ตอนที่9 หาหญ้า
ตอนที่9 หาหญ้า
“เจ้าลามก เธอใจกล้าเสียจริงๆ” เธอเอ่ยขึ้น
“หลินหยาง เธออุ้มฉันเข้าไปในห้องที” หลี่หลันเอ่ยออกมาอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
หลินหยางหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดหยาดน้ำตามเรือนร่างของเธอให้แห้ง แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายที่เป็นเพราะใช้แรงแล้วยื่นออกมาให้เห็น เรือนร่างที่สง่างาม ความปรารถนาปรากฏในสายตาของหลี่หลัน
หลินหยางนำร่างของหลี่หลันวางลงบนเตียง และไม่รีรอ ปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อหาทางเข้า
หลี่หลันหลับตารับสัมผัสที่เธอห่างหายไปนาน จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวจึงร้องเสียงดังออกมา...
การพัฒนาทักษาบทหลงเฟิ่งเจว๋ ทำให้หลินหยางรู้สึกว่าความสามารถในการต่อสู้บนเตียงของเขาก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน
ชั่วโมงกว่าๆนี้ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งกันที่ทำให้แม่หม้ายคนนี้ถึงจุดที่ตัวเองพอใจ
“หลินหยาง ตอนเธอออกไประวังคนจะเห็นนะ” หลี่หลันเอ่ยกระซิบข้างๆหูของเขา
มองเห็นหน้าอกที่ขึ้นลงตามจังหวะหายใจของหลี่หลันแล้ว หลินหยางจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามเธอ “ครั้งต่อไปคุณจะยังต้องการอยู่อีกไหม?”
“ถ้าเธอว่าง ก็มาหาฉันนะ ฉันให้เธอได้อยู่แล้ว” ภายใต้การจู่โจมของแท่งอันแข็งแกร่งของหลินหยางนั้น ทำเอาหลี่หลันถึงกับเอ่ยออมาอย่างไม่มีเรี่ยวแรง
“ถ้าอย่างนั้นถ้าผมว่างผมจะมาหานะ ผมไปก่อน” สองคนนัวเนียกันอยู่ซักพัก ปภานสวมใส่เสร็จผ้าเสร็จแล้ว จึงออกจากบ้านของเธอไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน จึงทำอาหารค่ำง่ายๆทาน แล้วเขาก็มานั่งบนเตียงเพื่อฝึกฝนบทหลงเฟิ่งเจว๋ต่อ
เมื่อซักครู่ที่ไปสานสัมพันธ์กับหลี่หลัน ดูเหมือนจะมีส่วนช่วยในการฝึกฝนของเขา
รับรู้ได้ถึงความแข็งแรงภายในร่างกายของตัวเอง เหมือนมีการเพิ่มสัจปราณขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกดีใจยิ่งนัก
หากเขารู้สึกไม่ผิดไปจากนี้ล่ะก็ คืนนี้เขาคงจะเข้าสู่การฝึกฝน บทหลงเฟิ่งเจว๋ ระดับแรกอย่างแน่นอน
เวลาค่อยๆผ่านไป จนกระทั่งแสงพระอาทิตย์เคลื่อนเข้ามาแทรกท้องฟ้ามืดครึ้ม หลินหยางค่อยๆลืมตาขึ้นรับแสงพระอาทิตย์
การฝึกฝนมาทั้งคืนของเขา ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวังเลย ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ระดับที่หนึ่งแล้ว
“เข้าสู่ระดับแรกแล้ว ถ้าอยากจะพัฒนาทักษะของตัวเองต่อไป จะต้องการผู้หญิงมากขึ้นอีกหรือเปล่านะ?” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วลุกขึ้น และหลังจากทานอาหารเช้าแล้วนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนกังฟู บทหลงเถิงฟิ่งอู่ต่อ
หลินหยางไม่ชอบที่จะฝึกฝนกังฟูเท่าไรนัก เขาฝึกเพียงแค่สองรอบ แล้วก็พกอาหารออกไปยังเขตเป่ยหู
