รับผิดชอบเธอเอง
“ครับ ผมเค้นถามพนักงานเสิร์ฟคนนั้นแล้วครับ คนของประธานจ้าว เอ้อถังได้ใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงไปในแก้ว 2 แก้วนั้นครับ แก้วหนึ่งเป็นแก้วเหล้า อีกแก้วเป็นแก้วน้ำผลไม้ครับ ตอนแรกเขาเอาแก้วเหล้าให้คุณหนูเสี่ยวโยก่อน แต่คุณหนูปฏิเสธ เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเผื่อคุณหนูเสี่ยวโยปฏิเสธแก้วเหล้าก็ยังมีแก้น้ำผลไม้อยู่ จึงใส่ยาในแก้วน้ำผลไม้นั้นด้วย ดังนั้นคุณหนูจึงโดยยาไปเต็มๆ เพราะเธอดื่มหมดแก้วเลย ส่วนท่านประธานก็ดีหน่อยครับที่ได้ฤทธิ์ยาเพียงน้อยเพราะแค่จิบไปเท่านั้น ตอนผมมาโรงพยาบาล ผมเห็นคนของประธานจ้าวที่โรงพยาบาลด้วย คงจะมาตามผลงานที่ทำไว้แน่นอนครับ”
“ดีมาก ฉันคิดไว้อยู่แล้ว ว่าเรื่องต้องเป็นแบบนี้ ฉันจึงพาเสียวโยมาที่โรงพยาบาล นายก็จัดการที่นั่นด้วยแล้วกัน ประชุมเช้าวันนี้แจ้งเลื่อนไปเป็นตอนบ่าย และมารับฉันที่โรงแรม AB ตอน 11 โมงน่ะ”
“ครับท่านประธาน”
“ผู้จัดการ จัดหาชุดมาให้ฉันด้วย 1 ชุด และชุดผู้หญิง 1 ชุด เอามาให้ตอน 10.30 น.น่ะ” จินฉือสั่งผู้จัดการโรงแรม
“รับทราบครับ”
เมื่อจัดการสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมานอนกอดเสี่ยวโยที่เตียงต่อ เขาคิดว่าอยากอยู่แบบนี้ไปตลอด ไม่อยากลุกไปไหนเลย ไม่อยากห่างจากเธอไปไหนเลย เขายกหัวเธอให้มานอนหนุนแขนเขา และก้มลงจูบแก้ม จูบหน้าผาก และก็ปากเธอ แล้วนอนหลับไป จนถึงเวลา 10 โมงก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ส่วนเสี่ยวโยยังนอนอยู่ เขาจึงโทรไปสั่งอาหารให้เธอ เผื่อเธอตื่นมาจะได้กินพอดี
“พี่ฉือ มันเกิดอะไรขึ้นค่ะ ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะค่ะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นค่ะ”
เมื่อเสี่ยวโยตื่นขึ้นมารู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัว และตื่นในที่แปลกๆ ที่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง แถมยังอยู่กับจินฉืออีกต่างหาก เมื่อมองดูตัวเองใต้ผ้าห่มแล้ว ร่างกายเปลือยเปล่า ไม่ได้ใส่อะไรเลยเธอจึงตกใจ และรู้สึกสับสน
“ตื่นแล้วหรอ นี่จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยใช่ไหม” จินฉือพูด พร้อมนั่งลงบนเตียงข้างเธอและเอามือไปขยี้หัวเธอ
“เรื่องอะไรหรอค่ะ” เสี่ยวโยงง และไม่เข้าใจ
“ม่ะ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน แล้วมากินข้าว เดี๋ยวพี่ค่อยเล่าให้ฟัง”
“ไม่เอา หนูลุกไม่ได้”
“ทำไมล่ะ เป็นอะไร เจ็บตรงไหนรึเปล่า” จินฉือถามขึ้น เพราะเป็นห่วงและกังวล แล้วจะดึงผ้าห่มออกดู
“ไม่ค่ะ ไม่ ไม่ได้เจ็บตรงไหน” เสี่ยวโยดึงผ้าห่มกอดไว้แน่น
“ทำไม อายพี่หรอ ไม่ต้องอายแล้ว”
“พี่ออกไปก่อนได้มั้ยค่ะ หนูจะได้ลุกไปอาบน้ำค่ะ”
ว๊ายยยยย…..
