บทที่ 7 ไม่ต้องการเด็ก
ใบหน้าผมเกิดอาการชาครึ่งซีกจากแรงฟาดของคนตรงหน้า
ปึ่ก!! ปึ่ก!! ปึ่ก!!
กำปั้นบางทุบกระหน่ำลงที่อกผม เหมือนต้องการจะระบายความโกรธนั้นผ่านทางการกระทำ
"ฮือออ!! ทำไมต้องมาทำกับฉันแบบนี้!! ทำไมถึงต้องเป็นฉัน!! ทำไม…อึก!! ฮืออออออออ..."
ปึ่ก!! ปึ่ก!! ปึ่ก!!
เธอยังคงลงแรงทุบตีร่างกายผมอย่างต่อเนื่อง ส่วนผมเองก็ได้เพียงยืนนิ่งให้เธอเป็นฝ่ายกระทำอยู่แบบนั้น ซึ่งในตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ผมทำกับเธอในคืนนั้น ส่งผลให้เธอต้องตั้งท้องโดยที่ผมเองก็คิดไม่ถึง และไม่ได้ตั้งใจ…
"ชีวิตของฉันกำลังจะไปได้ดี ทำไมฉันต้องมาเจอคนแบบคุณ!! อึก…"
เธอหยุดทุบผมและยืนนิ่ง ริมฝีปากบางสั่นระริกบวกกับหยดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มเนียนนั้น แววตาเธอจ้องมองมาที่ผมอย่างโกรธเกลียด…
"ฮือออ…เป็นเพราะคุณ!!รักสนุกแค่ทางกายจนต้องทำให้ชีวิตคนอื่นพังลง!! คุณมันเลว!..."
"คุณครับ!!"
ร่างเล็กตรงหน้ายังพูดไม่จบ เมื่อเธอพูดประโยคนั้นขึ้นมาวิลล์ที่ยืนนิ่งอยู่ทางด้านหลังก็พูดแทรกขึ้นมาในทันที เหมือนเตือนว่าไม่ให้เธอพูดอะไรล้ำเส้นกับผม
"ไม่เป็นไร…พูดต่อสิ!!" เสียงเรียบของผมเอ่ยขึ้น
"……"
ร่างเล็กสบตากับผม ในขณะที่มือเธอเองยังคงกำหมัดแน่น เนื้อตัวสั่นเทา
ฟุ้บบบ!!!!
"เห้ย!!!"
จากนั้นเธอก็หมดสติและล้มไปอีกครั้ง แต่ยังดีที่ผมเข้าไปรับไว้ทัน
"ไปตามหมอ!!"
หลังจากที่ผมกลับจากโรงพยาบาลเพื่อมาประชุมที่บริษัท โดยที่ส่งลูกน้องสองสามคนไปเฝ้าหญิงสาวคนนั้นที่โรงพยาบาล
ในระหว่างการประชุมผมทั้งเหม่อทั้งไม่มีสมาธิ เพราะคิดแต่เรื่องของหญิงสาวคนนั้นและเรื่องเด็กในท้อง ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไง แน่นอนว่าผมเองนั้นยังไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาเป็นภรรยาของผม แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่คิดที่จะรับผิดชอบ และเรื่องนี้จะต้องให้คนที่บ้านใหญ่รู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด...
