1 ลูกสาวกำนัน
“ด้วยบุญบารมีของลูกสาวกำนันอำนวยแห่งหมู่บ้านภูสวรรค์ขอให้ข้าพเจ้าได้งานทีเถ้อะ เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง”
เสียงหวาน ๆ จากริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนดังขึ้น นิ้วเรียวดุจลำเทียนยกขึ้นบรรจบลงบนหน้าผากของใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมยาวสีดำขลับนุ่มราวกับไหมชั้นดี ดวงตาโตยาวรีบัดนี้หลับลงโดยเร็ว
ขนตางอนยาวราวกับปีกผีเสื้อประกบทับเข้าหากัน ครั้นลดมือลง ดวงตาเปิดอ้าออก ความกระจ่างใสแวววาวด้วยประกายแห่งความสุข
ณอรสาวสวยรูปร่างสูงได้สัดส่วน ผิวขาวบอบบางสวมชุดสูทสีอ่อนใสยิ้มน้อย ๆ รู้สึกสบายใจที่ได้กระทำเช่นนี้ ทุกครั้งที่ต้องการอะไรเธอจะไม่ละเลยด้วยการตั้งจิตอธิษฐาน ภาวนาให้ได้สิ่งนั้น หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เธอไม่รอช้าที่จะสมัครงานทันที
“งานก็สมัครแล้ว ได้หรือไม่ได้ต้องลุ้นอีกที แล้วเราจะอยู่ที่นี่ทำไมกลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า อยากสูดกลิ่นอายแห่งธรรมชาติบ้านไร่ชายทุ่งเต็มแก่แล้ว ก่อนอื่นจะต้องรายงานพ่อกับแม่ก่อน กดเบอร์นี่ รับสิจ๊ะ พ่อจ๋า ฮาโหล พ่อ นี่ลูกสาวนะ จะกลับบ้าน ไปวันนี้เลยจะอยู่ทำไมล่ะให้เปลืองเงิน แล้วเจอกันค่ะ เตรียมตัวออกเดินทางได้”
ณอรพูดด้วยประโยคดังในโซเชียล กำนันอำนวยวัยห้าสิบปลาย ๆ รูปร่างสูง เนื้อตัวเต็มไปด้วยมัดกล้าม ก้มมองดูเสื้อยืดกับกางเกงชาวเลสีน้ำเงินอย่างงง ๆ บัวบานผู้เป็นภรรยา อายุอ่อนกว่าไม่ถึงสิบปี นั่งอยู่ใกล้ ๆ ชำเลืองมองด้วยความสนใจ รู้ว่าลูกสาวคนเดียวโทรศัพท์มาหา
แปลกใจทำไมไม่ขอคุยกับนางหรือว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
“พี่กำนัน มีอะไร ทำหน้ายังกับได้เมียน้อยโดยไม่ตั้งใจ”
“เอาอีกแล้วแม่บัวบาน พูดเรื่องเก่า ๆ สมัยยังหนุ่มทั้งที่มันไม่ใช่ความจริงเลย”
“แหม มันน่าจะมีเค้าลางความเป็นจริงบ้างล่ะ ไม่งั้นนางเอกหมอลำดั้งหักคนนั้นคงไม่ตามติดพี่ยังกับเงา เจอหน้าเป็นต้องส่ายก้นดิก ๆ”
“บ้า ไปว่าเขา บาปกรรม คนนะไม่ใช่หมา”
“นั่นแหละ ใครก็ตามที่ชอบเหล่ผัวชาวบ้าน ฉันเปรียบว่ามันเป็นแบบนั้นหมดแหละ ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่เอาชื่อมันมาตั้งเป็นชื่อหมา”
บัวบานใส่อย่างมีอารมณ์เพราะเรื่องเก่าในอดีตเกี่ยวกับความเจ้าเสน่ห์ของสามีในวัยหนุ่ม แม้ว่าแต่งงานมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ก็มีผู้หญิงทั้งสาวแก่แม่ม่ายจ้องตาเป็นมัน สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่นางไม่น้อยที่ต้องระแวดระวัง กลัวว่าจะเสียสามีสุดที่รักให้แก่ผู้หญิงไร้ยางอาย
พูดถึงทีไร เจ็บใจทุกที หากจะเปรียบไปแล้วก็คงเหมือนกับเสี้ยนตำเนื้อ สะกิดครั้งใดเป็นต้องเจ็บแปลบปลาบ
“แก่แล้วนะยังจะมาหึงหวงกันอีก ป่านนี้พวกนั้นคงหงำเหงือกมีลูกมีหลานเต็มเมืองแล้วมั้ง”
“ฉันว่าน่าจะมีลูกเป็นโหล”
“แม่บัวบาน อย่าพูดแบบนี้อีก พี่เป็นผู้นำตำบล เราต้องทำตัวให้คนเคารพ”
“ฉันก็ทำตัวเป็นหลังบ้านที่ดี คอยต้อนรับขับสู้ลูกบ้านของพี่ไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่อย่าให้มีเรื่องผู้หญิงเข้ามาเชียว เรื่องอื่นยอมได้แต่เรื่องแบบนี้บอกตรง ๆ มันทำใจยอมรับไม่ได้ซะที”
“ฉันดีใจที่แม่บัวบานรักไม่มีเปลี่ยนแปลง แม้ว่าเวลาผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม”
หนุ่มใหญ่วัยเกือบเกษียณหันมาทำหวานกับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก โดยรวบมือนุ่มเอาไว้แล้วยกขึ้นมาแนบแก้ม บัวบานยิ้มอาย ๆ เหลียวมองไปรอบตัว กลัวคนงานในไร่จะมาเห็นแล้วเก็บไปนินทาว่าแก่จนปูนนี้ยังมาจับมือ สบตา มันกระดากไม่น้อย
“ปล่อยมือฉันเถอะพี่กำนัน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เอาไปพูดอายคนเขาเปล่า ๆ”
“ทำไมล่ะ ผัวเมียรักกัน มันผิดด้วยหรือ”
“เออน่ะ ฉันอายนี่พี่กำนัน เกือบลืมเมื่อครู่ณอรโทรมาใช่มั้ย”
“ใช่ ใช่ คุยกันนิดเดียวแล้วก็วางไป”
“ทำไมไม่ขอคุยกับฉันล่ะ”
“คงรีบมั้ง แม่บัวบานรู้ไหมว่าลูกสาวเราจะกลับมานอนตีพุงเล่นที่บ้าน วันนี้เลยนะ”
“กลับบ้านวันนี้ โอ๊ย ฉันดีใจจัง คงจะต้องไปเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว เจ้านี่ชอบกินน้ำพริกกะปิ ใส่มะอึกเยอะ ๆ เสียดายที่ไม่มีมะม่วง”
อารามดีใจที่รู้ว่าลูกสาวจะกลับมา บัวบานรีบคว้าตะกร้าใส่ของ แล้วกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่ขี่ไปในตลาดทันที กำนันอำนวยมองตาม และระบายยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า เขาเองก็ดีใจที่ลูกจะกลับมาอยู่ด้วย
แม้ว่าเป็นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม แต่ก็มีความสุข หลังจากห่างเหินกันไปเพราะณอรเข้าไปศึกษาร่ำเรียนหาวิชาความรู้โดยจะกลับบ้านเดือนละสองครั้ง