“พี่ฉือ ทำอะไรคะ”
“ก็อุ้มเธอไปอาบน้ำไง ไม่อย่างงั้นคงอยู่บนเตียงต่อไปจนไม่ได้ไปไหนแน่นอน”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเดินเองได้”
“หรือจะให้พี่เข้าไปอาบน้ำให้”
“หนูอาบเองได้ค่ะ”
จินฉืออุ้มเธอขึ้นพร้อมกับผ้าห่ม แล้ววางเธอลงไว้หน้าห้องน้ำ แล้วก้มลงจุ๊ฟหน้าผากเธอ
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวมากินข้าว”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เสี่ยวโยกับจินฉือก็มานั่งทานข้าวกัน จินฉืออธิบายให้เสี่ยวโยฟังทุกอย่าง
“แล้วเรื่องนี้พี่จะทำยังไงต่อค่ะ”
“โยโย พี่ต้องขอโทษเธอจริงๆ น่ะที่ต้องตัดสินใจทำแบบนั้น และไม่ต้องห่วงน่ะ เรื่องนี้พี่จะรับผิดชอบเธอเอง เพราะมันมีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะรักษาชื่อเสียงของบริษัท และรักษาชื่อเสียงหน้าตาของเธอเองด้วย เพราะมันไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เมื่อเธอเข้ามาอยู่ในตระกูลมู่แล้ว เธอก็จะต้องเป็นหมากตัวหนึ่งของตระกูลจ้าว ในเมื่อตอนนี้เธอโดนเขาเล่นงานแล้ว ดังนั้นจะมีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้น ที่เธอจะไม่เดือดร้อนไปมากกว่านี้อีก เพราะหากพี่ให้เธอไปรักษาตัวโรงพยาบาลจริงเมื่อคืน ตอนนี้ก็คงเป็นข่าวไปแล้ว เพราะตระกูลจ้าวให้คนไปเฝ้าที่โรงพยาบาลทั้งคืน ดังนั้นจ้าว เอ้อถังคิดไว้แล้วว่าเรื่องนี้มันต้องตกที่พี่หรือไม่ก็จินฟาน ที่ต้องเป็นคนที่ช่วยเธอ เพื่อให้คุณพ่อนั้นเจ็บปวดใจ จ้าว เอ้อถัง มันหวังคิดให้เธอตายทั้งเป็น และทำให้คุณพ่อรู้สึกผิดอีกครั้งที่ทำให้เธอต้องทรมานเพราะเรื่องที่เกิดมาจากเขา ดังนั้นพี่จะพูดกับคุณพ่อเรื่องนี้เอง เธอไม่ต้องเป็นห่วงและกังวลอะไรเลย”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ เมื่อเหตุการณ์นี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย พี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของหนูหรอกค่ะ เพราะอีกอย่างเมื่อคืนหนูก็จำอะไรไม่ได้ด้วย จำได้แค่รางๆ เท่านั้นเอง” เสี่ยวโยไม่อยากให้จินฉือมารับผิดชอบตนเอง เพราะหากต้องรับผิดชอบแล้วก็ต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิต ดังนั้นเมื่อเขาเจอคนที่ถูกใจ เขาก็จะไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้นเธอจึงไม่อยากผูกมัดเขาไว้ เพราะคนไม่ได้รักกันอยู่ด้วยกันไปมันก็จะทรมานกันไปเปล่าๆ
“เธอโกรธพี่มั้ย หากไม่สบายใจก็พูดออกมาน่ะ หรือบอกพี่มาตรงๆ ก็ได้ว่าจะให้พี่ทำยังไง” จินฉือบอก เพราะเห็นสีหน้าขอเสี่ยวโยดูมีเรื่องกังวล หรือกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่มีหรอกค่ะ หนูเข้าใจเหตุผลเรื่องนี้ดีแล้วค่ะ เพียงแต่ไม่อยากกดดันพี่เท่านั้นค่ะ คือจริงๆ แล้วเรื่องนี้พี่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรก็ได้ค่ะ ให้มันจบ และเงียบไปแบบนี้ดีแล้วค่ะ ไม่ต้องแจ้งให้คุณท่านทราบก็ได้ เพราะหากเป็นแบบนี้ หนูไม่รู้จะทำตัวยังไงคะ”
“พี่บอกแล้วว่าเรื่องนี้พี่ต้องรับผิดชอบเธอ ต่อแต่นี้ไปเธอก็คือผู้หญิงของพี่”
“ผู้หญิง ผู้หญิงของพี่เหรอ พี่หมายถึงแฟนของพี่ใช่มั้ยค่ะ” เสี่ยวโยถามด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าจินฉือจะพูดออกมาได้ไวขนาดนี้
“อื่ม ก็ใช่น่ะสิ แล้วเธอคิดว่าไงละ”
“พี่ฉือ พี่อย่ากดดันตัวเองนะคะ เพราะถ้าเป็นแฟนกัน หนูก็ทำตัวไม่ถูก แล้วเวลาอยู่ที่ทำงานหนูจะต้องทำตัวยังไง หนูทำตัวไม่ถูก หรือวางตัวในตำแหน่งแฟนพี่ไม่ถูกนะคะ”
“ก็ทำตัวปกตินั่นแหละ เวลาอยู่บริษัทก็ทำตัวเหมือนเดิม เรื่องนี้ก็ปิดคนในบริษัทไปก่อน เพราะเธอยังอยู่ในตำแหน่งเด็กฝึกงาน เพราะหากคนอื่นรู้มันจะทำให้เธอทำตัวลำบากได้ ส่วนคนในครอบครัวฉันจะเป็นคนเปิดเผย และแจ้งทุกคนเอง”
“เอ่อ คือว่า พี่ฉือ พี่ไม่ต้องก็ได้ เพราะถ้าหนูเรียนจบแล้ว”
“ไม่ต้องพูดแล้ว และไม่ต้องคิดอะไรมาก กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวตอนบ่ายพี่มีประชุม ส่วนเธอก็นอนพักอยู่ที่บ้านรอน่ะ”
เสี่ยวโยอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกจินฉือพูดขัดเข้าก่อน เธออยากจะบอกว่า เรื่องนี้ไม่ต้องรับผิดชอบเธอ เพราะหากเธอเรียนจบแล้ว และเมื่อได้งานดี ๆ แล้ว เธอก็จะออกไปจากตระกูลมู่แล้ว มันเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง
กริ้งๆๆๆๆ …..
“ฮาโหล หยางหยาง มีอะไรรึเปล่า” เสี่ยวโยถาม
“วันนี้เธอไม่มาทำงานหรอ เป็นอะไรไปรึเปล่า ฉันโทรขึ้นไปหาเธอที่ห้องทำงาน เลขาบอกว่าเธอไม่มาทำงาน”
“อื่ม พอดีไม่สบายนิดหน่อยน่ะ เธอมีอะไรกับฉันรึเปล่า”
“ฉันว่าจะชวนเธอไปกินข้าว ฝึกงานในที่เดียวกันแท้ๆ แต่หาเวลาเจอกันแทบไม่ค่อยได้เลย”
“งั้นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นไง ไปกินปิ้งย่างกัน ฉันเลี้ยงเธอเอง”