บทที่ 10 เสือร้าย
เมื่อกินอาหารอิ่มแล้วทั้งสองก็เดินทางไปที่ไซต์งานก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำดื่มที่จังหวัดประทุมธานีตามที่สถาปนิกได้แจ้งมาว่านัดเจ้าของโรงงานไว้ตอนบ่ายสามโมง แต่อนิกม์กับการันต์ไปก่อนเพื่อจะคุยกับทีมงานก่อน
ร่างสูงของรักธุรกิจหนุ่มหล่อสุดฮ็อตของวงการก่อสร้างเดินเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ออฟฟิศชั่วคราวที่มีทีมงานรออยู่
“สวัสดีครับคุณหนึ่ง” พริษฐ์ไหว้เจ้านายหนุ่มรุ่นน้อง
“สวัสดีครับคุณต้น อยู่กันครบนะครับ” อนิกม์ถามหัวหน้าทีมสถาปนิกก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนแล้วยิ้มให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่าง
“อยู่ครบทุกคนครับ”
“งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยครับ ใครมีความคิดเห็นยังไงก็บอกมาเลยครับ เพราะงานนี้จะผิดแบบไม่ได้ถ้ามีการตรวจสอบแล้วบอกว่างานของเราไม่ได้มาตรฐานตามที่ยื่นเสนอกับทางราชการไป ผลเสียจะตกที่เราทั้งหมด บริษัทของเราจะได้รับความเสียหายและลูกค้าจะไม่เชื่อใจเรา” อนิกม์ขอความคิดเห็นจากทีมสถาปนิกที่รับผิดชอบงาน
“ที่จริงเราได้ทำสัญญากับทางลูกค้าไว้แล้วตั้งแต่ต้น แล้วเขามาเปลี่ยนตอนท้ายแบบนี้ ทางเขาก็เป็นฝ่ายผิดสัญญาก่อนนะครับคุณหนึ่ง” คนิต หนึ่งในทีมพูดขึ้นเพราะเขายึดสัญญาที่ถูกต้องเป็นหลักในเมื่อตกลงกันแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
“มันก็ถูก ผมไม่อยากมีปัญหา เราต้องแก้ไขงานให้มันจบให้ได้และต้องพอใจด้วยกันทุกฝ่าย” เขาเลือกประนีประนอมเพื่อจบงานหากไม่มากจนเกินไป แต่ถ้ายังมีปัญหาเขาก็พร้อมจะชนและทีมงานก็รู้ดี
“งั้นเราก็ชี้แจงข้อดีข้อเสียของวัสดุเน้นความแข็งแรงและสะอาดปลอดภัย หากผลิตน้ำดื่มออกไปแล้วไม่ได้มาตรฐานตลาดก็ไม่รองรับจะทำให้เขาเสียหายมากกว่าที่จ่ายไป” พริษฐ์พูดขึ้นเพราะเจ้าของโรงงานเล่นแง่หัวหมอแต่คงลืมไปว่าตัวเองผลิตน้ำดื่มมันต้องมีการตรวจสอบก่อนจะผลิตหากโรงงานและอุปกรณ์ในกรผลิตไม่ถูกต้องตามที่แจ้งไปก็จะมีปัญหาได้อาจจะทำให้ไม่ผ่านการตรวจสอบก็ได้ทีมงานทั้งสิบคนก็พูดเสียงเดียวกันและยืนยันทำตามแบบเดิมหากเจ้าของไม่ยอมก็พร้อมจะถอยตามที่สัญญาระบุไว้
เวลาบ่ายสามโมงตรงเจ้าของบริษัทก็มาถึงเสี่ยเม้งลงจากรถพร้อมกับเจ้หลินภรรยาและมิกกี้ลูกชายเดินมาที่ตู้คอนเทนเนอร์ออฟฟิศชั่วคราวและทักทายกับทุกคนก่อนจะนั่งลง
"มาพร้อมกันแล้วเชิญเสี่ยเม้งครับ" พริษฐ์เชิญเสี่ยเม้งพูดก่อน
"ตามที่ผมแจ้งทีมงานไปว่าจะเปลี่ยนสเป็คอุปกรณ์บางส่วนมีปัญหาอะไรครับ"
“ทางบริษัททำตามความต้องการของเสี่ยไม่ได้ครับ งานทุกอย่างวางแพลนไว้หมดแล้วหากยกเลิกมันจะเสียหายหลายฝ่ายครับ” อนิกม์พูดขึ้นตามความจริง
