บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

“มาร่า”

ในท่ามกลางเสียงฮัมของเครื่องผสมไฟฟ้ามาร่าได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองดังอยู่ แต่ไม่สนใจที่จะขานรับ เธอกลับเติมน้ำตาลใส่ลงในไข่ขาว และปั่นต่อจนกระทั่งเป็นสีขาวแข็ง จากนั้นก็ตักลงใส่หน้าขนมพาย ขณะที่กําลังง่วนอยู่กับงานตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงเก้าอี้ล้อเลื่อนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ครัว

“มาร่า บุรุษไปรษณีย์เพิ่งจะขับรถผ่านไปเดี๋ยวนี้เอง เก้าอี้ตัวนั้นเคลื่อนเข้ามาในครัวและหยุดอยู่ตรงนั้น “ตอนนี้พ่อกําลังรอจดหมายจากฟิทซ์เจอรัลด์อยู่ ลูกช่วยไปดูหน่อยได้ไหมว่า มีจดหมายมาถึงพ่อหรือเปล่า”

“ตอนนี้ฉันกําลังยุ่งนะ อดัม” มาร่าตอบโดยไม่คิดจะหันหลังไปมอง ตั้งหน้าตั้งตาใช้ใบมีดปาดไข่ขาวผสม

น้ำตาลลงบนขนมให้หนาขึ้นกว่าเดิม ไม่สนใจกับบรรยากาศเงียบสงัดที่แฝงไว้ด้วยความตึงเครียดนั่นเลย

“นี่...ลูกเลิกเรียกพ่ออย่างนั้นเสียทีได้ไหม” เสียงถามห้วนๆแหวกขึ้นในอากาศ “พ่อน่ะเป็นพ่อนะ แล้ว ทําไมลูกถึงเรียกพ่ออย่างนั้นอยู่อีกล่ะ”

มาร่าเอี้ยวตัวไปมองบุรุษผู้มีนามสกุลว่าเพรนทิส ซึ่งเธอมีสิทธิที่จะใช้ชื่อสกุลนั้นมาตั้งแต่วันที่ลืมตาขึ้นมองดูโลก และหัวใจก็แข็งกระด้างขึ้นกว่าเดิม เมื่อพบกับใบหน้าที่หล่อเหลา แต่ทว่าขณะนี้ร่างกายต้องถูกตรึงอยู่กับเก้าอี้ล้อเลื่อนตัวนั้น

เรือนผมของเขาเป็นสีดําสนิทเช่นเดียวกับเธอ นอกเสียจากตรงขมับที่เป็นไรสีเงินยวง ซึ่งก็ทำให้ใบหน้านั้นดูเด่นยิ่งขึ้น ทั้งเขาและเธอต่างก็มีดวงตาสีเข้มด้วยกันทั้งคู่ นอกจากนั้นโครงสร้างของรูปหน้าก็มีความละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างมาก ซึ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นพ่อลูกกัน

“ฉันไม่ได้ปฏิเสธในความเป็นพ่อลูกระหว่างเรานี่ อดัม” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาเย็นชาเหมือนความคิดทั้งหลายที่เกิดขึ้นอยู่ในใจ

สีหน้าของเขาเผือดซีดลงด้วยความโกรธที่เห็นเธอยังคงเรียกเขาด้วยชื่อแรกอย่างไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ นิ้วที่วางอยู่กับเท้าแขนก้าวอีกเข้าหากัน มาร่าจับสังเกตปฏิกิริยาที่เขากําลังแสดงอยู่ด้วยสีหน้าที่มิได้บอกความยินดียินร้ายเลยแม้แต่น้อย แต่ลึกลงไปในใจนั้นมันแฝงความสะใจอยู่ ก่อนที่จะหันกลับไปให้ความสนใจกับขนมพายต่อ และภายหลังจากที่ตกแต่งหน้าขนมจนพอใจแล้ว เธอก็เอื้อมไปเปิดประตูเตาอบที่เปิดอุ่นเครื่องไว้ล่วงหน้า เอาถาดขนมใส่เข้าไปเพื่อที่จะอบให้หน้าเป็นสีน้ำตาล ตลอดเวลาที่ผ่านไปนั้น บุรุษผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนมิได้กล่าววาจาอะไรออกมาเลยแม้แต่คําเดียว

“น่ากินดีนี่” พ่อของเธอพยายามบังคับตัวเองให้กล่าวคําพูดนั้นออกมา “หน้าช็อคโกแล็ตใช่ไหมนี่”

“ไม่ใช่หรอก มะนาวต่างหาก” มาร่ามิได้เปลี่ยนอารมณ์ในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย

“คราวหน้า ลูกน่าจะลองทําช็อคโกแล็ต ครีม พาย อีกบ้างนะ” เขาออกความเห็น

“ฉันเบื่อพาย ช็อคโกแล็ตจะแย่” เธอเอาเครื่องตีกับชามใส่ลงในอ่างล้างจาน หมุนก๊อกเปิดน้ำให้ไหลลงมา

