บทที่ 10
หลังจากที่เธอขอยืมโทรศัพท์จากเขาแล้ว หญิงสาวก็ถามถึงที่อยู่โรงแรมของเขาเพื่อบอกให้คนปลายสายมารับตามสถานที่นัดหมาย แล้วจึงคืนมันกลับมาให้เขาตามเดิม
ทว่าชื่อคนปลายสายที่เธอเอ่ยเรียกว่า 'พี่ปัญญ์' ทุกคำ มันทำให้คนที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ รู้สึกขัดใจอย่างไรชอบกล
ปลาวาฬจ้องมองใบหน้ากระจ่างใสแบบหวานซ่อนเปรี้ยวของคนที่นั่งคุดคู้อยู่ข้างตัวด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันไปหมด และที่แน่ๆ หนึ่งในอาการเหล่านั้น เขาคิดคิดว่าตัวเองกำลังรู้สึกไม่พอใจอย่างมากถึงมากที่สุด
'ให้ตายเหอะไอ้วาฬ มึงพลาดแล้วล่ะ ที่หลงรักคนมีเจ้าของ'
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของคนที่รู้ตัวแล้วว่าตัวเองพลาดท่าตกหลุมรักร่างบางตรงหน้าเข้าอย่างจัง แม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาแค่คืนเดียว แต่เขากลับรู้สึกอยากเก็บของของคนอื่นมาไว้ข้างกายเสียได้
อย่าให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูพี่ชายทั้งสองของเขาเชียว ไม่อย่างนั้นละก็ เขาได้โดนฉลามกับโลมาลากไปขึงพืดถลกหนังหัวแน่ๆ
ปลาวาฬสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปจากหัว และพยายามจะอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด
เอาเถอะ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็อยู่ข้างกายเขานี่นา หากว่าความดีอันน้อยนิดที่เขาพาเธอหนีตายหัวซุกหัวซุนมาตลอดทั้งคืนจะพอมีค่าในสายตาของเธอบ้าง เขาก็ถือตัวเองยังพอมีโอกาสอยู่บ้างละนะ
"หนาวไหม"
ร่างแบบบางที่ถูกลมทะเลพัดเข้ามาปะทะตัวส่งเสียง 'หือ' เป็นเชิงถาม แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อตอบรับไมตรีของเขา
ก็ใครจะไปไว้ใจคนที่ชอบหาเศษหาเลยกับเธอกันล่ะ แค่หายใจร่วมกันกับเขาไม่กี่ชั่วโมง เธอยังต้องเสียจูบให้เขาไปตั้งหลายครั้ง ยังดีนะที่เธอเคยจูบหมาจูบแมวมาก่อน ไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ที่ต้องมาเสียจูบแรกให้อีตาบ้านี่
"ปากแข็งจริงนะแม่คุณ อากาศมันเย็น ลมก็โคตรแรง ยังจะบอกอกว่าไม่หนาวอีก" ร่างสูงว่าพลางโยนเสื้อแจ็คเก็ตหนังของเขามาคลุมร่างของเธอเอาไว้
"ก็ฉันบอกแล้วไงว่า..."
"ห่มไปเถอะน่า ไม่คิดค่ายืมหรอก"
วันวิวาห์ขึงตามองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่สุดท้ายก็ยอมกระชับเสื้อที่เขาคลุมลงมาให้เพื่อคลายความหนาวจากลมแรงที่พัดเข้ามากระทบกับผิว
แม้อากาศทางใต้จะเป็นอากาศแบบร้อนชื้น แต่ช่วงเวลากลางคืนที่ลมแรงแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่หนาวเสียหน่อย
มือหนาของคนข้างตัวยื่นออกมาสัมผัสหน้าผากมนชื้นเหงื่อด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะพบว่าร่างบอบบางมีอาการคล้ายคนเป็นไข้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้ในเรื่องพวกนี้สักนิดเลยก็เถอะ
"คุณเป็นไข้หรอ"
"เปล่า"
"แต่คุณตัวรุมๆ นะ เราไปหาหมอกันดีไหม" ปลาววาฬเสนอด้วยความเป็นห่วง หากแต่คู่สนทนากลับสะบัดศีรษะอย่างแรงเพื่อปฏิเสธท่าเดียว
"ฉันอุตส่าห์หนีมาได้ทั้งคืน จะให้ฉันยอมออกไปตายแค่เพราะว่าฉันไม่สบายแค่นี้หรอคุณ ไม่เอาหรอก" วันวิวาห์รีบบอกเหตุผลที่เธอไม่ยอมไป เพราะเกรงว่าเขาจะมาบังคับขู่เข็ญกันอีก
"บอกผมทีได้ไหม ว่าทำไมคนพวกนั้นต้องตามฆ่าคุณด้วย"
"ไม่ได้" ร่างบางตอบ โดยไม่หยุดคิด
"เฮ้ย! แต่นั่นมันเกี่ยวพันกับชีวิตคุณเลยนะ ตำรวจก็ไม่ยอมแจ้ง เหตุผลอะไรก็บอกไม่ได้ ใจคอคุณคิดจะหนีไปเรื่อยๆ แบบนี้เนี่ยนะ คิดอะไรอยู่วะเนี่ย"
คนที่ทนไม่ไหวจนต้องระเบิดออกมากลับกลายเป็นเขาเสียเอง เขาที่รู้แค่ว่าเธอชื่อ 'หวาน' ซึ่งหน้าตาและปากก็หวานจริงสมชื่อ แต่นอกนั้นเขาก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรของเธอเลย แต่กลับเป็นห่วงเป็นใยเธอออกนอกหน้าเสียอย่างนั้น
วันวิวาห์มองคนที่กำลังหงุดหงิดเพราะเธอปกปิดข้อมูลของคนร้ายด้วยความงุนงง ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาปากอย่างปลงตก
ใช่ว่าเธอจะพึ่งเคยหนีตายแบบนี้เป็นครั้งแรกเสียที่ไหน...