“ผมก็บอกพวกคุณไปแล้วว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกคุณไม่ต้องมารับผิดชอบอะไร แค่ทำตามความต้องการของผมเท่านั้น” เสี่ยเม้งถามอนิกม์
“เสี่ยลองคิดดูดีๆนะครับ ว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย หากมีการตรวจสอบแล้วโรงงานของเสี่ยไม่ผ่าน อ.ย.ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานได้มันจะเสียหายมากแค่ไหน หากเปรียบเทียบกับทำตามแบบเดิมและสามารถดำเนินงานได้ทันทีที่โรงงานสร้างเสร็จ และมันสามารถสร้างเม็ดเงินให้เสี่ยได้ทันทีมันไม่ดีกว่ากันเหรอครับ"
“แต่งบประมาณมันเยอะนะครับคุณอนิกม์” ลูกชายของเสี่ยพูดถึงเรื่องงบที่เกินจากตั้งไว้
“กรณีที่งบเกิน ทางบริษัทก็ชี้แจงตั้งแต่แรกและเสี่ยกับคุณมิ้กกี้ก็ยอมรับแล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะครับ” อนิกม์ถามสองพ่อลูกที่มาเปลี่ยนใจในขั้นตอนสุดท้าย
“ก็พอดีเพื่อนของลูกชายผมเขาแนะนำมา และผมก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะเขารู้จักผู้ตรวจสอบผิดแบบไปนิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร” เสี่ยเม้งบอกอนิกม์และทีมงานตรงๆ
“ข้อนี้ผมไม่รู้นะครับ ทางบริษัทของเรายึดถือความถูกต้องและความปลอดภัยของพนักงานและผู้บริโภคเป็นหลักหากเสี่ยจะลดสเป็คก็ได้แต่ทางบริษัทของเราจะไม่ทำให้และเสี่ยต้องชดใช้ค่าเสียเวลาและทำสัญญากันใหม่เพราะหากเกิดอะไรขึ้นทางบริษัทจะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ได้ทำและบริษัทต้องไปชี้แจงให้ทางกรมโยธาทราบถึงเหตุผลที่เสี่ยยกเลิกด้วย เสี่ยยอมรับมั้ยครับ” อนิกม์อธิบายให้เสี่ยเม้งกับลูกชายฟังส่วนภรรยาก็นั่งฟังมาตั้งแต่แรกไม่พูดอะไร
“ทำไมต้องแจ้งให้พวกเขารู้ด้วยเราทำกันเงียบๆก็ได้นี่นา” เสี่ยเม้งหลงเชื่อเพื่อนของลูกชายที่พูดโน้มน้าวเขา
“คุณอนิกม์ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ เจ้เข้าใจที่คุณพูด การทำธุรกิจมันต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองและผู้บริโภคที่เสี่ยพูดมาฉันไม่เห็นด้วยนะ หากมีการตรวจสอบทีหลังแล้วเราผิดจนไม่สามารเปิดโรงงานได้ล่ะใครจะรับผิดชอบ แล้วเงินที่ลงทุนไปห้าสิบล้านนี่มันมิสูญเปล่าเหรอคะเสี่ย” เจ้หลินพูดขึ้นเธอฟังเพื่อนของลูกชายพูดแล้วมันไม่ถูกต้องแต่ไม่พูดอะไรพอฟังอนิกม์พูดมันคนละอย่างกันเลยชายหนุ่มตรงหน้าชี้แจงทั้งผลดีผลเสียและประโยชน์ให้ฟังอย่างละเอียดโดยไม่มีหมกเม็ดเหมือนเพื่อนลูกชายคุยและยังอาสาจะสานงานต่อให้ซึ่งเธอดูแล้วมันไม่ถูกต้อง คนทำธุรกิจเหมือนกันไม่สมควรจะมาตัดหน้ากัน
“ก็..” เสี่ยตอบเมียไม่ได้และคิดถึงเงินลงทุนที่เขาได้ตัดสินใจไปตั้งแต่ครั้งแรกเขาก็ยอมรับได้นี่ แต่พอฟังเพื่อนลูกชายที่พูดบ่อยๆเข้าก็ไขว้เขวพอภรรยาพูดก็ฉุกใจคิดก็นิ่งไป
“มิ้กกี้เข้าใจที่ม๊าพูดมั้ยลูก” เจ้หลินถามลูกชายที่นิ่งเงียบไป
“ครับม๊า.” มิกกี้ก็ไม่กล้าขัดแม่
