มีทุ่งหญ้าสีเขียวและทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับตกอยู่ในโลกนิยาย

อีกด้านหนึ่ง

ร่างสูงกว่า 192 ที่ขับรถสปอร์ตคันหรูเข้ามายังบ้าน “วิลเดอร์แมน” ด้วยความเร็วตามที่กฏหมายกำหนด สายตาคมดุดันมองไปรอบๆ อย่างคุ้นเคย การเดินทางกลับบ้านในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่วันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อเขามาถึงบ้าน

ก็สังเกตเห็นรถกอล์ฟที่จอดอยู่ด้านหน้าดูเหมือนว่าพึ่งจะขับออกไปรับใคร เพราะปกติที่บ้านนี้แทบจะไม่ใช้รถกอล์ฟเลยก็ว่าได้ นอกจากจะออกไปด้านหน้าประตูบ้าน

“นั่นใคร?”

เขาเอ่ยถามดิเรกด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้ก็เห็นอยู่ว่ามีคนกำลังเดินขึ้นบ้านอยู่ไวไว เมื่อเห็นพ่อบ้านอย่างดิเรกเดินกลับออกมา

“เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาทำงานกับโครงการพลังงานสะอาดของบริษัทเราครับ คุณหญิงเป็นคนจัดการเรื่องที่พักอาศัยให้กับเธอ”

วินเซนต์พยักหน้ารับ แม้จะไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ก็อดที่จะหันกลับไปมองหลังที่กำลังเดินหายเข้าไปในบ้านไม่ได้ รัศมีเดินเข้ามาหาลูกชายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคิดถึง

“มาแล้วหรอที่รัก? ”

เสียงรัศมีเอ่ยถามลูกชาย คำพูดนี้ผู้เป็นแม่อย่างเธอใช้เรียกเขาจนเป็นเรื่องปกติและคุ้นชินของคนที่นี่แล้ว ส่วนวินเซนต์เองก็ใช่จะเรียกรัศมีว่าแม่กันซะที่ไหน เขาชอบเรียกหล่อนว่า คุณรัศมี เรียกซะเต็มยศ แต่คนที่นี่ก็คุ้นชินกันแล้ว

“ครับ” เขาตอบพร้อมสายตาที่เขามองมารดาเชิงคำถามทำให้รัศมีต้องเอ่ยปากบอก

“เธอคนนั้นน่ะ จะมาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ลูกดูแลอยู่”

“ทำไมถึงให้เธอเข้ามาอยู่ที่นี่?”

เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบกึ่งไม่พอใจ

“ก็แค่อยากช่วยเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูมีความตั้งใจและมุ่งมั่นแค่นั้นเอง เธอเหมือนลูกเมื่อก่อนเลยนะ มุ่งมั่น ตั้งใจ กระตือรือร้น”

รัศมีตอบพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย

วินเซนต์ถอนหายใจเล็กน้อย

“คุณรัศมีเองก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน อีกอย่างพึ่งจะเจอเธอ แม่จะไปรู้ได้ไงว่าเธอเหมือนผม? ”

“ก็แค่นักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่งเองจ้ะ เดี๋ยวแม่บอกเธอเองว่าให้เธออยู่ส่วนของเธอ รับรองไม่ให้มารบกวนลูกแน่นอน อีกอย่างเธอทำงานที่นี่ไม่ได้ไปทำที่บริษัทหลักซะหน่อย”

รัศมีตัดบท ก่อนจะเดินไปทิ้งท้ายว่า “อย่าเพิ่งตัดสินคนจากสิ่งที่เห็นแค่ภายนอกเลยนะจ๊ะ”

เมื่อรัศมีเดินหายเข้าไปในบ้าน วินเซนต์ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาแอบหันมองประตูห้องพักของเธออย่างไม่รู้ตัว

ด้านพรีรดาที่อยู่ในห้องพัก เธอมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นกังหันลมหมุนอย่างสง่างาม เธอรู้ดีว่านี่คือการเริ่มต้นครั้งใหม่ของเธอในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย และที่สำคัญคือการได้ทำงานที่นี่กับบริษัทที่ใหญ่โตและทรงพลังเช่นนี้ ซึ่งนั่นเธอรู้สึกว่ามันเป็นความท้าทายที่รออยู่ตรงหน้า…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel