ตอนที่ 4 ข้าไม่ใช่ปีศาจ2
ข่าวนั้นถูกส่งอย่างรวดเร็วมาจนถึงค่ายทหารหน้าด่านที่จงซานโหวคอยบัญชาการ
และเมื่อได้รับสารนั้นอย่างครบถ้วน เสียงรับคำสั่งด้วยด้ามหอกด้ามทวนกระแทกพื้นดินดังลั่นสะท้านสะเทือนไปทั้งค่ายทหาร
สิ้นเสียงรัวกลองเพียงไม่นาน ขบวนกรีฑาทัพก็ถูกจัดเตรียมพร้อมสู้ศึก
ทุกแผนการและกลยุทธ์การศึกสารพันพิชัยยุทธ์ถูกวางกลอุบายรอบด้านเสร็จสิ้นในรุ่งสาง
เสียงเคลื่อนขบวนดังกระหึ่มกึกก้องนำทัพโดยขุนศึกผู้เกรียงไกร หวงหมิง...
เมื่อกองทัพของสองแคว้นประจันหน้า ทั้งห่าฝนธนู ทั้งลูกไฟ ล้วนดังผสานเสียงคมดาบคมหอกจนสะเทือนปฐพี
ฝ่ายเล่ออัน ก่อนไปทำศึกนางถูกหวงหมิงลากตัวให้ย้ายมาอยู่เรือนพักหน้าค่ายทหาร และกำชับเสียงเข้มว่ามิให้ปีศาจเช่นนางออกมาระรานผู้ใด
เล่ออันย่อมปฏิเสธเรื่องปีศาจแต่นางไม่มีทางปฏิเสธอาหารที่กองอยู่เต็มโต๊ะแน่นอนจึงยู่หน้าปากยื่นรับคำแกนๆ
แม้พ้นประตูเมืองหน้าด่านห่างออกไปไกลหลายลี้ ทว่าเสียงฟาดฟันยังได้ยินถึงค่ายทหารแห่งนี้
เล่ออันเงยหน้าจากอาหารที่กินอยู่เอียงหูฟังนิ่งๆ
ฟังอยู่สามวันผ่านไป
ห้าวันผ่านไปก็ยังฟังอยู่
อาหารหมดไปนานแล้ว เล่ออันหิวยิ่ง
สาวน้อยหวังว่าทาสหนุ่มผู้น่ากลัวของนางจะกลับมา เพื่อหาอาหารให้กินอีก...
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุด หวงหมิงก็กลับมา
ประตูห้องในเรือนถูกผลักเปิดอย่างอ่อนแรง
เล่ออันเงยหน้ามอง เห็นบุรุษร่างสูงยืนนิ่งสง่างามอยู่หน้าประตู สั่งการทหารรับใช้สองสามคำว่าให้เตรียมอาหารและห้ามรบกวน
ทันทีที่ประตูปิดลง ร่างสูงในชุดเกราะสีดำก็ทรุดฮวบ หวงหมิงย่อมไม่แสดงอาการบาดเจ็บของตนให้ผู้อื่นเห็น ทุกครั้งหากได้รับบาดเจ็บแค่บาดแผลภายนอกมิได้สะเทือนถึงอวัยวะภายใน ไม่บาดลึกถึงกระดูก ยิ่งมิใช่ถูกพิษอันใด ชายหนุ่มมักจัดการตัวเองได้ ไม่ช้าย่อมหายดี
แต่ขวัญกำลังใจของทหาร จะเสียหายมิได้เด็ดขาด
หากพวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าท่านแม่ทัพใหญ่อาจบาดเจ็บสาหัสจนมีอาการป่วยเรื้อรังติดกาย ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการศึกครั้งต่อไป แน่นอนว่ามิใช่เรื่องที่ดี ดังนั้น อาการบาดเจ็บของเขาจึงมีแม่ทัพคนสนิทเท่านั้นที่รู้ แต่ทว่า...ก็มิใช่ทุกครั้ง อย่างเช่นครั้งนี้...
หวงหมิงขบกราม ชันกายลุกขึ้นมานั่งลงบนเก้าอี้ ที่ข้างโต๊ะมีกล่องไม้ใส่ยาไว้ครบครัน
ชายหนุ่มค่อยๆ ปลดชุดเกราะและเปลื้องผ้าออกจนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นแผลสดๆ บนกล้ามเนื้อหนั่นแน่นภายใต้แสงเทียนชัดเจน
ทันใดนั้น บ่าหนาไหล่กว้างพลันหนักอึ้ง ตามด้วยสองแขนเรียวรัดรึง เสียงหวานหยดกระซิบอ้อนตรงริมหู
“ข้าหิวข้าวจะแย่ อา...ปวดท้อง”
“...!?” หวงหมิงตะลึงวูบ มุมปากกระตุกเล็กน้อย เขาลืมเสียสนิทว่าในห้องพักมีสตรีประหลาดอาศัยอยู่ด้วย
“ข้าบาดเจ็บ ไม่เห็นหรือไร?”