“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะต้องเบื่อมันตลอดไปนี่นา” ในน้ำเสียงนั้นมีสําเนียงประชดแฝงอยู่ และแล้วน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นแจ่มใสขึ้น เมื่อหวนรําลึกถึงความหลัง “ตอนที่ลูกเริ่มโตขึ้นมานั่นน่ะ เราสองคนเคยเถียงกันเสมอว่า ใครจะได้กินช็อคโกแล็ต พายชิ้นสุดท้ายที่มันเหลืออยู่ และเราก็มักจะตกลงกันได้ ด้วยการแบ่งกันกินคนละครึ่งไงล่ะ”

“โอ๊ย นั่นน่ะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมานานจนไม่สมควรจะต้องจดจําแล้วละ” วาจาของเธอตัดรอน ราวกับจะต้องการจะประกาศให้ผู้เป็นพ่อได้รับรู้ไว้ว่า ทุกสิ่งที่ผ่านมาในอดีตนั้นมันมิได้มีอะไรเกี่ยวพันมาถึงวันนี้อีกแล้ว

“แม่ของลูกน่ะเป็นคนที่มีฝีมือในการทําพาย ช็อคโกแล็ต อย่างหาตัวจับยากคนหนึ่งทีเดียว” อดัม เพรนทิสพูดต่อ “ไม่รู้เหมือนกันว่าโรสแมรี่ไปได้ตํารามาจากไหนแต่...”

มาร่าหันขวับมาทันที ประกายคั่งแค้นฉายโชนอยู่ในควงตาคู่ที่มักจะเปล่งแววเมินหมางอยู่เสมอ ในความคั่งแค้นนั้น มันมีความเกลียดชังอันล้ำลึกแฝงอยู่อย่างมาก

“กล้าดียังไง ถึงมาเอ่ยชื่อแม่ฉัน” เธอถามด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

“อ้าว...ก็เขาเป็นเมียพ่อนี่นา” อดัมตอบอย่างไม่ลดละ ประสานสายตากับลูกสาวอยู่

“งั้นหรือคะ” คําถามเยาะหยันประโยคนั้นหลุดลอดไรฟันที่ขบกันไว้แน่นออกมา ความชอกช้ำขมขื่น ความเจ็บใจแผ่ซ่านไปทั่วตัว “แต่ตอนที่คุณวิ่งตามอีนังโสเภณีคนนั้นไปไม่เห็นคุณนึกเรื่องนี้ได้เลยนี่ จริงไหมล่ะ”

“พ่อไม่เคยลืมหรอก” อดัม เพรนทิส ปฏิเสธข้อกล่าวหาของลูกสาว

“คุณน่ะมีทั้งเมียทั้งลูก” ความเจ็บใจพรั่งพรูออกมาในน้ำเสียงที่ตัดพ้อ “แต่คุณกลับทอดทิ้งเรา โดยไม่เคยคิดแม้แต่จะเหลียวกลับมามอง”

“มาร่า ตอนนั้นน่ะ ลูกเพิ่งอายุแค่ 15 เท่านั้นนะ” ดูเหมือนเขาพยายามที่จะใช้เหตุผลเข้ามาเป็นเครื่องประกอบการอธิบาย “เพราะฉะนั้น ลูกไม่รู้หรอกว่า...”

“แต่ฉันอยู่” เธอตวาดเสียงเกรี้ยว “ฉันรู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่คุณทอดทิ้งแม่ไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งนั้น มันเท่ากับฆ่าแม่ให้ตายทั้งเป็นชัดๆ และหลังจากนั้นไม่นานแม่ก็ตาย ซึ่งก็สมความปรารถนาของคุณจริงๆ แม่น่ะไม่ได้เพียงแต่รักคุณเท่านั้นนะคะ แม่ทั้งเทิดทูน ทั้งบูชา ขณะที่แม่มีชีวิตอยู่ แม่กิน แม่หายใจ และแม่พยายามนอนให้หลับ เพียงเพื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะได้กลับมาเห็นใจ คุณเป็นคนเดียวในชีวิตที่มีความสําคัญสําหรับแม่ แต่แล้ว...”

“แล้วลูกคิดหรือว่าพ่อไม่เสียใจ” เสียงบิดาย้อนถามมา “ลูกเชื่อด้วยความสุจริตใจจริงๆ น่ะหรือ ว่าพ่อไม่ต้องการที่จะให้เหตุการณ์มันเป็นไปในแบบอื่น ลูกคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์อย่างนั้นเลยหรือ”

“สิ่งเดียวที่คุณแคร์ ก็คืออีนังผมสีบลอนด์คนนั้น” มาร่าโต้กลับไป หันหลัง เชิดหน้า ด้วยความเกลียดชังใน

ไม่กี่ปีเท่านั้น

“ใช่ พ่อยอมรับว่าตอนนั้นพ่อหลงรักโจซีลีน และก็เห็นจะไม่ขอโทษสําหรับเรื่องนั้นหรอก” อดัมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่มันออกจะเป็นเรื่องน่าแปลกอยู่ สําหรับการที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงสองคนพร้อมกันใน คราวเดียวกันได้ เพราะพ่อก็รักแม่ของลูกด้วย”