"คุณคัลเลอร์จะกลับบ้านหรือคอนโดครับ"
หลังจบการประชุมวิลล์เดินเข้ามาถามเมื่อผมกำลังเก็บข้าวของเหมือนจะไปไหนสักที่
"วันนี้ฉันจะไปกินข้าวที่บ้านใหญ่เสร็จก็กลับ"
"ไม่ค้างใช่มั้ยครับ"
"อื้อ ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง"
อย่างน้อยผมก็เอ่ยถามถึงเรื่องหญิงคนนั้นเพราะผมเองก็ไม่ใช่คนเลือดเย็นอะไร
"ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ หมอให้เธอนอนพัก พรุ่งนี้ก็คงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ"
"อื้ม"
บ้านใหญ่
ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูบ้าน พร้อมกับแม่บ้านอีกสามคนยืนรอต้อนรับผมเหมือนทุกครั้งที่ผมมาเยือนในบ้านหลังนี้
บ้านหลังนี้ถือเป็นบ้านของครอบครัวใหญ่ของผม มีคุณปู่ คุณย่า และคุณแม่ ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนคุณพ่อท่านเสียตั้งแต่ผมยังเด็กด้วยอุบัติเหตุ
ส่วนผมเองถ้าไม่อยู่ที่คอนโดก็อยู่ที่บ้านอีกหลังของผมซึ่งผมตั้งใจแยกออกไปใช้ชีวิตอิสระเพียงคนเดียว
ส่วนเลย์ที่เป็นพี่ชายก็แยกออกไปอยู่ที่บ้านอีกหลังเช่นกันพร้อมกับภรรยาและลูกของเขา เราจะมาเจอกันก็ต่อเมื่อทางบ้านใหญ่ให้มาทานข้าว หรือถ้าเป็นวันสำคัญของคนในครอบครัวก็จะเรียกรวมตัวกันตลอด วันนี้ก็เป็นอีกวันที่คุณปู่เรียกมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อต้องการพูดคุยพบปะด้วยกัน
เมื่อผมก้าวเท้าเข้ามายังในห้องอาหาร สายตาทุกคนต่างมองมาที่ผมเป็นตาเดียว แน่นอนว่าผมคือคนที่พิเศษคนหนึ่งที่เรียกตัวยาก หรือถ้ามาก็เป็นคนที่มาช้าที่สุดในงาน
"มาสักทีนะคัลเลอร์!" คุณปู่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบปนดุนิดๆ พร้อมกับทุกคนที่ส่งยิ้มเสมือนว่าต้อนรับผม
"คุณอาคัลเลอร์สวัสดีค่ะ"
เด็กหญิงสาวผู้น่ารักน่าเอ็นดูในวัยสี่ขวบ กระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งมากล่าวคำทักทายพร้อมกับเข้ามากอดผมอย่างร่าเริง เธอเป็นลูกสาวสุดรักสุดหวงของเลย์และพี่สะใภ้
"น้องมินนี่กลับมานั่งที่ค่ะ คุณอาคัลเลอร์จะได้ทานข้าวนะคะ" เสียงหวานของพี่สะใภ้แอบดุลูกสาวตัวเองเมื่อเธอปืนป่ายขึ้นมานั่งบนตักผม
"ไม่เป็นไรครับพี่มิน่า"
"ทานข้าวกันเถอะค่ะ คริ คริ"
ระหว่างที่ทานข้าวทุกคนต่างก็พูดคุยกันสนุกสนานตามปกติเวลาที่มาเจอกัน แต่ทว่าอยู่ๆคุณปู่ก็เปิดประเด็นเรื่องของผมขึ้นมา
"เมื่อไหร่จะหาแฟนเป็นตัวเป็นตนได้สักทีนะคัลเลอร์! ดูอย่างพี่ใหญ่วางแผนจะมีคนที่สองแล้วนะ" สิ้นคำพูดคุณปู่ สายตาทุกคนก็จ้องมองมาที่ผมเพื่อต้องการให้ผมพูดอะไรบ้าง
"ไม่รู้สิครับ...นี่ผม ใช่เลย์ที่ไหนหล่ะ" ผมตอบแบบส่งๆ ด้วยสีหน้าที่ทะเล้นใส่คุณปู่
"คัลเลอร์มีสาวเยอะแยะ เลือกสักคนมาแนะนำให้ที่บ้านรู้จักบ้างสิ!" เลย์ออกความเห็น บวกกับสายตาระหว่างพูดเหมือนกำลังประชดผม
"ไม่ต้องยุ่งเลยนะ"
"นี่ถ้าแกมีภรรยาและมีหลาน ปู่จะยกทุกบริษัทที่แกรับผิดชอบอยู่ให้เป็นชื่อแกทันทีเลย"
"ว้าว! เอาสิน้องรัก!"