เล่ออันเอียงหน้ากะพริบตามอง “เห็น”
“ปีศาจเช่นเจ้าไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่”
“ข้ามิใช่ปีศาจนะ”
“จู่ๆ ตกจากฟ้าลงมานอนเปลือยตรงหน้า สามารถฆ่าคนทั้งกลุ่มโดยไม่ใช้ดาบ ตัดโซ่เหล็กโดยไม่แม้แต่สัมผัส” เขาเอ่ยทบทวนเหตุการณ์เหลือเชื่อเมื่อแรกพบกับเล่ออันด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้ามีมนต์มารปีศาจ”
หวงหมิงสีหน้าบึ้งตึงเย็นชา ดวงตาหรี่มองราวเหยี่ยวจ้องเหยื่อ “บอกมา เจ้าเป็นคนจากชนเผ่าปีศาจแคว้นไหน ถือลัทธิมารใด”
หญิงสาวมีหรือจะยอมรับ “คนผู้หนึ่งย่อมฝึกฝนลมปราณจนแตกฉาน เหมือนที่ท่านมีวรยุทธ์แก่กล้าปะไร และข้ามีอิสระไม่ขึ้นกับชนเผ่าแคว้นใด ยิ่งมิยึดถือลัทธิมาร”
หวงหมิงนิ่งฟังมิต่อวาจา เพราะว่ามีส่วนจริงอยู่มากในเรื่องฝึกฝนตนจนแตกฉานในวิชายุทธ์
ทว่าเขากลับไม่เชื่อคำของเล่ออัน
นางมิคล้ายจอมยุทธ์หญิง ยิ่งไม่เหมือนสตรีธรรมดา
เล่ออันไม่รับรู้สายตาคลางแคลงเพียงกวาดตามองบาดแผลของเขา “ให้ข้ารักษา?”
“ไม่ต้อง” ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี มิให้สันกรามแนบแก้มนุ่ม “ข้าไม่สะดวกติดค้างหนี้บุญคุณใครมากเกินไป”
หญิงสาวเลิกคิ้วงาม เชิดคางกล่าว “ผู้เป็นนายช่วยเหลือทาสในปกครอง มินับเป็นบุญคุณที่มากเกินรับไหว”
ทาส? ดวงตาบุรุษหรี่ลงอย่างอันตราย
นางเปรยเสียงเหนื่อย “ข้าหิวมากเลย หากไม่เป็นมนุษย์ธรรมดา ข้าจะหิวข้าวอยากกินขนมปานนี้ได้อย่างไร”
หวงหมิงมองสตรีที่ถือวิสาสะนั่งบนตักอย่างเย็นชา เขาจับนางให้ลุกออกไปจากหน้าขาตนเอง กล่าวเสียงขรึม “ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร จงอย่าล้ำเส้นข้า หากอยากกินข้าวก็ต้องเชื่อฟังข้า”
เพื่อแลกอาหารให้อิ่มท้องครบทุกมื้อเฉกมนุษย์ทั่วไป เล่ออันย่อมพยักหน้าหนักแน่น “อื้ม...”
บางครั้ง ผู้เป็นนายก็ต้องฟังคำหวังดีของทาสนั่นแล
ดวงตากลมโตใสกระจ่างกะพริบปริบๆ อย่างน่ารักเหมือนส่องแสงวิบวับ “ข้าทำแผลให้ท่านก่อน เสร็จแล้วท่านจะได้มีแรงไปหาข้าวให้ข้ากิน”
เมื่อการขัดขืนไม่เป็นผล เนื่องจากชายหนุ่มที่รู้สึกแสบตาอย่างไร้เหตุผลและเรี่ยวแรงหมดแล้วจนสิ้น เขาจึงถูกมือเล็กจัดการทายาทำแผลให้อย่างเงอะงะยิ่ง
หวงหมิงนั่งหลับตาอิงแผ่นหลังกับพนักเก้าอี้นิ่งๆ คิดเสียว่าปล่อยนางทำตามใจไปเช่นนี้ เพื่อที่นางจะมีเหตุผลในการแลกอาหาร เราสองย่อมไม่มีสิ่งใดติดค้าง
เพียงไม่นาน กล้ามเนื้อหนั่นแน่นคร้ามแดดตั้งแต่ลำคอแกร่งแผงอกผายจรดเอวสอบพลันเต็มไปด้วยผ้าพันแผลสีขาวอันยุ่งเหยิง
ทั้งรอยแผลเก่าและรอยแผลใหม่ถูกทายาจนวุ่นวาย ทว่าสภาพอันอเนจอนาถนี้กลับเสมือนมีมนต์เสน่ห์มากมายในร่างกายเขา
มันคือลายแทงอันล้ำค่าที่นำมาซึ่งขุมทรัพย์แห่งความภาคภูมิใจ
เล่ออันกวาดดวงตากลมโตสำรวจความสง่างามนี้อย่างเพลิดเพลิน
หวงหมิงมีคิ้วเข้มคมกริบดุจกระบี่ที่เปี่ยมพลัง มีนัยน์ตาที่สุกสกาวดั่งดวงดาว ยิ่งพิศยิ่งลุ่มลึกแลดูลึกลับยากหยั่งถึงหาใดเทียม
ในดวงตาคู่นั้นของเขาเหมือนกับว่าหากมองนานเข้าอาจถลำลึกจมดิ่มลงไปในห้วงดาราจักรอันเวิ้งว้างไร้ทางออก
ได้มองใบหน้าหล่อเหลารูปร่างองอาจสง่างามเช่นนี้ ได้พินิจท่วงท่าสุขุมหนักแน่นแฝงความเยือกเย็นใกล้ๆ เช่นนี้ สตรีทั่วไปย่อมมิอาจมีความคิดรักนวลสงวนตัวกระมัง
สาวน้อยสูดลมหายใจเข้าอกลึกยาว สะกดอารมณ์ฟุ้งซ่านเช่นปุถุชนสามัญลงไป
“อาหารที่สั่งไว้เสร็จแล้วหรือไม่ หากยังไม่เสร็จข้าจะกินท่านแทนแล้วนะ”
“...!?!”