"คุณไม่ต้องสนใจเรื่องฉันหรอก ทันทีที่คุณออกไปจากที่นี่ คนพวกนั้นก็ไม่มีทางตามไปทำร้ายคุณได้แน่นอน"
"แล้วทำไมคุณถึงไม่ออกไปจากที่นี่ล่ะ" เขาถาม
"นั่นมัน..." วันวิวาห์อึกอักอย่างคนที่ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร
คิดหรือว่าเธอไม่อยากออกไปจากที่นี่ ไม่อยากออกไปมีชีวิตใหม่ที่มันดีกว่านี้ ชีวิตที่ต้องมาคอยระมัดระวังและหนีตายทุกครั้งที่พ่อและพี่ชายไม่อยู่
ตั้งแต่วันที่แม่เดินจากไปและสัญญาว่าจะกลับมารับ วันวิวาห์ก็ตั้งใจว่าจะรอให้แม่กลับมา ซึ่งเด็กน้อยในวันนั้นไม่มีทางรู้เลยว่าแม่จะมาเมื่อไหร่ แต่ที่ยังไม่ยอมหนีไปไหน เพราะเธอกลัวว่าถ้าแม่กลับมาแล้วจะไม่เจอเธอต่างหาก
"คุณ... ร้องไห้"
เมื่อถูกเขาทักมือเล็กก็ยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากใบหน้าอย่างลวกๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเองมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง
"คุณไม่ต้องสนใจเรื่องราวของฉันหรอก"
คิ้วหนาขมวดมุ่น เนื่องจากเขารู้สึกไม่พอใจประโยคเมื่อสักครู่ของเธอเป็นอย่างมาก
"ผมอยากสนใจ"
"บ้าหรือเปล่าเนี่ย" วันวิวาห์แหวใส่
"อือ ก็คงงั้นมั้ง ผมคงจะบ้าอย่างที่คุณว่าจริงๆ นั่นแหละ"
ทันทีที่พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาเหนือผืนน้ำเบื้องหน้า ร่างแบบบางที่นอนซบไหล่แกร่งมาหลายชั่วโมงก็รู้สึกตัวตื่น ก่อนที่คนตัวเล็กจะยกมือขึ้นมาเขย่าท่อนแขนใหญ่เพื่อปลุกคนข้างตัวอย่างกระตือรือร้น
"คุณๆ เช้าแล้วค่ะ"
ปลาวาฬเปิดปรือหนังตาอันหนังอึ้งของตัวเอง เพื่อจ้องมองดวงอาทิตย์กลมโตสีส้มสะท้านกับผืนน้ำด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อา... อาจจะเพราะว่าเมื่อคืนเขาดื่มไปไม่น้อย แถมยังต้องพาคนข้างตัวหนีตายมาตลอดทั้งคืน นี่ยังไม่นับเรื่องที่เขาทำตัวต่างหมอนให้เธออีกนะ
หึ! ทำไมไม่คิดจะใจอ่อนให้กันบ้างเลย อันที่จริงความดีของเขาก็มีไม่น้อยเลยนะนั่น
"เรารีบไปที่โรงแรมของคุณกันเถอะค่ะ"
"ทำไม กลัวว่าแฟนคุณมาแล้วจะไม่เจอหรือไง"
คำถามของเขาส่งผลให้วันวิวาห์เผลอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่สาวเจ้าจะพยักหน้ารับรัวๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า
"ค่ะ ฉันกลัวเขาจะรอนาน"
ปลาวาฬส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจอย่างหัวเสีย ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด แล้วเดินนำลิ่วไปไกล โดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้เขากำลังเปลือยท่อนบนอยู่
"เดี๋ยวคุณ เสื้อคุณอยู่นี่"
เสียงหวานตะโกนไล่หลัง แต่เจ้าของเสื้อไม่คิดจะหันมาสนใจไยดีมันเลยแม้แต่น้อย
"เป็นบ้าอะไรอีกละเนี่ย"