“เสี่ยละคะ”
“เสี่ยให้หลินตัดสินใจละกัน” เสี่ยเม้งตอบภรรยาที่ไม่ค่อยพูดแต่พอพูดเธอก็มีเหตุผลที่เขารับฟังอย่างมีสติ
“งั้นคุณอนิกม์และทีมงานก็ดำเนินงานต่อเลยค่ะ มีปัญหาอะไรติดต่อเจ้ได้โดยตรงเลยค่ะ” เจ้หลินบอกอนิกม์และทีมงานที่โล่งใจเมื่อปัญหาคลี่คลาย
“พวกเราขอขอบคุณเจ้หลิน เสี่ยเม้งและคุณมิ้กกี้มากนะครับ” อนิกม์ยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า
“ผมต้องขอโทษคุณอนิกม์และทีมงานด้วยนะครับ ที่ทำให้วุ่นวาย หากมีอะไรก็ติดต่อเจ้หลินได้เลยครับ ผมมอบหมายให้ภรรยาดูแล” เสี่ยเม้งก็ขอโทษอนิกม์และทีมงาน
เมื่อเข้าใจกันดีแล้วเสี่ยกับครอบครัวก็ขอตัวกลับอนิกม์กับทีมงานก็คุยกันต่อถึงเรื่องที่เสี่ยเม้งพูดว่าเพื่อนของลูกชายแนะนำทำให้อนิกม์อยากรู้
“ผมชักอยากรู้แล้วสิว่าเพื่อนของลูกชายเสี่ยเป็นใครถึงแนะนำแบบนี้ การันต์นายช่วยหน่อยได้มั้ย” อนิกม์บอกเลขาสารพัดประโยชน์ที่จดบันทึกไว้ทันที
“ครับเจ้านาย”
“ผมขอบคุณทุกคนมานะครับ ขอให้งานของเราราบรื่นจนจบงานนะครับ” อนิกม์อวยพรให้ทีมงานของเขา
“ขอบคุณ คุณหนึ่งมากนะครับที่ชวยแก้ไข้ปัญหาให้พวกเรา” พริษฐ์ขอบคุณเจ้านายที่อธิบายให้ลูกค้าเข้าใจ
“ก็เราอยู่ทีมเดียวกันนี่ครับ” อนิกม์อยู่คุยกับทีมงานและเดินดูรองโรงงานที่เสร็จเรียบร้อยบางส่วนเหลือบางจุดที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ผลิตน้ำดื่มที่มีหลายขั้นตอนอีกสองเดือนก็จะเสร็จตามกำหนดสัญญา ก่อนจะกลับบ้านอาบน้ำแล้วไปสนานบินเพื่อเดินทางไปประเทศลาวตามที่ได้นัดกับคนของเขาที่อยู่ประเทศลาวเพื่อประสานงานกับทางรัฐบาลลาวในเรื่องการขออนุญาติก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ใกล้เขื่อนน้ำงึม
อนิกม์เดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็เจอไฮโซสาวที่นัดไว้มารอเขาที่สนามบินทั้งที่บอกแล้วว่าเขาไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวแต่สกาวเดือนก็ยังขอตามไปด้วย
“คุณหนึ่งขาทางนี้ค่ะ” สกาวเดือนเรียกอนิกม์ที่เดินไปทางร้านกาแฟ
“มานานแล้วเหรอเดือน”
“เกือบชั่วโมงค่ะ ทำไมคุณหนึ่งมาช้าจังเลยคะ” สกาวเดือนดูนาฬิกาทุกห้านาทีรอชายหนุ่มอย่างกระวนกระวายใจนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ไปต่างประเทศกับอนิกม์
“ผมไปหากาแฟดื่มสักแก้วก่อนนะ” อนิกม์ไม่สนใจที่ไฮโซสาวพูดชายหนุ่มก็เดินไปที่ร้านกาแฟมีการันต์เข็นกระเป๋าเดินตามก่อนจะมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของไฮโซสาวที่ทิ้งไว้ให้เขา ก่อนจะยกขึ้นรถเข็นแล้วเข็นตามไปเพราะเครื่องบินออกเดินทางเวลาสามทุ่ม
อนิกม์เดินทางไปถึงประเทศลาวในเวลาสี่ทุ่มกว่าใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงสิบนาทีแล้วเข้าพักโรงแรมในเวียงจันทร์ก่อนจะเดินทางไปที่เขื่อนน้ำงึมในวันพรุ่งนี้