“ฉันไม่เชื่อหรอก เพราะเคยเห็นในสิ่งที่คุณทํากับแม่มาแล้ว” เธอพูดเหมือนจะช่วยเตือนความจําของเขา “ถึงแม้ก่อนหน้าที่จะมาถึงอีนังผมสีบลอนด์คนนั้น คุณก็มอบความรักให้กับสัตว์ตัวเมียที่นุ่งกระโปรงทุกคน”

“คุณพระช่วย มาร่า ทําไมใช้คําพูดที่มันรุนแรงอย่างนั้นล่ะ และอีกประการหนึ่งนะ พ่อก็มองไม่เห็นว่า ไอ้การที่จะจีบผู้หญิงคนไหนเล่นๆ มันจะเป็นเรื่องที่มีอันตรายตรงไหนเลยนี่” หางเสียงของเขาบอกให้รู้ว่า ความไม่พอใจที่ถูกล่วงเกินเข้ามาในเรื่องส่วนตัว เริ่มจะมาถึงขีดที่ใกล้จะหมดความอดทนแล้ว

“ไม่มีอันตราย” มาร่าย้อนเสียงสูง ทั้งสีหน้าและแววตาบอกความชิงชังในความคิดของบิดาออกมาอย่างเต็มที่ “ใช่สิคะ แม่มักจะหัวเราะ เพราะเห็นเป็นเรื่องขึ้นมาตลอด แต่คุณเคยเห็นแววในดวงตาของแม่บ้างหรือเปล่า มันบอกความเจ็บปวด ความขมขื่นอย่างที่สุด ฉันน่ะอยากให้คุณได้เห็นนัก แต่ถึงยังไงมันก็คงไม่ทําให้คุณรู้สึกอะไรขึ้นมาหรอก ใช่ไหมล่ะ”

“พ่อไม่จําเป็นจะต้องอภิปรายความรู้สึกส่วนตัวของพ่อให้แกฟังหรอกนะ เพราะพ่อก็ไม่เคยแสร้งทําตัวว่าเป็นคนสมบูรณ์แบบอะไรกับใครเขานี่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงชาเย็น

“แต่คุณก็ทําให้แม่เชื่อได้เสมอมาว่าคุณเป็นอย่างนั้น” มาร่าไม่ยอมลดละที่จะถากถางผู้ให้กําเนิดต่อไป “แม่น่ะมักจะคิดอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้มาเป็นเมียคุณ”

“แม่เขาก็รู้ว่าพ่อรักอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แล้วลูกจะให้พ่อทนอยู่กับแม่ของลูกต่อไปได้ยังไง” อดัมย้อนถามลูกสาว “และถ้าเราหย่าขาดจากกัน หรือถ้าพ่อทอดทิ้งเขาไปจริง ๆ เราทั้งสองคนก็จะต้องมีชีวิตที่อับปางด้วยกันทั้งคู่”

“เพราะฉะนั้นคุณก็เลยใช้วิธีนี้ซ้ำเติมแม่ เพื่อที่จะให้แม่ได้รับเคราะห์กรรมจากความทุกข์เพียงลําพังคนเดียว” เธอกระแทกเสียงใส่ด้วยฤทธิ์แรงแห่งอารมณ์

“เอาละ พ่อยอมรับละว่า พ่อทําให้แม่เจ็บช้ำถึงขนาดนั้น...พ่อยอมรับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่แพ้กัน “แต่ อย่างน้อย ลูกก็ควรจะให้เครดิตพ่อบ้าง ที่พ่อไม่ได้ทอดทิ้งภาระเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลย พ่อยกทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ให้เขาจนหมด ทั้งบ้าน ทั้งที่ดิน ทั้งเงิน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสมบัติของพ่อ นอกจากเสื้อผ้าเท่านั้น หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ได้เหลืออะไรไว้ให้ตัวเองเลย และจนกระทั่งทุกวันนี้ พ่อก็ไม่ได้มีทรัพย์สมบัติติดตัว ตอนที่แม่ตายลูกก็ได้รับมรดกนั้นมาทั้งหมดนี่”

“อ๋อ...แล้วคุณคิดว่าแม่จะต้องเหบืออะไรไว้ให้คุณอีกอย่างนั้นรึ” มาร่าเยาะให้

“เปล่าหรอก” คําตอบนั้นเปล่งออกมาพร้อมด้วยเสียงถอนหายใจ ฟังเหนื่อยหน่ายและขุ่นเคือง “มาร่า นี่พ่อยังชดใช้ไม่หมดอีกหรือ โจซีลีนก็ตายไปแล้วในอุบัติเหตุรถชนกันครั้งนั้น และพ่อเองก็พิการถึงขนาดนี้ เป็นความ พิการที่ไม่มีวันจะกลับคืนดีดังเดิมได้อีกแล้วด้วย ซึ่งหมอเขาก็เตือนมาแล้วด้วยว่า ถ้าพ่อแก่ตัวลงกว่านี้ก็จะต้องไปถึงจุดหนึ่งที่แม้แต่เก้าอี้ล้อเลื่อนก็ยังนั่งไม่ได้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel