#12
เสียนอี่หันไปบอกสุ้ยหยวน “พี่หยวน ท่านรอข้าที่นี่สักครู่” จากนั้นเดินตามจ้าวเซิ่งเข้าไปในจวน
จ้าวเซิ่งพานางไปที่ศาลาใต้ต้นหลิว “ฮูหยินท่านนั่งก่อน”
เสียนอี่นั่งลงบนม้าหิน ส่วนจ้าวเซิ่งยืนค้อมกายต่ำ ดูก็รู้ว่าเขาเคารพนางมาเพียงใด
“ท่านอาไป๋ ท่านนั่งลงเถิด เวลานี้ข้ามาในฐานะบุตรสาวของท่าน หากใครเห็นเข้าจะสงสัยเอาได้”
“ขอรับ” เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม
เสียนอี่มองหน้าเขา ในใจรู้สึกผิดอย่างยิ่งยวด จ้าวเซิ่งกับภรรยาต้องต่อสู้ดิ้นรนเท่าใดกว่าจะรักษาอวี้เสวี่ยจนหาย แต่สุดท้ายนางกลับ...
“ท่านอาไป๋ ข้า...” เสียนอี่พูดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน นางเองยังทำใจมิได้ แล้วคนที่เป็นบิดาจะทำใจได้อย่างไร
“ฮูหยินมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านกล่าวมาเถิดข้าเตรียมใจไว้แล้ว” จ้าวเซิ่งมิได้โง่เขลาที่จะคาดเดาเรื่องราวไม่ออก อยู่ดีๆ เสียนอี่สวมชุดบุตรสาวมาหาเขา จะอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องปกติ
เสียนอี่ทำใจอยู่นานในที่สุดก็เอ่ยปาก “มู่หยุนกับอวี้เสวี่ยตายแล้ว”
พอจะคาดเดาได้ก็เรื่องหนึ่ง แต่ได้ยินกับหูมันคนละเรื่องกันเลย จ้าวเซิ่ง ปากเดี๋ยวอ้าเดี๋ยวหุบ ใบหน้าแข็งค้าง เขาอยากเอ่ยถามอะไรมากมาย แต่มิรู้ว่าจะเริ่มถามคำถามไหนก่อนดี ลูกสาวของเขาตาย หลานสาวของเขาก็ตาย ไม่ ไม่จริงใช่หรือไม่
“หลังจากวันที่อวี้เสวี่ยไปถึงหยางโจวได้หนึ่งวัน นางนั่งรถม้ามากับข้าและมู่หยุน ระหว่างทางจากหมู่บ้านเข้าเมือง พวกเราเจอกับคนร้าย ความตั้งใจของพวกมันแน่นอนว่าต้องการสังหารข้า แต่ข้าดันโชคดี ในขณะที่รถม้ากำลังจะร่วงลงไปในหุบเหว ตัวข้านั้นกระเด็นออกมาก่อน แต่มู่หยุนกับไป๋อวี้เสวี่ย พวกนาง..” เสียนอี่พูดแล้วก็ปิดหน้าร้องไห้ ต่อให้เข้มแข็งเพียงใด นางก็ยังเป็นแค่สตรีคนหนึ่ง
จ้าวเซิ่งยังคงกล่าววาจาไม่ออก ดวงตาของเขาแดงก่ำ บุตรสาวที่เขาพยายามยื้อชีวิตมาหลายปี อยู่ๆ มาตายจากไปในสภาพนี้ จะให้เขาทำใจได้อย่างไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงเปล่งเสียงออกมาได้ “ศพของนางเล่าขอรับ”
“ศพของนางถูกทำพิธีอย่างสมเกียรติในฐานะโหยวฮูหยิน” ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ แววตาของเสียนอี่คมกล้าขึ้น “เช้านั้น ข้าเห็นว่านางสวมชุดบางเกินไป จึงยกชุดของข้าให้นางไปชุดหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าในรถม้ามีข้าสามคน อวี้เสวี่ยถูกเศษรถม้าทับใบหน้าจนเสียหาย ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นข้า ท่านอาไป๋ ข้าขอโทษ”