"มีเมียคงยากครับ ถ้ามีลูกผมหาให้ได้ง่าย ปู่จะเอาผู้ชายหรือผู้หญิงดีหล่ะครับ" ผมพูดประชดโดยที่ไม่คิดอะไร พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
"คริ คริ คุณพ่อไม่ต้องไปบังคับคัลเลอร์เขาหรอกค่ะ ถ้าเขาอยากได้สมบัติที่คุณพ่อยื่นให้ ลินคิดว่าคงอีกไม่นานหรอกค่ะ คริคริ" เหมือนผู้เป็นมารดาของผมจะเข้าข้าง แต่ไม่ใช่เลย ท่านก็เข้าขากับคุณปู่ได้ดี จึงพูดประชดผมพร้อมทั้งเค้นเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
"ไม่รู้สิ ถ้าตาเลย์มีอีกคนเพิ่มปู่ก็ยกบริษัทที่คัลเลอร์ทำอยู่ให้เป็นชื่อตาเลย์ดีกว่า ส่วนคัลเลอร์ก็บริหารให้นามบริษัทของเลย์แล้วกัน"
"จริงหรอครับปู่ ขอบคุณนะครับ!" เลย์แกล้งทำเป็นดี๊ด๊าพร้อมวิ่งเข้าไปกอดคุณปู่ เพื่อตั้งใจจะกระตุ้นอารมณ์ผม
แน่นอนว่าพวกเราทุกคนสนิทกันที่สุด พูดคุยหยอกล้อกันได้โดยไม่คิดโกรธกัน และเรื่องมรดกทรัพย์สมบัติพวกเราก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งชิงกันอยู่แล้ว เพราะคุณปู่ส่งมอบให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม...
โรงพยาบาล
"เธอกำลังคุยกับหมออยู่ครับลูกพี่"
"อื้ม ขอบใจมาก พวกนายกลับไปพักได้แล้ว เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง"
"ครับลูกพี่"
วิลล์สั่งลูกน้องที่เฝ้าหน้าห้องให้กลับไป ระหว่างรอคัลเลอร์มาที่โรงพยาบาล
"มีอะไรหรอวิลล์" เมื่อชายหนุ่มถึงโรงพยาบาลก็มีเอ่ยถามลูกน้องคนสนิททันที
"คุณคัลเลอร์มาพอดี คุณหมออยู่ข้างในกับเธอครับ"
"อื้อ เดี๋ยวฉันรอหมอออกมาละกัน" ชายหนุ่มว่าพร้อมมองหาที่นั่งเพื่อรอให้หมอออกมา
"แต่เข้าไปนานมากแล้วนะครับ"
"ทำไมวะ..."
"ผมว่า…เธอคงไม่คิดจะทำอะไรที่เราคิดไม่ถึงกันนะครับ"
เมื่อวิลล์พูดจบผมก็ไม่รีรอที่จะให้คุณหมอออกมาก่อน ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องเธอเข้าไปเพื่อดูว่าคุณหมอคุยอะไรกับเธอ
"หมอจะยุติการตั้งครรภ์ของคนไข้ก็ต่อเมื่อภาวะการตั้งครรภ์มีปัญหา…แต่นี่คุณจะมาขอให้หมอเอาเด็กออก หมอทำไม่ได้หรอกนะคะ!!!"
"หมายความว่าไง!!" เมื่อผมก้าวเข้ามาในห้องเพียงก้าวเดียวก็ได้ยินสิ่งที่เธอคุยกับหมอทันที และมันก็เป็นไปตามที่วิลล์บอก
"อึก! คุณ..."
ทั้งหมอทั้งเธอคนนั้นก็มองมาที่ผมอย่างตกใจ
"ผมขอคุณกับเธอเป็นการส่วนตัวครับ..." ผมหันไปบอกกับหมอและพยาบาลให้รีบบออกไป
"บอกมาสิว่าคุณคิดจะทำอะไร!!" เมื่อคำได้ยินเรื่องสักครู่ อยู่ๆอารมร์ผมก็เสียขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บวกกับคนตรงหน้านั่งนิ่งบนเตียง
"อึก! ก็เอาเด็กออกไง! เด็กที่เกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ! อึก! ที่คุณเอาฉันไปทำเรื่องแบบนั้นจนท้องยังไงล่ะ เพราะถ้าให้เด็กเกิดมาตอนนี้ฉันรับไม่ได้หรอกนะ!! ฮือออออ...ฉันไม่ต้องการมัน!!!…" ร่างบางปาดน้ำตาและหันมาพูดเชิงขึ้นเสียงกับผม แววตาเธอสั่นระริกเหมือนทุกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
"คุณไม่ต้องการเด็ก! งั้นหรอ?"
"ใช่!" เธอยังคงตะคอกใส่ผม
"คุณไม่ต้องการ...แต่ผมต้องการ" ผมเอ่ยขึ้นเสียงเรียบปนเย็นชา