“ขอท่านอย่าอาวรณ์อาภรณ์สวย จงฉกฉวยเวลาวัยหนุ่มสาว ยามดอกไม้เบ่งบานรีบเด็ดเอา อย่ารอจนเหี่ยวเฉาทิ้งกิ่งไป” ระหว่างทางเดิน หลินหยางเก็บกิ่งไม้ขึ้นมา แกว่งไปมา แล้วท่องบทกวีบทหนึ่งขึ้นมา
แต่สองประโยคหลังสะท้อนถึงความคิดของหลินหยางที่มองว่าไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก เขามองว่าผู้หญิงที่ก่อความวุ่นวายไปทั่วแบบนี้ ตัวเขาจะต้องรักษาโอกาสไว้ให้ได้ หากมิเช่นนั้นรอให้เขาไปจากหมู่บ้านวี่หลง แล้วไม่ได้มีโอกาสกลับมาอีกก็คงจะเสียดายน่าดู
ในใจเขายังคงตีความหมายของบทกวีต่อไป และไม่นานเขาก็เดินทางมาถึงเขตเป่ยหู
เขตเป่ยหู เป็นชื่อเรียกของที่ดินฝั่งทางเหนือ เมื่อหลินหยางมาถึงเขาก็เดินขึ้นไปทางทิศเหนือทันที เขามองเห็นแม่น้ำของหมู่บ้านวี่หลง
เดินด้วยความเร็ว หลินหยางแบกจอบเดินไปรอบๆเพื่อหาต้นหญ้ากรดน้ำที่เขาต้องการ บริเวณแม่น้ำเขาใช้เวลาหาไปถึงสิบกว่านาที ในที่สุดเขาก็เจอต้นหญ้ากรดน้ำสองต้นที่ซ่อนอยู่ในกอหญ้าบริเวณนั้น
ใช้จอบขุดต้นหญ้านั้นด้วยความดีอกดีใจ แล้ววางไว้ในกระเป๋าหนังงูที่เตรียมมา หลังจากนั้นก็ค้นหาต้นหญ้านั้นต่อไป
เพียงแค่เขาทำถูกขั้นตอน เขาคงจะหารายได้จากการผสมยาครั้งนี้ได้แน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าวัตถุดิบยาเหล่านี้สามารถขายได้อย่างดิบดี แต่เขาเป็นเพียงต้นหญ้าเล็กๆ ไม่ได้มีโอกาสที่จะเข้าใกล้กลุ่มคนที่ที่มีค่าครองชีพสูงถึงเพียงนั้น
“พี่ชายหาอะไรอยู่น่ะ?” เป็นเพราะแม่น้ำยังสะอาดไม่มีมลพิษ จึงมีเด็กๆมาอาบน้ำที่แม่น้ำลำธารแห่งนี้ เอ้อหนิวเด็กน้อยผู้กล้าหาญเห็นหลินหยางกำลังก้มๆเงยๆเหมือนหาอะไรอยู่ตรงกอหญ้า จึงตะโกนเอ่ยถามขึ้น
เมื่อได้ยินเอ้อหนิวเอ่ยถาม แววตาของเขาจึงปรากฏแสงบางอย่างขึ้น แล้วเดินมาหาเด็กๆทั้งหกคนที่อยู่ตรงลำธารนั้นด้วยรอยยิ้ม
ในกลุ่มเด็กๆเหล่านี้ นับว่าเอ้อหนิวจะอายุเยอะที่สุด เหมือนว่าเด็กน้อยคนนี้จะอายุสิบสองขวบแล้ว ส่วนคนอื่นๆอายุเพียงแค่แปดถึงเก้าขวบเท่านั้น ยังเรียนอยู่ชั้นประถมอยู่เลย
“พี่มาหาหญ้าแบบนี้ที่นี่น่ะ พวกเราช่วยพี่หาหน่อย ใครหาเจอพี่ให้ต้นละสองเหมา” หลินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เด็กๆในหมู่บ้าน ปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีใช้เงินเศษพวกนี้หรอก หนึ่งบาทที่พกติดตัวอยู่นี่ก็เกินพอเสียแล้ว เมื่อได้ยินที่หลินหยางบอกดังนั้น เด็กๆถึงกับมีแววตาเป็นประกายขึ้นมา
“หนึ่งต้น สองเหมาหรือครับ?” เอ้อหนิวเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ต้นละสองเหมา สิบต้นก็สองบาท” หลินหยางอธิบายอย่างตั้งใจ
“พี่หลินหยางคงไม่โกหกพวกเราหรอกนะครับ หาเจอหนึ่งต้นพี่จะให้เงินสองเหมากับพวกเราจริงๆหรือ?” เอ้อหนิวเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ถ้าพี่หลอกพวกเรา พวกเราไปบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านได้เลย ให้เขาประกาศให้คนอื่นรู้ แล้วตำหนิวิพากษ์วิจารณ์พี่เลยก็ได้ แล้วอีกอย่าง ในหมู่บ้านเราสนิทกันขนาดนี้ พี่จะหลอกพวกเราไปทำไมกัน?” หลินหยางเอามือตบไปที่หน้าอกของตัวเองเพื่อเป็นการยืนยันกับสิ่งที่ตัวเองพูดไป