ไป๋จ้าวเซิ่งแม้จะยังทำใจมิได้ แต่สำหรับเสียนอี่ เขาคิดว่านางคือผู้มีพระคุณ ในเมื่อบุตรสาวตายแทนเสียนอี่ จ้าวเซิ่งจึงมีความภูมิใจลึกๆ อยู่บ้าง “ฮูหยิน ข้าส่งเสวี่ยเอ๋อไปรับใช้ท่านก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ ในเมื่อนางได้ตายแทนท่าน นับว่าเป็นความภูมิใจของครอบครัวแล้ว ท่านอย่าได้รู้สึกผิด”
เสี่ยนอี่ส่ายหน้า “ไม่ พวกนางไม่ควรต้องมาตายเช่นนั้น และข้าจะไม่ปล่อยให้พวกนางต้องตายฟรี ข้าถึงได้มาหาท่านในฐานะอวี้เสวี่ย ข้าอยากให้ท่านรับข้าไว้ ข้าสาบานจะดูแลพวกท่านราวกับเป็นบิดามารดาแท้ๆ ตอบแทนที่นางตายเพื่อข้า”
จ้าวเซิ่งเข้าใจความหมายโดยทันที เขาพยักหน้าคราหนึ่ง ถึงเสียนอี่ไม่เอ่ยปาก เขาก็คิดเช่นนั้นอยู่แล้ว มีคนต้องการสังหารนาง หากรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ ต้องไม่ยอมลามือแน่ ทางเดียวที่จะอยู่รอดปลอดภัยในตอนนี้ได้ คือเสียนอี่ตายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ไป๋อวี้เสวี่ย
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากับภรรยาจะปกป้องท่านเอง”
“ขอบคุณท่านอาไป๋”
หลังจากพูดคุยวางแผนกันอีกพักหนึ่ง จ้าวเซิ่งเดินไปส่งนางที่ประตู “เสวี่ยเอ๋อ คืนนี้เจ้าไปพักที่โรงเตี๊ยมฮุ่ยเฮียงก่อน เดี๋ยวรอให้พ่อแจ้งท่านพ่อบ้านแล้ว ค่อยไปรับเจ้ามาอยู่ด้วยกัน”
“เจ้าค่ะ” เสียนอี่รับคำอย่างว่าง่าย ท่าทางของเช่นนี้ของนางกลับดูคล้ายไป๋อวี้เสวี่ยอยู่บ้าง
ร่ำลากันเสร็จนางก็ขึ้นรถม้าของสุ้ยหยวนไปหาโรงเตี๊ยมฮุ่ยเฮียงพักค้างคืน เสียนอี่บอกให้สุ้ยหยวนเดินทางกลับพรุ่งนี้ จะได้ไม่เป็นที่สงสัย ยังสั่งให้เขาแวะซื้อสินค้าตามหมู่บ้านต่างๆ ไปเร่ขายให้ดูสมจริง
ทางด้านภรรยาของจ้าวเซิ่งหลังจากรู้ข่าวตอนกลางคืน นางเป็นลมไปทันที ความคิดของมู่โถวไม่ต่างจากสามี นอกจากร้องไห้ทั้งคืนแล้ว เช้ามาก็ไม่ได้เผยพิรุธให้ใครเห็น
พ่อบ้านจวนสกุลซุนนามว่าอู่หนานเป็นคนค่อนข้างเคร่งครัด เพราะมีเจ้านายเป็นถึงต้าหลี่ซื่อ ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ตอนที่จ้าวเซิ่งมาถามไถ่เรื่องจะพาบุตรสาวเข้ามาขอทำงาน เขาสั่งให้พานางมาพบก่อน
ช่วงสายวันเดียวกันนั้น จ้าวเซิ่งออกไปหาเสียนอี่ที่โรงเตี๊ยม ตอนที่จ้าวเซิ่งบอกว่าจะพานางไปให้พ่อบ้านอู่ดูตัว เสียนอี่คิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะต่อให้ลั่วหยางจะห่างจากหยางโจวเป็นพันลี้ ก็ไม่อาจมั่นใจได้ ว่านางจะไม่เจอคนรู้จัก ช่วงนี้หลบอยู่ในจวนต้าหลี่ซือนับว่าดีที่สุด
คนอย่างเสียนอี่หากอยู่ข้างนอก นางย่อมมีลู่ทางทำมากิน ไม่จำเป็นต้องมาเป็นสาวใช้ เพียงแต่เวลานี้ไม่เหมือนกัน นางมิอาจอยู่ในฐานะหญิงหม้ายอีกทั้งมิใช่หญิงสาวแต่งงานแล้ว หญิงสาวตัวคนเดียวใช้ชีวิตอยู่ลำพังย่อมไม่ง่ายดายนัก